วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560

BEAUTY AND THE BEAST


BEAUTY AND THE BEAST / โฉมงามกับเจ้าชายอสูร


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WALT DISNEY PICTURES, MANDEVILLE FILMS
ผู้กำกับ : บิลล์ คอนดอน (DREAMGIRLS, THE FIFTH ESTATE)
ประเภทของหนัง : FAMILY | FANTASY | MUSICAL

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง


เรื่องราวของ “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” มันก็เป็นเรื่องสามัญที่หลายคนรู้กันว่า เรื่องราวว่าด้วยเรื่องอะไร ดำเนินเรื่องยังไง จะไปจบยังไง งานหนักของ ดิสนีย์ หนนี้เลยก็คือจะดัดแปลงยังไงไม่ให้เป็นการรีเม็คแบบตรงๆ ขึ้นจอ หนนี้ ดิสนีย์ เลือกที่จะใช้บริการของ “สตีเฟ่น ชโบสกี้” ผู้แต่งนิยาย/ผู้กำกับ/มือเขียนบท จาก THE PERKS OF BEING A WALLFLOWER (ที่ เอมม่า วัตสัน เคยแสดงไว้) มาทำหน้าที่เขียนบทให้กับหนังฉบับนี้

ชโบสกี้ ดัดแปลง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร รอบนี้ไม่ได้เป็นแค่การดัดแปลงรีเม็ค ให้กลายเป็นหนังคนแสดงแบบธรรมดา แต่หนังใช้สูตรเดียวกับ ซินเดอเรลล่า คนแสดง นั่นคือการเพิ่มมุมมองความเป็นมนุษย์ เพิ่มมิติของตัวละครลงไป มีความจริงจังในเนื้อหามากขึ้น (แต่ไม่ได้หนักข้อเกินเรท PG) เป็นการดัดแปลงแบบให้คนดูเข้าถึง จับต้องได้ แต่ถึงกระนั้นทั้ง ชโบสกี้ และ บิลล์ คอนดอน ผู้กำกับก็ยังเลือกที่จะรักษาธีมและหัวใจของเรื่องไว้ทั้งหมด ไหนจะยังเคารพต้นฉบับด้วยการคง เพลงต้นฉบับ และ สกอร์ดนตรี ต้นฉบับไว้ในหนังอีก


คือจะไม่เวิร์คแน่นอน ถ้าฉบับนี้รีเม็คแบบตรงๆ แต่พอตัวละครในหนังมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น หนังมันก็น่าติดตาม เห็นชัดๆ เลยว่าตัวละครในฉบับคนแสดงมีเหตุผล มีตรรกะ มีเหตุผลอะไรมากขึ้น จับต้องได้ อย่าง อสูร นี่มีมุมมีด้านอ่อนโยน เป็น อสูร ที่จิตใจงดงามแบบ มนุษย์ สวนทางกับ แกสตอง ที่เป็น มนุษย์ แต่จิตใจน่ารังเกียจแบบ อสูร ไหนจะบรรดาของใช้ที่อยู่ในปราสาท ที่มีความน่ารำคาญน้อยลง แต่มีจิตใจที่พยายามช่วยผู้เป็นนายมากขึ้น ส่วน เบลล์ นี่ยังคงเป็นหญิงสาวที่งดงามทั้งกายและใจไม่มีเปลี่ยนแปลง

เอาเป็นว่าหนังไม่ได้ดัดแปลงแบบขอไปที แต่หนังดัดแปลงได้ดีมากจริงๆ ดัดแปลงได้ยอดเยี่ยมและงดงามมากๆ ถึงจะมีข้อเสียที่หนังเนิบนาบและบางจังหวะก็ดูเร่งๆ ไปบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่รวมๆ ไม่ได้ถึงกับพาหนังเสียอะไรนัก, ข้อดีที่สุดคือหนังยังคงรักษาเอกลักษณ์ในแบบที่อนิเมชั่นทำไว้ได้ นั่นคือการเป็นหนังแบบ มิวสิคัล ไหนจะยังคงรักษาและใช้เพลงจากต้นฉบับไว้ได้ทั้งหมดนี่ก็ดี การใส่เพลงใหม่ๆ ลงไปนี่ก็เป็นข้อดีอีก พอกลายเป็นคนแสดงก็ทำให้เหมือนเป็นการได้ดู LES MISERABLES เวอร์ชั่น โฉมงามกับเจ้าชายอสูร อะไรประมาณนั้น


ยิ่งได้โปรดัคชั่นชั้นยอดมาเสริมยิ่งทำให้หนังยกระดับขึ้นไปอีก ไล่ตั้งแต่ฉากแรกๆ ที่ เบลล์ ร้องเพลง ‘Belle’ เดินไปทั่วหมู่บ้าน ไล่มาเรื่อยเพลง ‘Gaston’ ที่ แกสตอง, เลอฟู ร้องในโรงเหล้า พอมาถึงฉากเพลง ‘Be Our Guest’ ที่ ลูมิเยร์ จัดโชว์บนโต๊ะอาหาร นี่ทำได้ตื่นตาตื่นใจ แต่ที่ เมนอีเวนท์ ไฮไลท์สำคัญเลยก็คือ ฉากเต้นรำของ เบลล์ และ อสูร นี่คือที่สุดจริงๆ ขนลุกตั้งแต่ตอนทำนองเพลง ‘Beauty and the Beast’ ขึ้น ยิ่งพอ เบลล์ กับ อสูร เต้นรำนี่คือแบบตายๆ ตายงานนี้ตาย ขนลุกมาก!!!

จากนั้นก็มีเพลง ‘Evermore’ ที่ อสูร ร้อง นี่ก็เป็นอีกเพลงที่เรียกได้ว่ากะเอาตาย ขนลุก!, โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ฉบับนี้เป็นหนังที่ดัดแปลงได้ดีมาก เล่นกับเพลง เล่นกับโปรดัคชั่น เดินเรื่องก็ดีพอสมควร คือไม่อยากจะบอกว่า สิบนาทีสุดท้าย อยู่ๆ น้ำตาก็ซึม น้ำตาคลอ ถึงกับกัดฟันตัวเอง ว่าอย่าร้อง แบบมันเหมือนอัดอั้นมานาน หนังปูทุกสิ่งทุกอย่างมาเพื่อจุดนี้ ยามที่กลีบกุหลาบดอกสุดท้ายได้ร่วงหล่น มาถึงตรงนี้น้ำตามันก็มา ได้ปลดปล่อย ได้ระเบิดออกมาสักที ได้เห็น อสูรและโฉมงาม ขึ้นจอแบบคนแสดงสักที


พูดถึงนักแสดง พูดตรงๆ เลยนะว่า “เอมม่า วัตสัน” นี่เกิดมาเพื่อเป็น เบลล์ จริงๆ นั่นแหละ นึกใครที่เหมาะสมกับกว่า เอมม่า วัตสัน ไม่ออกจริงๆ นะ บท อสูร ก็เหมือนกัน “แดน สตีเว่นส์” นี่ก็เหมาะกับบทนี้มากเหมือนกัน ไหนจะแคสท์รองๆ ลงมาทั้ง “ลุค อีแวนส์” ในบท แกสตอง, “จอช แกด” ในบท เลอฟู คู่นี้รับส่งกันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ แถม อีแวนส์ ยังเล่นได้น่าหมั่นไส้อีก ส่วนพวก “ยวน แม็คเกรเกอร์” ในบท ลูมิเยร์, “เซอร์ เอียน แม็คเคลเลน” ในบท ค็อกส์เวิร์ธ และ “เอมม่า ธอมป์สัน” ในบท มิสซิสพ็อตส์ ต่างทำหน้าที่ของต้นเองได้ดีทั้งหมด
งานโปรดัคชั่น, งานคอสตูม อะไรพวกนี้คงไม่ต้องพูดถึงมากนัก อลังการ บอกได้คำเดียวไรที่ติ, ระบบ IMAX นี่เหมือนเกิดมาเพื่อหนังมิวสิคัลจริงๆ เสียงเพลงกระหึ่มมากจริงๆ, สรุปสุดท้าย พูดได้ล่ะว่า เด็กที่เกิดในยุค 80's 90's เติบโตมากับ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ของ ดิสนีย์ จะต้องรักหนังเรื่องนี้แน่นอนครับ...


ความยาวทั้งหมด 129 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น