STILL ALICE / อลิซ...ไม่ลืม
ผู้จัดจำหน่าย : SONY PICTURES CLASSICS, MONO FILM
สตูดิโอผู้สร้าง : BIG INDIE PICTURES, KILLER FILMS
ผู้กำกับ : ริชาร์ด เกลตเซอร์ และ วอช เวสมอร์แลนด์ (THE LAST OF ROBIN HOOD)
ประเภทของหนัง : DRAMA
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
STILL ALICE นี่น่าจะเป็นหนังที่ส่งให้ จูลิแอนน์ มัวร์ ได้ออสการ์มาครอบครองสักทีหลังพลาดมาตลอดสี่หนที่ได้ชิง หลังตัวหนัง STILL ALICE ส่งให้ จูลิแอนน์ มัวร์ เดินหน้าเก็บรางวัลในงานต่างๆ เกือบทุกงานไล่ตั้งแต่ ลูกโลกทองคำ ยัน บาฟต้า ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่ออสการ์แค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งการได้ชมรอบสื่อของ STILL ALICE ดูถ้างานนี้คงจะไม่มีการพลิกโผครับ จูลิแอนน์ มัวร์ น่าจะชนะทั้ง เฟลิซิตี้ โจนส์ (THE THEORY OF EVERYTHING), มาริยง โกติลยาร์ด (TWO DAYS, ONE NIGHT), โรซามุนด์ ไพค์ (GONE GIRL) และ รีส วิทเธอร์สปูน (WILD) ไปครองได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไร จากการรับบท อลิซ ฮาวแลนด์ ผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ครับ
STILL ALICE ถ้ามองโดยภาพรวมแล้วถ้าไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือพบเจอคนเป็นโรคอัลไซเมอร์มาก่อน มองโดยรวมก็นับว่าเป็นหนังที่ดีอยู่น่ะครับ อาจจะติดที่หนังดำเนินเรื่องได้เรียบง่ายไปหน่อย แต่ถ้ามองดีๆ หนังก็ทำให้เห็นถึงอันตรายของโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างดี ผ่านช่วงเวลาที่หนังดำเนินไป (หนังไม่ได้บอกเจาะจงเลยว่าเวลาผ่านมาผ่านไปกี่เดือนกี่ปีตลอดเวลา แต่จะเป็นการที่ตัวละครพูดขึ้นมา อาทิ สอนผ่านไปครบ 1 เทอม, ไปหาหมอเมื่อสองเดือนก่อน, หาโทรศัพท์มาหนึ่งเดือนแล้ว, ตั้งท้องมาเก้าเดือนจนคลอดลูกแล้ว หรือไปอยู่ที่อื่นเป็นปีๆ อะไรแบบนี้มากกว่า โดยรวมๆ หนังไม่ได้บอกว่ากินเวลาเท่าไร แต่จากทั้งหมดทำให้รู้ว่าหนังกินเวลานานพอสมควร)
ซึ่งหนังอย่างที่บอกทำให้เห็นถึงอันตรายของอัลไซเมอร์ได้ไม่มากก็น้อย ทำให้เห็นว่าถ้าจะเป็นอัลไซเมอร์เนี่ยบางทีเป็นมะเร็งยังจะดีซ่ะกว่า เพราะบางทีถึงโรคมันอันตรายกว่าเป็นอัลไซเมอร์แต่เราก็ยังคงจดจำทุกช่วงเวลาที่เราเคยมีเคยทำมาก่อนและยังจดจำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เหมือนกับการเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่นับวันจะยิ่งจดจำอะไรไม่ได้ ความทรงจำที่เคยมียิ่งจะเลื่อนหายไปทุกวันๆ บางครั้งอาจจะลืมชื่อของคนรัก, คนสำคัญในชีวิตไป หรือแม้แต่ อาหารที่เราชอบ ซึ่งมันจะไม่ได้ส่งผลแค่เราคนเดียวแต่ยังส่งผลต่อความรู้สึกของคนรักที่อยู่รอบตัวเราด้วย ดังนั้นกำลังใจของเราและคนรอบตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อผู้ป่วยอัลไซเมอร์ เพราะอย่างนั้นมองภาพรวม STILL ALICE เป็นหนังที่ตั้งใจเล่าเรื่องของ "ครอบครัว" ผ่านโรค "อัลไซเมอร์" ก็ว่าได้ครับ
โดยรวมเลยนับว่า STILL ALICE เป็นหนังที่ดีและเรียบง่ายเลยทีเดียวแต่หนังก็เป็นหนังที่ดูจะเหมาะที่จะเป็นหนังที่ให้ความรู้เป็นหนังสารคดีให้ความรู้แก่บรรดานักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน หรือแม้แต่คนที่อาจจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ไม่ยาก อาจจะติดที่ STILL ALICE อาจจะเป็นหนังที่นิ่งๆ ไปหน่อย จะพูดว่าอินหรือไม่ก็อินน่ะ แต่จะบอกว่าไม่ก็พอได้ มันมีจังหวะที่จะอินและก็ไม่อินอยู่บ้าง แต่โดยทั้งหมดทั้งมวลถือว่าหนังสอบผ่านเลยทีเดียว - ส่วนที่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญของหนังนั่นก็คือการแสดงของ จูลิแอนน์ มัวร์ นั่นป้ามัวร์มาแบบไม่ต้องเล่นเยอะ เรียบง่ายแต่ทรงพลังเลยทีเดียว ไม่ต้องเน้นซีนอารมณ์ให้เปลือง มาน้อยแต่ได้เยอะ ขอแค่ซีนเดียวที่โดนที่สุด และป้ามัวร์นั้นทำได้ครับในหนังเรื่องนี้
อารมณ์ในหนังของป้ามัวร์มาแบบคล้ายๆ เซอร์ แดเนี่ยล เดย์-ลูอิส ใน LINCOLN เลยที่แสดงแบบนิ่งๆ ง่ายๆ แต่ขอเปรี้ยงเดียวโดน ซึ่งยอมเลยป้ามัวร์ทำให้เราเชื่อว่าป้าเป็นคนอัลไซเมอร์จริงๆ ไม่ใช่การแสดงเป็นคนอัลไซเมอร์ และซีนเดียวที่โดนว่าป้าจะได้ออสการ์คือซีนที่กล่าวสุนทรพจน์ในหนัง นั่นแหละถ้าได้ออสการ์ก็ไม่มีข้อกังหาสำหรับนำหญิงปีนี้ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ คริสเตน สจ๊วร์ต นั่นเองในเรื่องนี้เธอรับบทเป็นลูกสาวของป้ามัวร์ โดยบทที่เธอเล่นเนี่ยออกแนวติสท์แตกผสมแบดเกิร์ลหน่อยๆ และเห้ยบทนี้เข้ากับเธอน่ะดูเหมาะกับตัวเธอเลยทีเดียว นอกนั้นทั้ง อเล็ค บอลด์วิน, ฮันเตอร์ แพร์ริช และ เคธ บอสเวิร์ธ ทำหน้าที่ได้ดีในบทสามี, ลูกชาย และ ลูกสาว ตามลำดับครับ...
ความยาวทั้งหมด 101 นาที
คะแนน 8/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น