STAR TREK BEYOND / สตาร์ เทรค ข้ามขอบจักรวาล
ผู้จัดจำหน่าย : PARAMOUNT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : BAD ROBOTS, SKYDANCE PRODUCTION
ผู้กำกับ : จัสติน ลิน (FAST FIVE, FAST & FURIOUS 6)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“การผจญภัย 50 ปี สตาร์เทรค ที่บียอนด์ไปอีกขั้น กับภารกิจ 5 ปีของยานเอนเตอร์ไพรซ์”
ก่อนหน้านี้เลยในหนัง STAR TREK และก็ STAR TREK INTO DARKNESS ทั้งสองตอนของ เจเจ เอบรามส์ ที่ถึงแม้จะเป็นหนัง สตาร์เทรค แต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องสิ่งที่เป็นภารกิจหลักของยาน ยูเอสเอส เอนเตอร์ไพรซ์ เลยนั่นก็คือ ภารกิจ 5 ปีของยาน เอนเตอร์ไพรซ์ มาเล่าเอาจริงๆ ก็เป็นตอนจบของภาค STAR TREK INTO DARKNESS นั่นแหละที่เริ่มเข้าสู่ภารกิจ 5 ปีแล้วหนังก็จบลง จนมาถึงมือของ จัสติน ลิน คนนี้เนี่ยแหละที่ได้เล่าเรื่องภารกิจ 5 ของยานเอนเตอร์ไพรซ์แบบจริงๆ จังๆ สักทีหลังจากรอมานาน ในหนังภาคที่สามของแฟรนไชส์นับตั้งแต่ รีบู๊ต เมื่อปี 2009 ในหนังที่เป็นโปรเจ็คต์ฉลอง 50 ปีของ สตาร์เทรค ... “STAR TREK BEYOND” !!
สตาร์เทรค ทั้งสามภาค (STAR TREK, STAR TREK INTO DARKNESS, STAR TREK BEYOND) ทุกเรื่องนั้นมีความเป็น สตาร์เทรค หมดมีจิตวิญญาณของ สตาร์เทรค หมด แต่หนังที่เข้าใกล้และใกล้เคียงต้นฉบับ THE ORIGINAL SERIES ที่สุดก็คงต้องเป็นภาค BEYOND นี้ แม้สองภาคก่อนหน้าจะไม่ได้เล่าภารกิจ 5 ปีแต่นั้นก็มีคุณค่าใหญ่หลวงต่อภาคนี้ เพราะทำให้เราได้เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของลูกเรือยานเอนเตอร์ไพรซ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นในภาค BEYOND นี้ความดีความชอบทั้งหลายก็ต้องยกให้ สองมือเขียนบทอย่าง ไซม่อน เพ็กก์ และ ดัก จุง และผู้กำกับอย่าง จัสติน ลิน ที่เข้ามาเฮลม์หางเสือต่อจาก เจเจ เอบรามส์ ได้ดี
เรื่องบทนี้ต้องชม เพ็กก์ และ จุง จริงๆ ครับที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ถึงจริงๆ ทั้งการผจญภัยของยาน เอนเตอร์ไพรซ์ ทั้งการแบ่งบทของตัวละคร ไหนจะฉากแอ็คชั่นที่มันส์มากๆ และยังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่แฟนๆ สตาร์เทรค ที่ เทรคกี้ และ เทรคเกอร์ หลายๆ คนถวิลหา แถมการเข้ามาของ ลิน ก็เป็นอะไรที่ถูกจังหวะมากๆ ลิน เข้ามาเติมเต็มและเพิ่มเติมชีวิตและอารมณ์ใหม่ๆ ให้กับแฟรนไชส์เป็นอย่างมาก ทั้งการเล่าเรื่องที่ฉวัดเฉวียน รวดเร็วไม่แพ้ทางด้าน เจเจ เอบรามส์ แต่กระชับฉับไวแต่อัดแน่นไปด้วยความสนุกและก็บันเทิง ลงตัวทั้งความจริงจังและก็การทีเล่นทีจริง เป็น สตาร์เทรค ภาคที่ครบเครื่อง และเป็นภาคที่บันเทิง เป็นอีกหนึ่งหนังดีประจำซัมเมอร์ 2016 นี้เลย
หลังการบุกโจมตีของ ครัล (ไอดริส เอลบ้า) วายร้ายลึกลับ ทำให้ เอนเตอร์ไพรซ์ พังพินาศแตกเป็นเสี่ยงๆ ลูกเรือทั้งหมดกระจัดกระจายไป และเมื่อไม่มียานเอนเตอร์ไพรซ์ ลูกเรือทั้งหมดก็ไร้ที่พึ่งพา ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว หนังวางเรื่องและบอกเล่าเรื่องได้ดีครับ ในจุดนี้ หนังกัน เอนเตอร์ไพรซ์ ออกไป ให้ลูกเรือทั้งหมดออกห่างจาก เอนเตอร์ไพรซ์ ให้ได้มากที่สุด ทีนี้เราจะได้เห็นตัวละครลูกเรือทั้งหลายได้โชว์ สัญชาตญาน ในการเอาตัวรอดของลูกเรือเอนเตอร์ไพรซ์ ครับ โดยเฉพาะตัว กัปตันเคิร์ก (คริส ไพน์) ที่ภาคนี้ต้องโชว์ความเป็นผู้นำ และก็ทำให้เห็นว่าเป็นกัปตันที่พึ่งพาได้จริงๆ
ครัล เป็นตัวร้ายที่ไม่เคยมีบทบาทมาก่อนเลยในจักรวาล สตาร์เทรค เป็นตัวละครที่เราไม่รู้ปูมหลังอะไรเลย มันไม่เหมือนกับตอน นีโร หรือ ข่าน ที่สามารถหาข้อมูลก่อนไปดูได้ แต่ ครัล นี่ต่างออกไป เราไม่รู้อะไรเลยกับตัวละครตัวนี้ ซึ่งนี่เป็นข้อดีครับ ครัล เป็นตัวร้ายที่มี มิติด้านเดียวครับเป็นตัวร้ายที่มาในแบบ คือข้ามาร้ายอย่างเดียว ข้ามาเพื่อเป้าหมายเดียวเท่านั้น เป็นตัวร้ายที่เต็มไปด้วยความ โทสะ เต็มไปด้วยความโกรธ เหมือนกับทั้ง นีโร และ ข่าน แต่เหมือนกับด้าน นีโร และ ข่าน เหตุผลที่ ครัล ทำพอมาฟังอธิบายมันก็เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น คือตัวร้ายในจักรวาล สตาร์เทรค ตั้งแต่ รีบู๊ต เหตุผลของแต่ละมันก็น่าเชื่อถือหมด ซึ่งในครั้งนี้ ครัล ก็เหมือนกับที่ นีโร และ ข่าน เหตุผลของหมอนี่นอกจากฟังขึ้นแล้วยังทำให้เราเห็นใจและน่าจะเข้าใจตัวละครตัวนี้ได้
ด้านบทบาทของลูกเรือเอนเตอร์ไพรซ์ในภาคนี้ แบ่งสันปันส่วนได้ดีครับ หลายๆ คนในภาคนี้บทบาทเด่นมากๆ ทั้ง สก็อตตี้ (ไซม่อน เพ็กก์), คุณซูลู (จอห์น โช) และก็ เชคอฟ (แอนทอน เยลชิน) ที่บทภาคนี้เด่นมากๆ มีส่วนต่อภารกิจและก็เนื้อหามาก แต่ที่เราขอพูดถึงในหนนี้คือ ทรินิตี้ อย่าง กัปตันเคิร์ก (คริส ไพน์), สป็อค (แซคคารี่ ควินโต้) และ โบนส์ (คาร์ล เออร์บาน) ครับ ในภาคนี้ สัมพันธ์มิติของตัวละคร ทรินิตี้ ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นครับ โดยเฉพาะ โบนส์ กับ สป็อค ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา ภาคนี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของทั้งคู่ครับ มีหลายฉากที่น่าจะทำให้พัฒนาการของทั้งคู่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น บทของทั้งคู่เยอะมากในภาคนี้ อีกคู่คือ โบนส์ กับ เคิร์ก ภาคนี้ก็มีฉากให้จดจำมากขึ้น ส่วน เคิร์ก กับ สป็อค นี่คงไม่ต้องอธิบายให้มากความภาคที่แล้วก็เห็นอยู่
แต่ก็แอบเสียดายเหมือนกันที่บทของบางคนนี่ก็หายๆ เงียบๆ ไปเลยอย่าง อูฮูร่า (โซอี้ ซัลดาน่า) แต่กลับกันก็มี เจย์ล่าห์ (โซเฟีย บูเทลล่า) ที่ออกมาแทน และก็มีเคมีเข้ากันกับ สก็อตตี้ มาก, หลายๆ อย่างในหนังภาคนี้เข้าใกล้ความเป็น THE ORIGINAL SERIES เข้าไปมากขึ้นทุกที สัมพันธ์ของ กัปตันเคิร์กและสป็อคก็ก้าวไปไกลขึ้นกว่าเดิมเข้าใกล้ความเป็นซีรี่ย์เรื่อยๆ แล้ว โดยเฉพาะ คริส ไพน์ ในบท กัปตันเคิร์ก เริ่มเห็นเค้าลางการเป็น กัปตันผู้ยิ่งใหญ่เข้าไปทุกที (แถม คริส ไพน์ เองก็เริ่มที่จะคล้าง ป๋าวิลเลี่ยม แชทเนอร์ เข้าไปเรื่อยๆ ทั้ง ทรงผมและท่าทาง)
ต้องยกเครดิตให้กับทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ นั่นแหละ ที่สามารถดึงเสน่ห์ของตัวละคร (เกือบหมด) มาเล่นแร่แปลธาตุรีดเข้นเสน่ห์ออกมาให้เป็นที่จดจำได้จนหยดสุดท้าย เรื่องเคมีไม่ต้องพูดถึงนี่ก็ภาคที่สามแล้ว แค่ ลิน เข้ามาดึงเสน่ห์ของตัวละครและก็พัฒนาตัวละครชุดนี้ให้เป็นครอบครัวๆ จริงได้ ซึ่งภาคนี้มันก็สนุกจริงๆ นั่นแหละ มุกตลกในหนังอะไรหลายๆ จุดนี่บางทีก็แอบเกรียนคล้ายๆ GUARDIANS OF THE GALAXY เรื่องปล่อยมุกแบบทีเล่นทีจริงๆ มาเบรคความตึงเครียดอะไรพวกนี้
คุณมี สตาร์เทรค ในแบบของคุณ ผมเองก็มี สตาร์เทรค ในแบบของผม เทรคกี้ และ เทรคเกอร์ ทั้งสองรุ่นชอบมีคำถามชอบตีกัน ฝั่งที่ชอบ THE ORIGINAL SERIES ก็ไม่ค่อยชอบ สตาร์เทรค เวอร์ชั่น เจเจ เอบรามส์ เท่าไร ส่วน ฝั่งที่เป็นแฟนเวอร์ชั่น เจเจ ก็มักทะเลาะกันเรื่องที่แฟนๆ รุ่นเก่าไม่ยอมปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย แต่นี่เป็นหนัง สตาร์เทรค เรื่องแรกที่ เทรคกี้ ทั้งสองรุ่น สามารถจับมือจูงมือเข้าไปดูพร้อมกันได้ (แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าไม่ใช่แฟนตัวยงของ สตาร์เทรค คาดหวัง แบบที่ เจเจ ทำอาจจะผิดหวังนะ เพราะหนังยังมันมาแบบ นี่คืองานเฉลิมฉลอง คือทำเอาใจ เทรคกี้ สุดลิ่มทิ่มประตูเลย)
คือมันสุดจริงๆ ครับนี่เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางตลอด 50 ปีของแฟรนไชส์นี้ได้อย่างสมเกียรติและเต็มภาคภูมิจริงๆ ครับ STAR TREK BEYOND ฉลอง 50 ปี สตาร์เทรค ได้เกริกเกียรติ สมเกียรติมากๆ ซื้อใจ เทรคกี้ ได้แบบสุดๆ แถมยังรำลึก THE ORIGINAL SERIES แบบที่ไม่ต้องเล่นใหญ่ แต่โคตรขุนลุก พาเอาน้ำตาซึมได้ง่ายๆ (นี่น้ำตาซึมครับ) หนังเองมีนัยยะสำคัญเฉลิมฉลองในหนังด้วย (ถือว่าสปอยล์ล่ะมั้ง) หนังมีฉากฉลองวันเกิดของ กัปตันเคิร์ก ตอนท้าย แล้วถ้ารู้มาก่อนว่านี่เป็นโปรเจ็คต์ฉลอง 50 ปี น่าจะเข้าใจได้เลย นี่มันไม่ได้เป็นแค่งานฉลองวันเกิด กัปตันเคิร์ก แต่มันเป็นการฉลองวันเกิดปีที่ 50 ให้กับแฟรนไชส์มากกว่า และฉากสุดท้ายที่ ทุกคนมายืนดู เอนเตอร์ไพรซ์ ลำใหม่ที่กำลังสร้างอยู่จนสร้างเสร็จ พร้อมประโยคสุดคลาสสิคที่คราวนี้ตัวละครทุกตัวพูดพร้อมกัน
“อวกาศ, พรมแดนด่านสุดท้าย นี่คือการเดินทางของยานอวกาศ “เอนเตอร์ไพรซ์” นี่คือภารกิจ 5 ปี เพื่อสำรวจความแตกต่างของโลกใหม่ เพื่อแสวงหาชีวิตใหม่และอารยธรรมใหม่ๆ ท่องไปอย่างกล้าหาญ สู่ที่ซึ่งไม่มีใครไปมาก่อน”
พร้อมกับการบรรเลงเพลง Star Trek Main Theme อย่างที่บอกไป ไม่ต้องเล่นใหญ่ แต่ทำได้ขนลุก นี่เป็นหนังฉลอง 50 ปีแฟรนไชส์ สตาร์เทรค ที่ไม่ควรพลาดครับ...
ความยาวทั้งหมด 122 นาที
คะแนน 8.5/10 (แต่ถ้าคุณเป็น เทรคกี้ หรือ เทรคเกอร์ ไม่มีอะไรเหมาะกว่า 10/10 ครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น