วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

CINDERELLA


CINDERELLA / ซินเดอเรลล่า


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WALT DISNEY PICTURES
ผู้กำกับ : เคนเนธ บราน่าห์ (THOR, JACK RYAN: SHADOW RECRUIT)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | DRAMA | FAMILY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.. ในปี 1950 วอลท์ ดิสนีย์ เคยส่งอนิเมชั่นฝันหวานมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งของเจ้าชายรูปงามกับเจ้าหญิงรูปงามที่เกินครึ่งเรื่องปล่อยให้คนดูนั่งชมดูแมวไล่จับหนูเกือบครึ่งเรื่อง ใช่ครับเรากำลังพูดถึง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็... เอ้ย!! เรากำลังพูดถึง ซินเดอเรลล่า ต่างหาก หลังจากที่ ดิสนีย์เริ่มเอาอนิเมชั่นในคลังมาปัดฝุ่นใหม่ในรูปแบบภาพยนตร์คนแสดงเริ่มจาก ALICE IN WONDERLAND (ทิม เบอร์ตัน, 2010), OZ THE GREAT AND POWERFUL (แซม ไรมี่, 2013), MALEFICENT (โรเบิร์ต สตอร์มเบิร์ก, 2014) ซึ่งก็ทำเงินให้ดิสนีย์อย่างเป็นกอบเป็นกำจนมาถึงผลงานเรื่องนี้ "CINDERELLA" นั่นเอง

การที่ดิสนีย์เลือก เคนเนธ บราน่าห์ (THOR, JACK RYAN: SHADOW RECRUIT) มาทำหน้าที่กำกับถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้องครับ เพราะแกเข้ามาเติมความสมบูรณ์ให้กับเรื่องราวของหนังที่มีคนทุกยุคทุกสมัยนั้นรู้เรื่องราวอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนที่ บราน่าห์ และมือเขียนบทอย่าง คริส ไวตซ์ เข้ามาเติมเต็มให้กับหนังก็คือในส่วนของมิติของตัวละครครับ.. คือ ซินเดอเรลล่า มันไม่ได้เหมือนกับ อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์, ออซ หรือแม้แต่ มาเลฟิเซนท์ ที่มีการตีความใหม่ให้ตื่นเต้น ไหนจะมีฉากแอ็คชั่นเป็นตัวเสริมได้อีก เพราะถ้าเทียบกันแล้ว ซินเดอเรลล่า ถือเป็นเรื่องราวที่มีความธรรมดาที่สุดเมื่อเทียบกับผลงานที่กล่าวมาทั้งหมด ดัดแปลงอะไรก็ไม่ได้ อย่างมากก็แค่ใส่ ซีจี ให้งดงามและอลังการได้เท่านั้น


แต่ทั้ง ไวตซ์ และ บราน่าห์ เข้ามาเพิ่มเติมในส่วนของมิติตัวละครให้มีมิติตื้นลึกและมีความเป็นมนุษย์และจับต้องได้ ยกตัวอย่างเช่น แม่เลี้ยงใจร้าย (รับบทโดย เคท แบลนเชตต์) ถ้าในต้นฉบับ (ที่เป็นอนิเมชั่น) นี่มามิติเดียวเลยนั่นก็คือร้ายอย่างเดียว แต่ในฉบับคนแสดงนี้ แม่เลี้ยงใจร้าย ถ้ามองลึกๆ แล้วนางมีเหตุผลที่เป็นอย่างนี้ ซึ่งพอเรารู้เหตุผลที่ทำไมนางถึงร้ายเราก็เข้าใจเหตุผลและอาจจะไม่เกลียดทุกสิ่งที่นางเคยทำไว้ก็ได้ หรือจะยกตัวอย่างอีกสักคนอย่างท่านอำมาตย์ (รับบทโดย สเตลแลน สการ์การ์ด) ในต้นฉบับนี่เป็นอะไรที่แบบสดใสมากในฉบับนี้เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังมือคือยังคงรักและรับใช้ราชวงศ์นี้อยู่แต่จะไม่ยอมให้ใครมาขัดต่อกฎของราชวงศ์ที่สืบทอดกันมา

หรือแม้แต่ เอลล่า หรือ ซินเดอเรลล่า (รับบทโดย ลิลี่ เจมส์) คือในฉบับไหน ซินเดอเรลล่า ก็ยังคงเป็นคนที่มีจิตใจอันงดงามครับ แต่ในฉบับนี้หนังได้เพิ่มเติมในส่วนอดีตของเธอที่ทำให้เธอถึงกลายเป็นคนที่จิตใจดีงาม ซึ่งพอหนังได้เพิ่มเติมมิติตัวละครลงไปก็ทำให้หนังมีน้ำหนักและเหตุผลในการเล่าเรื่องมากขึ้นและทำให้หนังมีความสนุกมากขึ้นถึงแม้จะเป็นเรื่องราวที่เรารู้อยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้หนังเองยังเพิ่มและยกระดับความสัมพันธ์ของ ซินเดอเรลล่า กับ เจ้าชาย (รับบทโดย ริชาร์ด แมดเด้น) ให้มีอะไรมากกว่ารักแรกพบอะไรจำพวกนั้นด้วย อย่างน้อยที่สุดตรงนี้ถือเป็นอะไรที่หนังเพิ่มเติมลงไปและทำให้หนังดีขึ้นมากเลยทีเดียว


แต่ตัวละครที่หนังไม่ต้องเพิ่มอะไรลงไปแม้แต่น้อยก็คือ ดริสเซลล่า (โซฟี่ แม็คเชียร่า) และ อนาสตาเซีย (ฮอลลิเดย์ เกรนเจอร์) เพราะนี่ถือเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว .. อีกส่วนสำคัญที่ถือว่ามีบทบาทต่อหนังเป็นอย่างมากก็คือในส่วนของมุกตลกครับ อาจจะไม่ได้มากมาย แต่เซนส์ของมุกตลกนี่ถือเป็นอีกส่วนที่ขับเคลื่อนตัวหนังไม่ได้มากก็น้อยครับ ซึ่งจะพูดได้ว่านี่อาจจะเป็นเรื่องราวที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ ดิสนีย์ สามารถทำให้หนังมีมุมมองที่แตกต่างและน่าติดตามได้

ถ้าไม่นับในส่วนเนื้อหาแล้วอีกจุดที่ บราน่าห์ ทำได้ดีก็คือ ดนตรีประกอบของ แพทริค ดอยล์ ครับ คือสกอร์ของ ดอยล์ นี่มีบทบาทต่อตัวหนังมากครับ ในเมื่อหนังเน้นไปที่ความอลังการอยู่แล้ว ดนตรีประกอบของ ดอยล์ ยิ่งเพิ่มความสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยเฉพาะฉากการปรากฎตัวของซินเดอเรลล่าในวังไปจนถึงฉากเต้นรับและจนซินเดอเรลล่าหนีออกจากวัง ในซีนเหล่านี้สกอร์ของ ดอยล์ ทำออกมาได้เพอร์เฟกต์จริงๆ ครับ -- สรุปแล้ว CINDERELLA ถือเป็นหนังที่สนุกใช้ได้แม้จะเป็นเรื่องราวที่เรารู้อยู่แล้วก็ตามที แต่การเพิ่มอะไรลงไปนิดหน่อยก็ทำให้หนังออกมาดีได้ครับ...


ความยาวทั้งหมด 112 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger