วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ANT-MAN


ANT-MAN / มนุษย์มดมหากาฬ


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : MARVEL STUDIOS
ผู้กำกับ : เพย์ตัน รีด (BRING IT ON, YES MAN)
ประเภทของหนัง : ACTION | SCI-FI

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“มาร์เวล ซูเปอร์ฮีโร่ ... เอ็ดการ์ ไรท์ สไตล์”


ถ้าต้องยกความยอดเยี่ยมและความสำเร็จของหนัง "ANT-MAN" ในครั้งนี้ให้กับใครสักคน คนๆ นั้นจะต้องเป็น เอ็ดการ์ ไรท์ และ โจ คอร์นิช หาใช่ เพย์ตัน รีด ที่เขามาเสียบแทน เอ็ดการ์ ไรท์ ในตำแหน่งผู้กำกับ และก็หาใช่ทางด้านของ พอล รัดด์ และ อดัม แม็คเคย์ ที่เขามาแก้บทของ ไรท์ และ คอร์นิช เพราะถึงจะบอกว่าพี่พอล รัดด์ กับ อดัม แม็คเคย์ เข้ามาแก้บทหนัง แต่เท่าที่ดู ทั้งคู่น่าจะมาแก้ในส่วนของสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับการนำพาไปสู่แฟรนไชส์อย่าง ทีมอเวนเจอร์ส ซ่ะมากกว่า ซึ่งหนังก็พูดไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำ เพราะงั้นกล้าบอกกล้าพูดเลยว่าความสำเร็จในครั้งนี้ของ ANT-MAN ต้องขอบคุณบทดีๆ ที่ทั้ง เอ็ดการ์ ไรท์ และ โจ คอร์นิช เป็นคนทำไว้จริงๆ

หนัง แอนท์แมน ถือว่าเป็นหนังเดี่ยวเรื่องที่ 6 ต่อจาก ไออ้อนแมน, ฮัลค์, ธอร์, กัปตันอเมริกา และ ทีมการ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ แกแล็คซี่ ซึ่งในหนังแต่ละเรื่องของมาร์เวลมันก็จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับหนัง แอนท์แมน นี้ถ้าจะต้องบอกว่าใกล้เคียงกับใครที่สุดคงต้องเป็นทางด้านของ ไออ้อนแมน ผสมกับ การ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ แกแล็คซี่ นั่นเอง เพราะส่วนหนึ่งแล้วด้วยแนวทางที่เอาเทคโนโลยีเป็นจุดขาย ไออ้อนแมน กับ แอนท์แมน คือหนังที่ใช้สูตรเหมือนกัน แต่ที่มาเด่นเลยคือหนังมันได้อารมณ์ความกวน ความเกรียนของหนัง ซึ่งเอาจริงๆ เจมส์ กันน์, เอ็ดการ์ ไรท์ และ โจ คอร์นิช นี่ก็เป็นเพื่อนกันแถมทำหนังสไตล์เหมือนกันอีก ถ้าหนังมันจะสไตล์เหมือนกันก็อย่าได้ตกใจไป


ใช่! แม้นาย เพย์ตัน รีด จะมาทำหน้าที่กำกับแทน ไรท์ แต่อย่าลืมว่าบทเกือบ 80% เป็นของ เอ็ดการ์ ไรท์ และ โจ คอร์นิช (ซึ่งพอดีว่า ไรท์ เนี่ยเป็นผู้กำกับที่ผมชอบที่สุดในยุคนี้หลังปี 2000 เป็นต้นมา) ถ้าจะบอกว่าหนังเป็นหนังสไตล์เอ็ดการ์ ไรท์ ก็ขอบอกเลยว่าใช่ แต่เป็น เอ็ดการ์ ไรท์ สไตล์ที่เปลี่ยนจากหนังเรท R มาเป็นเรท PG น่ะแหละ ความกวน, ความบ้า, ความเกรียนของตัวละคร นี่ใช่ๆ ซึ่งพอกลายเป็นหนังในบ้านมาร์เวลก็ถือเน้นที่ความสนุก, มุกตลก ก็เป็นอะไรที่ถือว่าเข้ากันดีกับแนวทางของ ไรท์ ครับ (แม้ ไรท์ จะไม่ได้กำกับก็เถอะ!)

ว่ากันที่เนื้อหารวมๆ ของหนังกันบ้างอะไรบ้าง คือเอาจริงๆ สเกลโดยรวมของหนังไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารมากมายอะไรนักถ้าเทียบกับหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ แต่ก็ถือว่าไม่เสียหายอะไรน่ะแถมเข้ากับเนื้อหาที่หนังพยายามเล่นอย่างการเป็นหนังโจรกรรมซึ่งถือว่าเป็นธีมที่แตกต่างจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่นๆ มากๆ คือก็มีบ้างที่หนังเรื่องอื่นๆ ที่มีฉากโจรกรรมหรือบุกถิ่นคนอื่น แต่เรื่องนั้นๆ มันไม่ได้เน้นจริงจัง แต่กับ แอนท์แมน นี่มาเล่นแบบโคตรจริงจังมาก (แต่ก็ไม่วายปล่อยมุกตลกอยู่ดีนั่นแหละ ฮ่าๆ) แถมกลับกันหนังทำให้เห็นว่าแผนโจรกรรมนี่ไม่ได้ทำเล่นๆ น่ะคือทำใหญ่ทำจริงมากๆ


แต่ก็ใช่ว่าข้อเสียของหนังไม่มีน่ะ จริงๆ คือมี หลักๆ คงไม่พ้นที่การดำเนินเรื่องในช่วงแรกๆ ของหนังที่ปูบท ทั้งอดีตของ แฮงค์ พิม ทั้งเรื่องชุด แอนท์แมน และ เรื่องของ เจเน็ต ไหนจะดราม่ากับลูกสาว, ความเป็นมาของ สก็อตต์ แลงจ์ หรือแม้แต่เรื่องของ ดาร์เรน ครอสส์ กับ พิม คือช่วงแรกๆ นี่วัดใจเลยก็ว่าได้ว่าคุณทนกับหนังได้ขนาดไหน คือถ้าไม่มีมุกบ้าๆ มุกเกรียนๆ ของตัวละครอย่างสก็อตต์หรือกลุ่มเพื่อนของสก็อตต์หนังจะกลายเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไปทันที แต่ถ้าเอาตัวรอดจากตรงนี้ไปได้ขอบอกว่าหนังนี่พลิกกลายเป็นหนังคนละม้วนเลยทีเดียว ก็หลังจากที่ สก็อตต์ ได้ชุด แอนท์แมน มานั่นแหละ..

ซึ่งขอบอกเลยว่าหลังจากที่บอกว่าหนังพลิกกลายเป็นหนังคนละม้วนนี่ไม่ได้เว่อร์น่ะคือมันเป็นหนังที่บันเทิงมากมาย เอาแค่ว่าบันเทิงอย่างเดียว หนังดำเนินเรื่องสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหนังเรียกเสียงว้าวได้จากคนดูได้ไม่ยาก เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะการนำเสนอในมุมมองเล็กๆ แปลกใหม่ แบบมดเนี่ยล่ะที่ทำได้ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพอกลายเป็นฉากแอ็คชั่นนั้น ก็ทำได้ตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก คือมันเป็นมุมมองที่จะไม่ได้เห็นในหนังเรื่องอื่นของมาร์เวลอย่างแน่นอนครับ


แต่แน่นอนถึงสุดท้ายธีมของหนังจะเป็นโจรกรรมผสมแอ็คชั่น แต่ท่าว่ากันตรงๆ แล้ว หัวใจหลักของหนังเรื่องนี้คือเรื่องของพ่อและลูกครับ ซึ่งทั้ง สก็อตต์ แลงจ์ และก็ทางด้านของ แฮงค์ พิม นี่ดูแล้วเป็นคนแบบเดียวกันเหมือนกันมีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกันไม่มากก็น้อย อย่าง สก็อตต์ พยายามที่จะเป็นฮีโร่ในแบบที่ แคสซี่ ลูกสาวของเขามองว่า สก็อตต์ เป็นฮีโร่ของเธอมาโดยตลอด ส่วน แฮงค์ นี่เคยเป็นฮีโร่ของ โฮ้ป มาก่อนแต่ด้วยเหตุการณ์บางเกี่ยวกับ เจเน็ต แวน ไดน์ (ภรรยาของแฮงค์ที่เป็นฮีโร่นาม วอสพ์ มาก่อน) นั่นกลับทำให้สายสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไป และแฮงค์ต้องพยายามที่จะทำให้สายสัมพันธ์นั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ลึกๆ นี่คือหัวใจที่หนังพยายามเน้นพยายามเล่น

ผมเป็นแฟนแอนท์แมนน่ะ อาจจะไม่ได้เป็นแบบฮาร์ดคอร์เลย แต่ถ้าถามว่าชอบฮีโร่คนไหนของ มาร์เวล กัปตันอเมริกา และ แอนท์แมน (ทั้ง พิม และ แลงจ์) นี่จะเป็นตัวละครที่ผมบอกว่าชอบโดยตลอด จะด้วยความสามารถก็ดีหรืออะไรก็ดี ซึ่งในหนัง ANT-MAN นี่ขอชื่นชม (จากใจ) ที่ ไรท์, คอร์นิช หรือแม้แต่ พอล รัดด์, อดัม แม็คเคย์ รวมถึง เพย์ตัน รีด ที่พา แอนท์แมน ขึ้นจอโดยเคารพและซื่อสัตย์ต่อความสามารถที่ แอนท์แมน มีทั้ง ความสามารถที่มีอย่างย่อหดร่างได้ และสำคัญคือ สื่อสารกับ มด อย่างน้อยหนังก็ไม่ได้ทำให้ไอ้การสื่อสารกับมดมันดูตลกหรืองี่เง่า (นี่คือสิ่งที่กลัวมากว่าหนังจะทำมาไม่ดี) แต่พอได้ชมหนังเต็มๆ นี่โล่งเลยน่ะ คือนอกจากจะไม่ทำออกมาแปลกๆ แล้วยังทำออกมาได้เจ๋งอีกต่างหาก...


ว่ากันเรื่องของนักแสดงกันบ้าง ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อีกจุดของหนังก็ว่าได้โดยรวมทั้งตัว พอล รัดด์, ป๋าไมเคิล ดักลาส, อีแวนเจลีน ลิลลี่ หลักๆ สามคนนี้ซึ่งเป็นตัวหลักเคมีถือว่าเข้ากันมากๆ แต่ที่โดดเด่นสุดคงเป็นพี่พอลของน้องเรื่องนี้กินขาดมากทั้งความหล่อ, ความกวน, ความเท่ห์ได้ใจมากๆ ส่วนพวกตัวเสริมๆ ทั้ง ไมเคิล พีน่า, ที.ไอ., เดวิด แดสต์มัลเชี่ยน ทั้งสามเคมีก็ลงตัวกับ พี่พอล ดี แต่อยู่กันสามคนตบมุกกันได้ฮามาก (มุก ไททานิค สั้นๆ แต่ได้ใจความมาก) แต่ในสามคนนี้ ไมเคิล พีน่า นี่ตัวท็อปของเรื่องที่สุด

ส่วนคนรับบทตัวร้ายของเรื่องอย่าง คอรี่ย์ สโตลล์ ในบท ดาร์เรน ครอสส์ / เยลโล่แจ็คเก็ต นั้น บทหนังไม่ส่งเท่าไรก็ละเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจในฐานะอีกหนึ่งวายร้าย (ระดับที่ไม่เกินปีอาจจะถูกลืม) ของหนังมาร์เวลล่ะกัน ส่วนอันนี้ไม่ใช่นักแสดงและตัวละครหลักแต่อาจจะทำให้คุณตกหลุมรักอย่างเช่น แอบบี้ ไรเดอร์ ฟอร์ทตัน ในบท แคสซี่ ลูกพ่อสก็อตต์ นี่น่ารักมากๆๆๆๆ (รอหนูโตก่อนเถอะ) อีกคนเอ้ยอีกตัวนี่ก็เจ้า แอนท์โทนี่ เนี่ยล่ะ [สปอยล์] เจ็บปวดสุดๆ ตอนโดน เยลโล่แจ็คเก็ท จัดการ หลังจากนั้นนี่เอาใจช่วย สก็อตต์ มาก แก้แค้นให้ แอนท์โทนี่ ที


นอกนั้น อืม.. ขอสรุปสั้นๆ เลยว่า MARVEL'S ANT-MAN เป็นหนังอีก 1 เรื่องที่สมควรดูครับ หลักสนุกมาก (ถ้าไม่นับต้นเรื่อง) ถือว่ายังคงไว้ลายหนังมาร์เวลอยู่ และควรค่าแก่การเป็นหนังปิดเฟส 2 จริงๆ แม้วัดกันตรงๆยังเป็นรองหนังเดี่ยวอย่าง การ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ แกแล็คซี่, ไออ้อนแมน, ธอร์ พวกนี้อยู่ แต่สรุปว่าสนุกล่ะ - อนึ่งแนะนำให้ดูแบบ IMAX ครับ จอใหญ่สะใจมาก สีสวยสุดๆ แม้ว่าระบบ 3มิติ ยังงั้นๆ อยู่ตามสไตล์มาร์เวล (ทำไมมีแค่ การ์เดี้ยนส์ ออฟ เดอะ แกแล็คซี่ ที่ 3มิติ ดีล่ะว่ะ)...

ปล1. ผู้ให้กำเนิดอย่างปู่สแตน ลี มาแน่นอน
ปล2. [สปอยล์] มีอเวนเจอร์สปรากฏตัวในเรื่อง 1 คน มีการพูดถึง สไปเดอร์แมน 1 หน
ปล3. [สปอยล์] มีมิดเครดิตกับเอนด์เครดิต


ความยาวทั้งหมด 117 นาที
คะแนน 8.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger