วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

GUARDIANS OF THE GALAXY VOL. 2


GUARDIANS OF THE GALAXY VOL. 2 / รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : MARVEL STUDIOS
ผู้กำกับ : เจมส์ กันน์ (SLITHER, GUARDIANS OF THE GALAXY)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“อัลบั้มที่สอง ของ ศิลปินทีมเกรียนพิทักษ์จักรวาล เริ่มได้!!”


ไม่ว่าจะดูตัวอย่างกี่ตัว ดูสปอตอีกตั้งไม่รู้กี่ตัว แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยหรือทำให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับตัวหนังภาคนี้มากสักเท่าไรนัก นอกเหนือไปจากว่าภาคนี้ ปีเตอร์ ควิลล์ ได้พบได้เจอกับ อีโก้ ผู้เป็นพ่อสักที พร้อมกันยังต้องหนีหัวซุกหัวซุนจาก อายอีช่า ทั้งยังต้องมาร่วมมือกับศัตรูเก่าอย่าง เนบิวล่า, สหายเก่าก็คือ ยอนดู และร่วมมือกับสมาชิกใหม่ซึ่งก็คือ แมนทิส ในการรวมพลังพิทักษ์ปกป้องจักรวาลอีกหน นี่คือทั้งหมดที่เราๆ ได้รู้ คือสุดท้ายไปดูภาคนี้ในแบบๆ ที่เกือบๆ จะไม่รู้อะไรเลย

ในแง่หนึ่ง ภาคนี้ (หรือเรียกแบบเท่ๆ ว่า อัลบั้มสอง) มันคือความทะเยอทะยานของ เจมส์ กันน์ ผู้กำกับของหนัง ที่ต้องการขยับขยายโลกของ ทีมเกรียนพิทักษ์จักรวาล (และรวมถึง จักรวาลมาร์เวล) ให้กว้างไกลออกไปกว่าเดิม ทั้งการมีตัวร้ายที่มีเป้าหมายใหญ่กว่า โรแนน ในภาคแรก และการมีตัวละครใหม่ๆ มาขับเคลื่อนเรื่องราวให้เดินหน้าต่อไป ซึ่ง กันน์ นั้นทำได้สำเร็จครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะภาคนี้ กันน์ ไม่ต้องมาเสี่ยงมากดดันแบบภาคแรก ที่ไม่รู้ว่าจะรุ่งหรือร่วง พอไม่ต้องมาเสี่ยงอะไรแบบนั้น ภาคนี้เลยไปได้ไกลพอสมควร


กับ อัลบั้มที่สอง ทั้งการเล่าเรื่อง และการดำเนินเรื่องของหนังทำได้สนุกมาก! ถึงจะไม่ได้ยอดเยี่ยม ไม่เพอร์เฟกต์เท่ากับภาคแรก แต่หนังมันทำออกมาได้สนุกจริงๆ ถึงหนังจะมีเส้นเรื่องเยอะ ยิบย่อยเต็มไปหมดก็ตามที แต่ถึงกระนั้น เจมส์ กันน์ สุดท้ายก็สามารถนำพาทำให้เรื่องมาบรรจบเป็นเส้นเรื่องเดียวกันได้ในตอนท้ายได้อย่างสมบูรณ์และลงตัว

จริงๆ จะเรียกว่าเป็นภาคต่อ เป็น อัลบั้มที่สอง ก็ไม่ถูกสักทีเดียว จริงๆ ควรจะเรียกว่าเป็น อัลบั้มเสริม เดลุกซ์ อีดิทชั่น ของภาคแรกซ่ะมากกว่านะ เป็นภาคต่อที่เรียกว่าภาคต่อได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก คือมันมีองค์ประกอบอะไรๆ ที่มีกลิ่นอายแบบภาคแรก อัลบั้มแรก อยู่พอสมควร คือ อัลบั้มสอง นี่มันเป็นอัลบั้มเสริม ที่มาเสริมในส่วนที่ภาคแรกไม่ได้เล่า ไม่ได้กล่าวถึงมากกว่า อะไรแบบนี้


กับ ประเด็น และ ธีมหลัก ในภาคนี้ก็คือ ครอบครัว (ในความหมายเชิง ครอบครัว, พี่-น้อง และ พ่อ-ลูก) หลังจากจบภาคแรกที่ ปีเตอร์ และ ทีมการ์เดี้ยนส์ สามารถปกป้องแซนดาร์ (และจักรวาล?) จนก่อตั้งทีมขึ้นมา ซึ่งทั้งห้า (ที่ในระหว่างทางในอัลบั้มนี้จะเพิ่มเป็น หก, เจ็ด และ แปด ตามลำดับ) จะต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เปลี่ยนจากแค่ทีมสู่การเป็นครอบครัวเดียวกัน

การมาถึงของ เบบี้ กรูท นี่จึงเปรียบเสมือนพวกเกรียนนี้มีลูก เด็กจะเติบโตเป็นยังไงก็เพราะผู้ใหญ่เลี้ยงดู, การมี เนบิวล่า เข้ามาอยู่ในทีมก็ส่งผลให้ กามอร่า และ เนบิวล่า ทำให้พี่น้องคู่นี้ต้องปรับความเข้าใจกัน, การปรากฏของ อีโก้ ที่เป็นพ่อที่แท้จริงของ ปีเตอร์ และ ยอนดู ที่เหมือนเป็นพ่อเลี้ยงของ ปีเตอร์ ก็ยิ่งทำให้ประเด็นที่หนังจะเล่นยิ่งเด่นชัดและชัดเจนมากขึ้น ไหนจะ แมนทิส ที่ไร้เดียงสาไม่ต่างกับ กรูท หลายสิ่งหลายอย่างคือสิ่งใหม่สำหรับเธอ


ซึ่งประเด็นในภาคนี้ เจมส์ กันน์ ที่เขียนบทภาคนี้เพียงแค่คนเดียวก็เล่าได้ดีและลึกซึ้งมากทีเดียว โดยเฉพาะการเล่าสัมพันธ์ของ พ่อ และ ลูก ที่เล่าได้งดงามมาก แตกต่างจากภาคแรกที่เล่าสัมพันธ์ แม่ กับ ลูก คือรู้สึกว่าภาคนี้มันจับประเด็นได้ตรงได้เข้าเป้า กับทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังปูมาตั้งแต่ภาคแรกจนมาภาคนี้ ซึ่งเรื่อง พ่อ และ ลูก นี่ตรงและโดนมาก มันเป็นหนัง มาร์เวล ที่รู้สึกเล่าประเด็นนี้ได้ดีที่สุด ดีกว่า IRON MAN 2 หรือ ANT-MAN ซ่ะอีก

อัลบั้มที่สองนี้ เบบี้ กรูท โดดเด่นและขโมยซีนมาก! พวกตัวละครหน้าเดิมเราก็ได้เห็นแต่ละคนพัฒนาขึ้นไปไม่มากก็น้อย ทั้ง ปีเตอร์ ที่พวกเราได้รู้เรื่องราวมากขึ้น กับ กามอร่า และ เนบิวล่า หนังก็ขยายเรื่องราวว่าทำไม เนบิวล่า ถึงจงเกลียดจงชัง กามอร่า ขนาดนั้น เจาะลึกเข้าไปในจิตใจที่แข็งกระด่างของ เนบิวล่า ไหนจะ ร็อคเก็ต และ ยอนดู ที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของทั้งคู่มากขึ้น โดยเฉพาะ ร็อคเก็ต ที่เปิดใจรับคนอื่นมากขึ้น รวมถึง แดร็กซ์ และ แมนทิส (รับบทโดย พอม คลีเมนเทียฟ) ที่จับคู่กันและลงตัว โดยเฉพาะ แมนทิส นี่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่องได้ดี


ส่วนคนอื่น อายอีช่า (เอลิซาเบธ เดบิคกี้) เหมือนถูกใส่มาให้เป็นต้นเหตุของอัลบั้มที่สองนี้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้จดจำนอกเหนือไปจากเป็นการปูทางไปสู่เรื่องราวในอนาคตมากกว่า ส่วน อีโก้ (เคิร์ท รัสเซลล์) [สปอยเลอร์ อเลิร์ท!!] เป็น ตัวร้าย ที่โอเคเลยนะ ไอ้เราก็หลงนึกว่าเป็นตัวดี แต่กลับคิดเล่นการใหญ่กว่าตัวร้ายตัวอื่นๆ ในมาร์เวลพอตัว แต่ถามว่าน่าจดจำมั้ย ก็บอกเลยว่าไม่ เดี๋ยวก็โดนลืมไป ส่วนพวก เทเซอร์เฟซ (คริส ซัลลิแวน) หรือ สตาคาร์ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) ก็มาสร้างสีสันมาหอมปากหอมคอ คนหนึ่งยิงมุกไม่ไว้หน้า? อีกคนมาโผล่เท่ๆ ให้เป็นที่จดจำ

ฉากแอ็คชั่นในภาคนี้เอาจริงๆ มาเล่นใหญ่อลังการงานสร้าง ปิดงานก็ 30 นาทีสุดท้าย นอกนั้นก็ประปรายเดินเรื่องสลับกับฉากแอ็คชั่น แต่ก็เป็นฉากแอ็คชั่นที่โผล่มาเรื่อยๆ แต่ก็สามารถเอาไปคุยกับเพื่อนได้แบบสนุก ทั้งฉากเปิดเรื่อง (ชอบมาก! ไม่คิดว่าจะเล่นอะไรแบบนี้ ชอบฉากเปิดภาคนี้กว่าภาคแรกซ่ะอีก) หรือฉากในยานราเวนเจอร์ของ ยอนดู อะไรพวกนี้


มุกตลกภาคนี้ ภาคนี้เน้นฮาจริง มุกนี่ยิงกันเละมาก แถมยังใช้ประโยชน์จากความไร้เดียงสาของ กรูท และ แมนทิส รวมถึง แดร็กซ์ ได้คุ้มมาก ยิ่งมุกที่เล่นกับพวก เพลง พวกมุกป็อปคัลเจอร์ หรือหนัง ถ้าเก็ทมุกจะขำแบบไร้สติมาก เดอะ ฮอฟฟ์ ก็ดี แมรี่ ป็อปปินส์ ก็ดี, การใช้เพลงมาประกอบหนัง รู้สึกว่าภาคนี้ใช้เพลงได้เข้ากับจังหวะของเรื่องมากขึ้นน่ะ ไม่ได้ปล่อยมาแบบอยากจะปล่อยก็ปล่อยแบบภาคแรก แต่กลับกันถึงจะใช้เพลงได้เหมาะแต่รู้สึกว่าเพลงใน Awesome Mix vol. 2 ไม่โดนและน่าจดจำเท่า vol. 1 นะ

งานโปรดัคชั่นก็ดีตามมาตรฐาน ตอนเข้าไปในดาวของ อีโก้ มันช่างงดงามฟีลเดียวกันกับตอนที่ ออซ เข้า เมืองออซ ใน OZ: THE GREAT AND POWERFUL เลย สุดท้ายท้ายสุดแนะนำว่าควรดูแบบ IMAX ครับ หนังมีฟุตเตจพิเศษมีฉากขยาย 3มิติ ก็โอเคเลยทีเดียว .. ดูอัลบั้มนี้จบ ก็อดใจไม่ไหวอยากเห็นทีม การ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ แกแล็คซี่ ไปจอยกับ ทีม อเวนเจอร์ส ใน INFINITY WAR แล้วละครับงานนี้...


ความยาวทั้งหมด 136 นาที
คะแนนหนัง 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น