วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

MISSION: IMPOSSIBLE - GHOST PROTOCOL


MISSION: IMPOSSIBLE - GHOST PROTOCOL /
 มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล - ปฏิบัติการไร้เงา


(16/12/2011) - 150 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : PARAMOUNT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : BAD ROBOT, SKYDANCE PRODUCTIONS
ผู้กำกับ : แบรด เบิร์ด (THE IRON GIANT, THE INCREDIBLES, RATATOUILLE)
ผู้อำนวยการสร้าง : ทอม ครูซ & เจเจ อับรามส์ (STAR TREK, SUPER 8)
ประเภทของหนัง : Action, Adventure, Thriller

เรื่องย่อ MISSION: IMPOSSIBLE - GHOST PROTOCOL
เตรียมกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ กับความมันส์ระห่ำแบบหยุดโลกของภาพยนตร์แอ็คชั่นทริลเลอร์ที่ทั่วโลกรอคอย 
Mission:Impossible Ghost Protocol ซึ่งได้ดารานำของเรื่อง ทอม ครูซ มารับบทเด่นที่สุดของเขาอีกครั้ง 
แบร็ด เบิร์ด เจ้าของสองรางวัลออสการ์ ขอกำกับภาพยนตร์ผจญภัยแนวสายลับที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็กชั่นตื่นเต้นลุ้นมันส์ เรื่อง MISSION: IMPOSSIBLE – GHOST PROTOCOL โดยมี ทอม ครูซ และเจเจ อับรามส์ เป็นผู้อำนวยการสร้าง
หลังโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายที่วางระเบิดนครเครมลิน เจ้าหน้าที่หน่วย IMF อีธาน ฮันท์ถูกตัดหางปล่อยวัด รวมถึงเพื่อนร่วมหน่วยคนอื่นๆ เมื่อประธานาธิบดีสั่งเริ่ม “ปฏิบัติการไร้เงา” อีธานที่ตกอยู่ในสภาพไร้ทางออกหรือผู้สนับสนุน ต้องหาหนทางล้างมลทินให้กับหน่วยงานของเขา และปกป้องการโดนโจมตีอีกครั้ง แต่ที่ทำให้ทุกอย่างยุ่งยากซับซ้อนขึ้น อีธานถูกบีบให้ต้องรับภารกิจนี้ร่วมกับเพื่อนๆ ร่วมหน่วย IMF ซึ่งต่างต้องหลบหนีความผิด และแต่ละคนต่างมีแรงจูงใจส่วนตัวที่อีธานไม่อาจล่วงรู้

มุมมอง

ประกาศๆ ก่อนอ่าน REVIEW นี้โปรดเปิดเพลง THEME นี้ควบคู่ไปด้วย


หนังภาคที่ 4 ของ ทีมสายลับแห่ง IMF ที่ทุกภารกิจ ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ ที่ในภาคนี้ อิธาน ฮันท์ ถูกสงสัยว่าเป็นผู้วางระเบิดพระราชวังเครมลิน ทำให้ IMF ถูกยุบ อิธาน ฮันท์ และ ลูกทีม ไม่มีทีมสนับสนุน และทีมๆ นี้ จะต้องหยุดการปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ ก่อนที่จะไม่ทันกาล ซะก่อน


หนังภาคที่ 4 ของ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล นี่คือภาคที่ดีที่สุดของซีรี่ส์ชุดนี้ หนังมาในบทที่ดี  หนังมาในองค์ประกอบที่ดี แอ๊คชั่นที่ดี ลุ้นระทึก แทบหยุดหายใจ บทตลกที่สอดแทรกเข้ามา ไม่ได้มาแบบที่ไร้สาระและไม่รู้จะใส่มาทำไม แบบ ทรานส์ฟอร์เมอรส์ 3 แต่มาในแบบช่วยดึงจุดเด่นแบบน่ารักๆ ของเหล่าตัวละครออกมาเพื่อลดความเครียดในฉากแอ๊คชั่นลงมา และเนื้อเรื่องยังมีไปเกี่ยวโยงนิดหน่อยกับตัวละครในภาคก่อนๆ (ซึ่งเป็นความลับของหนังที่เกี่ยวโยงกันกับตัวละครในเรื่อง)


หนังดูจะไปเน้น กับเหล่าทีมของ อิธาน ฮันท์ มากไปหน่อย เหล่าบรรดาตัวร้ายเลยดูเหมือนตัวประกอบไปหน่อย ไปหน่อย มีที่เด่นๆ อยู่ 2 คน เท่านั้น ส่วนทีมนักแสดงของภาคนี้ ทอม ครูซ กล้าเล่นกล้าเสี่ยงตาย ในฉากที่ ดูไบ ตัวละครอื่นๆ เช่น ไซม่อน เพ็ก ในบทของ เบ็นจี้ นี่คือตัวละครที่สามารถปล่อบมุกออกมาได้ตลอดเวลา และไซม่อน เพ็ก ก็สามารถเข้าถึงตัวละครตัวนี้ได้ดีที่เดียว ส่วนตัวละครที่ผมชอบที่สุดในภาคนี้ คือ แบรนด์ท ตัวละครที่ดูเงีบบขรึมและดูลึกลับที่สุดในกลุ่มนี้ ที่ความลับของเขาจะเชื่อมโยงกับความลับของ อิธาน ฮันท์ โดยบทนี้แสดงโดย เจเรมี่ เรนเนอร์ ดาราหนุ่มที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เจเรมี่ เรนเนอร์ สามารถเข้าถึงตัวละครตัวนี้ได้ดี เพราะแค่ความเท่ของตัวละคร ก็กินขาดแล้ว โดยรวมแล้วนักแสดงในเรื่องเล่นดี และองค์ประกอบโดยรวมของหนังก็ดี ทำให้นักแสดงดูโดดเด่นขึ้นมา


ทางด้านผู้กำกับในภาคนี้คือ แบรด เบิร์ด ต้องบอกไว้ก่อนว่า นี่คือหนังที่ แบรด เบิร์ด กำกับโดยมีคนแสดงเป็นเรื่องแรก เพราะในเครดิตของ แบรด เบิร์ด นั้นเคยกำกับ มาแต่หนังอนิเมชั่นทั่งหมด ทำให้งานนี้ แบรด เบิร์ด ได้รับเครดิตไปเต็มๆ เพราะ แบรด เบิร์ด นั้น สามารถดึงจุดเด่นของ หนัง มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล กลับไปเหมือนภาคแรกออกมาได้ และเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ ทำให้ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล ภาคนี้เป็นภาคที่ สมบูรณ์ที่สุด


ทางด้านงานด้าน ภาพ หรือ CG ของหนัง ฉากที่ระเบิดในเครมลิน CG ดูออกมาดี ในฉากนั้น หรือ ฉากต่างเช่นตึก เบิร์ท คาลิฟา ในดูไบ มุมกล้องดูสวยงาม และแปลกใหม่ หรือ มุมกล้องในฉากแอ๊คชั่นที่ดูลุ้นระทึกดี เพราะการตัดฉากไปๆ มาๆ ทำให้ฉากแอ๊คชั่นดูลุ้นระทึกดี


ปล. ปีหน้าจะเป็นการเฉลิมฉลอง ครบรอบ 100 ปี ของ PARAMOUNT PICTURES เลยมีการขึ้น INTRO ของ PARAMOUNT PICTURES แบบใหม่ ทำให้ MI4 เป็นหนังฉลอง 100 ปี เรื่องแรกของ PARAMOUNT PICTURES

โลโก้ฉลอง 100 ปีของ PARAMOUNT PICTURES
สรุป
MISSION: IMPOSSIBLE - GHOST PROTOCOL คือภาคที่ดีที่สุดของ MISSION: IMPOSSIBLE เพราะว่าองค์ประกอบในทุกด้านๆ ที่ดีแล้ว เมื่อมารวมกับการแสดงของ ทอม ครูซ ที่กล้าเสี่ยงตายในฉากที่ ตึก เบิร์ท คาลิฟา ในดูไบ ที่ทำให้ลุ้นสุดๆแค่นี้ ก็พอแล้วที่จะบอกได้ว่าภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุด และลุ้นระทึกที่สุด แต่ปัญหาก็คือ เหล่าตัวร้ายในเรื่องดูเหมือนเป็นตัวประกอบไปหน่อย น่าจะไปเน้นตรงจุดของตัวร้ายมากขึ้นหน่อย จะทำให้หนังดีขี้นกว่านี้ แต่ไม่ว่ายังไงสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ภาคนีเป็นภาคที่ดีที่สุด ก็คือ แบรด เบิร์ด เพราะ จะต้องได้รับ เครดิตไปเต็มๆ เพราะว่า เอาอยู่กับหนังเรื่องนี้ เพราะทำให้หนังดี ตื้นเต้น ลุ้นระทึกไปกับหนังตลอดเวลาได้นั้นเอง และนี่คือหนังที่ไม่ว่ายังไงก็ตามคอหนังจะต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

ความยาวทั้งหมด 133 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น