วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

BORUTO -NARUTO THE MOVIE-


BORUTO -NARUTO THE MOVIE- / -โบรูโตะ- นารูโตะ เดอะ มูฟวี่: ตำนานใหม่สายฟ้าสลาตัน


ผู้จัดจำหน่าย : TOHO COMPANY
สตูดิโอผู้สร้าง : PIERROT
ผู้กำกับ : ยามาชิตะ ฮิโรยูกิ
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | DRAMA

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“เพราะนายคือลูกศิษย์ของฉัน!, เพราะนายคือลูกของฉัน! เปิดตำนานใหม่สายฟ้าสลาตัน”


อย่างที่รู้กันว่าเรื่องราวของ อุซึมากิ นารูโตะ ในการก้าวขึ้นมาเป็นโฮคาเงะจบลงสมบูรณ์ในมังงะเล่มที่ 72 แต่ถึงกระนั้นเรื่องราวของโลกนินจาก็ยังไม่จบลงเมื่อผู้มาสานต่อตำนานมีนามว่า 'อุซึมากิ โบรูโตะ' ลูกชายตัวแสบของโฮคาเงะรุ่นที่ 7 นั่นเอง, และสำหรับ "โบรูโตะ นารูโตะ เดอะ มูฟวี่" ซึ่งเป็นมูฟวี่ลำดับที่ 11 ของแฟรนไชส์ นารูโตะ นี้จะเป็นการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของพ่อและลูกตระกูลอุซึมากิครับ ซึ่งในภาคนี้ได้ อ. คิชิโมโตะ มาซาชิ คนแต่งเรื่องลงมาเป็นคนดูแลและเขียนบทให้เองกับมือครับ เพราะงั้นเชื่อลึกๆ ว่าถ้าเป็นสาวกนารูโตะน่าจะรักและชอบภาคนี้แน่นอนครับ

(ปล. ขอบอกไว้เลยล่ะกันผมยังไม่ได้ชมภาค เดอะ ลาสท์ กับอ่าน นารูโตะ ไกเด็น น่ะ แผ่นออกกระชั้นชิดกับภาคนี้เกินไปเลยยังไม่ได้ซื้อมาชม ส่วนมังงะออกเดือนหน้าในไทย แต่ไม่ต้องห่วงผมโดนสปอยล์มาหมดแล้วล่ะไม่ต้องห่วง ฮ่าๆ) สำหรับภาคโบรูโตะนี้เป็นภาคที่ผมดูแล้วผมชอบมากน่ะ ชอบมากกับประเด็นที่หนังเล่นและก็ชอบมากกับเนื้อหาและสารจะสื่อกับคนดู ที่ซ่อนอยู่ข้างในหนัง ซึ่งมาถึงตรงนี้ผมก็ขอบอกเลยล่ะกันว่าไอ้ประเด็นที่ว่าเนี่ยคือเรื่องปัญหาพ่อกับลูกครับ


ถ้าผมบอกว่าผมน้ำตาคลอเบ้ากับไอ้ปมพ่อและลูกเนี่ยจะมีใครเชื่อมั้ย คือหนังทำออกมาได้พีคมากน่ะกับไอ้ประเด็นนี้เนี่ย ลูก (โบรูโตะ) ที่พยายามที่จะเอาชนะพ่อพยายามที่จะโชว์ให้พ่อเห็นว่าตัวเองเก่งแต่ตัวเองไม่พยายามที่จะเข้าใจว่า กว่าที่พ่อ (นารูโตะ) ของตัวเองจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง แถมหนังยังขยี้หนักขึ้นไปอีกกับการเอาเรื่องพ่อของนารูโตะอย่าง มินาโตะ ที่เป็น โฮคาเงะ เหมือนกันมาเล่น คือผมอินมากน่ะกับไอ้เรื่องนี้เนี่ย

คืออย่างแรกเลยคือต้องเข้าใจว่า นารูโตะ เนี่ยมันเติบโตมาโดยไม่มีพ่อ (มินาโตะ) และ แม่ (คุชินะ) แถมเติบโตมาโดยไม่ต่างกับการเป็นคนนอก พอหนังจับเอาเรื่องตรงนี้มาเล่นเลยรู้สึกว่ามันโดนเป็นพิเศษ (อย่างน้อยก็ต้องอ่านมังงะทั้ง 72 เล่มจบก่อนล่ะน่ะถึงจะอินได้ขนาดนี้) แต่แล้วในที่สุดเมื่อ โบรูโตะ เข้าใจและตระหนักได้ว่ากว่าที่พ่อของตัวเองมายืนตรงจุดนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้างเมื่อนั้นอีกประเด็นที่วางไว้แต่แรกอย่าง การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การก้าวพ้นวัย ของ โบรูโตะ ถึงจะปรากฏให้เห็นครับ รวมๆ เลยคือเนื้อหาของภาคนี้นับว่าเป็นภาคที่ดีมากครับ


หลายๆ ช่วงหนังทำมาเอาใจสาวกเป็นอย่างมากครับ อย่างแรกเลยคือหนังพยายามให้เห็นว่า โบรูโตะ เนี่ยเหมือนกับ นารูโตะ ตอนเด็กๆ สมัยอยู่ทีม 7 ของ คาคาชิ มากๆ ยกตัวอย่างเช่น การเอาชุดตอนเด็กของนารูโตะมาใส่แล้วมีภาพซ้อนปรากฏอะไรแบบนี้ หรือช่วงท้ายๆ ของหนังนี่ก็ทำมาเพื่อเป็นการหวนร่ำลึกครับ ตอนที่จะใช้กระสุนวงจักร  มันจะมีฉากคัทซีนที่เป็นแฟลชแบ็คโผล่ขึ้นมาสั้น ในนั้นก็แสดงให้เห็นถึงอดีตของนารูโตะทั้งการปรากฏภาพของ จิไรยะ, การร่วมมือกันสู้ของ มินาโตะ กับ นารูโตะ, การต่อสู้กันของ นารูโตะ กับ ซาสึเกะ ตอนอยู่ทีม 7

ฉากแอ็คชั่นทำได้อลังการสมกับเป็นแฟรนไชส์นารูโตะไม่มีอะไรต้องติน่ะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดในหนังก็คือการที่หนังมีฉากที่ให้ นารูโตะ กับ ซาสึเกะ ได้รวมพลังกันต่อสู้กันอีกครั้ง หลังสงครามนินจา และวันที่ทั้ง โตะ และ เกะ เติบโตเป็นผู้ใหญ่และตระหนักในหน้าที่ของตน เชื่อเลยว่าฉากนี้ทำให้สาวก โตะ กับ เกะ ฟินกันไปไม่มากก็เยอะครับ ได้เห็นการประสานพลังของเก้าหาง กับ สึซาโนะโอ เอาจริงๆ ภาคนี้ดูแค่ นารูโตะ กับ ซาสึเกะ รวมพลังกันต่อสู้ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้ชมแล้วน่ะ อะไรนอกเหนือจากนี้ถือเป็นการเซอร์วิสแฟนคลับ (ฮ่าๆ)


ในหนัง นารูโตะ บอกจะคอยเฝ้ามองดูการเติบโตของโบรูโตะนับจากนี้และตลอดไป สำหรับผมที่เป็นคนดูก็จะบอกว่า ผมก็พร้อมที่จะดูและเฝ้ามองการเติบโตของโบรูโตะตลอดไปเหมือนกับที่เฝ้ามองการเติบโตของนารูโตะมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา -- ท้ายที่สุดภาคนี้ก็เป็นหนึ่งในภาคที่ดูสนุกที่สุดอีกภาคหนึ่ง ถ้าไม่ติดขัดอะไรหรือติดภาระหน้าที่อะไรมีเวลาก็อยากจะแนะนำให้ไปดูครับ (สุดท้ายหลังฟังเพลง Diver ของ KANA-BOON จบ หนังมีเอนด์เครดิตรออยู่ ที่เป็นการเปิดเผยความลับของ มิตสึกิ ตัวละครที่อยู่ทีมเดียวกับ โบรูโตะ และ ซาราดะ ครับ ไม่อยากให้พลาดครับ เป็นอะไรที่ตะลึงมาก)...


ความยาวทั้งหมด 95 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger