วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

STAND BY ME DORAEMON


STAND BY ME DORAEMON / โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป


ผู้จัดจำหน่าย : TOHO COMPANY
สตูดิโอผู้สร้าง : FUJIKO PRODUCTIONS
ผู้กำกับ : ยางิ ริวอิจิ, ยามาซากิ ทากาชิ (ALWAYS: SUNSET ON THIRD STREET)
ประเภทของหนัง : ANIMATION | DRAMA | FAMILY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“เก็บเกี่ยววันเวลาที่อยู่กับเขาไว้ให้นานๆ น่ะ, โดราเอมอน เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป...”


'โดราเอมอน' ... แค่เอยชื่อทุกคนก็รู้แน่นอนว่ามันคือแมวไร้หูตัวสีฟ้าที่มาจากอนาคตในศตวรรษที่ 22 ที่มาเพื่อช่วยเด็กไม่เอาถ่านไม่เอาไหนไม่ได้เรื่องอย่าง 'โนบิ โนบิตะ' ให้เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เชื่อว่าทุกคนคงมีความทรงจำเกี่ยวกับโดราเอม่อนติดตัวมาไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง คนละอย่างสองอย่าง กับเด็กสมัยนี้ไม่รู้ว่ายังจะอินหรือไม่ แต่เด็กรุ่นๆ ที่เติบโตมาในช่วงที่ช่อง 9 กำลังบูมสุดขีดนี่มั่นใจว่าอินแน่ถ้าพูดไป 8 โมงเช้า เสาร์-อาทิตย์ ตื่นมาดู โดเรม่อน (สมัยก่อนเรียกแบบเนี่ยครับสำหรับช่อง 9 ไม่รู้ตอนนี้ยังเรียกแบบนี้อยู่มั้ย?) เนี่ยมันต้องมีแน่นอนที่มีโมเมนท์อะไรแบบนั้น

และไม่น่าเชื่อว่า โดราเอมอน ก็มอบความสุขมาถึง 45 ปีแล้วในปีนี้ ประจวบเหมาะที่ในปีนี้เองก็เป็นปีฉลองครบรอบ 80 ปีของ ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ (นามปากกาของ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ) ทำให้ปีนี้เป็นความบังเอิญหรือไงก็ไม่ทราบที่เราจะได้ดูหนังใหญ่ของ โดราเอมอน ถึง 2 เรื่อง! เรื่องแรกนั้นฉายไปแล้ว (โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ โนบิตะบุกดินแดนมหัศจรรย์ เปโกะกับห้าสหายนักสำรวจ) กับอีกเรื่องที่เพิ่งได้ฉายบ้านเรา ผลงานที่เปลี่ยนโฉมโดราเอมอนและผองเพื่อนจากงาน 2D สไตล์อนิเมญี่ปุ่นไปเป็นงาน 3D สมบูรณ์แบบกับ STAND BY ME DORAEMON งานกำกับของ ยางิ ริวอิจิ และ ยามาซากิ ทากาชิ (ผู้กำกับ ALWAYS: SUNSET ON THIRD STREET ทั้งสามภาค)


STAND BY ME DORAEMON เอาเค้าโครงตอนเด่นๆ ที่ลงไว้ในฉบับรวมเล่มมาดัดแปลงให้กลายเป็นเรื่องยาวหนึ่งเรื่องโดยที่เด่นๆ ก็ประกอบไปด้วย ตอนที่โดราเอมอนมาจากโลกอนาคตเพื่อมาช่วยโนบิตะตามคำขอของ เซวาชิ, ลาก่อนชิสุกะ, ตอนที่โนบิตะไปช่วยชิสุกะในอนาคตกลางภูเขาหิมะ, คืนก่อนวันแต่งงานของโนบิตะ และลาก่อนโดราเอมอน (ขออภัยจำชื่อตอนทางการที่ NED ใช้ไม่ได้จริงๆ ฉบับรวมเล่มก็ไม่ได้มีสักเล่มในบ้าน แต่อ่านหมดและดูหมดแล้วน่ะ แหะๆ) นอกนั้นตามทางก็จะเป็นเอาตอนสั้นๆ มายำรวมมิตรกันอีกที (เป็นฉากที่เอาไว้โชว์ของวิเศษของพี่มอนเขาล่ะ)

มีการเพิ่มเงื่อนไขในตอนที่โดราเอมอนมาจากอนาคตว่า โดราเอมอน จะกลับโลกอนาคตไม่ได้เด็ดขาดจนกว่า โนบิตะ จะพบกับคำว่าความสุขอย่างแท้จริง ก็ถือว่าคำว่า 'ความสุข' เป็นธีมของหนังก็ว่าได้ และในบรรดาตอนทั้งหลายที่เอามาเล่นนี่ก็แบบแหม่จะขยี้ให้แฟนๆ คนดูน้ำตาแตกแน่นอนเพราะแต่ละตอนนี่เป็นตอนที่เจ้าโนบิตะจะแฮปปี้มีความสุขทั้งนั้นเลย ไหนจะมีความอบอุ่น มีความซึ้งในแต่ละตอน คือหนังเน้นๆ เลยว่า ผมจะทำให้คุณเสียน้ำตาน่ะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้ และหนังก็ทำสำเร็จด้วยครับกับการขยี้คนดูจนต้องเสียน้ำตาให้กับหนังไปจนได้


หนังเนี่ยเด่นจริงๆ น่ะในด้านการขยี้น้ำตาคนดู ไม่รู้ว่าเราอินเพราะสายสัมพันธ์ของ โนบิตะ กับ โดราเอมอน หรือเราอินเพราะเราเติบโตมากับ โดราเอมอน หรือเปล่า หรือว่าเพราะทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ๆ หนังเป็นหนังที่เป็นหนังประเภทงานถวิลหาความสุขในอดีต ยิ่งถ้าเติบโตมากับ โดราเอมอน นี่แบบไม่ต้องพูดกันเลย เตรียมน้ำตามาได้เลย ยิ่งไปดูคุณผู้กำกับ ยามาซากิ ทากาชิ ผู้กำกับเจ้าของผลงานเรียกน้ำตาเรียกความสุขอย่าง ALWAYS: SUNSET ON THIRD STREET ทั้งสามภาค ไม่ต้องพูดกันล่ะ เชิญน้ำตาแตกได้เลย แต่อันนี้ก็ไม่รู้น่ะว่าแต่ละคนจะเสียน้ำตาให้หนังขนาดไหน บางคนอาจจะเสียให้กับหนังก็ได้ บางคนอาจจะไม่เลยก็ได้ แต่ตอนที่ไปดูเห็นคนอื่นรอบๆ ตัวนี่ก็ร้องน่ะ บางคนนี่ร้องฟูมฟายกันเลยทีเดียว

หนังเนี่ยมีข้อเสียเหมือนกันน่ะครับใครว่าไม่มี ไอ้ตอนจบมันเลยไม่ได้พีคเท่าที่ควรไม่เหมือนกับช่วงก่อนหน้าเนี่ย คือก่อนมาถึงช่วงท้ายเนี่ยทุกช่วงหนังยิงอะไรก็เข้าเป้าไปหมด ขอสปอยล์น่ะ คงสปอยล์ได้น่ะน่าจะพอรู้กันอยู่คือ ในช่วงคืนก่อนแต่งงานที่ได้เห็นพวกไจแอนท์ตอนโตด้วยหรือจะตอนที่พอชิสุกะได้พูดกับชิสุกะหรือช่วงที่โนบิตะจากอนาคตได้เจอโดราเอมอนอีกครั้งหรือตอนที่ โนบิตะ ไปสู้กับ ไจแอนท์ เนี่ย หนังเรียกน้ำตาได้หมดเพราะหนังมันพีคในอารมณ์มาก ซึ่งพอ โดราเอมอน กลับโลกอนาคต แต่!! คือเรารู้อยู่ว่า โดราเอมอน เนี่ยไม่มีตอนจบ ซึ่งพอ พี่มอนกลับโลกอนาคตแล้วจะต้องกลับมาแน่นอน ตรงนี้แหละคือจุดเดียวที่ไม่พีคแม้แต่น้อย เป็นข้อเสียเลย แต่ก็พอถูไถไปได้น่ะ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรเท่าไร


สุดท้ายพอหนังกลายเป็นงาน 3D ในตอนแรกก็ขอบอกว่าไม่คุ้นเท่าไร เพราะเราติดภาพแบบ 2D จากอนิเมมาก่อน แต่พอดูไปสักพักก็เห็นชัดๆ เลยว่า ภาพนี่สวยเด่นและงดงามมากๆ การแสดงออกของสีหน้านี่ทำได้ดีมาก ฉากต่างๆ นี่ทำได้สวยงามมาก โดยเฉพาะฉากในโลกอนาคตนี่มันอลังการมาก ถือเป็นประสบการณ์แบบใหม่ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนจาก โดราเอมอน (มันแปลกใหม่ๆ พอๆ กับตอน ฌอง เลโน่ มารับบท พี่มอน ในโฆษณารถยี่ห้อนาม...), ในไทยมีแบบซาวด์แทรคให้ได้ฟังกันด้วย แต่ซึ่งเพราะเติบโตมากับทีมพากย์ช่อง 9 เลยได้เลือกดูพากย์ไทยก่อน นี่มันความสุขจริงๆ แต่ซาวด์แทรคก็คงไปชมแน่นอนครับ...


ความยาวทั้งหมด 95 นาที
คะแนน 10/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น