MARVEL'S THE AVENGERS / ดิ อเวนเจอร์ส
VIDEO
(01/05/2012) - 190 BATH (3D)
ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : MARVEL STUDIOS
ผู้กำกับ : จอสส์ วีดอน (BUFFY THE VAMPIRE SLAYER)
ประเภทของหนัง : ACTION | SCI-FI | ADVENTURE
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังแบบจัดหนัก อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“งานรวมพลฮีโร่ครั้งใหญ่ที่สุดของ
MARVEL และมาพร้อมทุกอย่างที่เข้าขั้นสุดยอด”
CAPTAIN AMERICA / STEVE ROGERS
หลังจากโคตรจะประสบความสำเร็จทั้งเสียงวิจารณ์และรายได้ ทำให้สุดยอด Project ของ
MARVEL ในจักรวาล
Marvel Cinematic Universe (MCU) ได้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาหลังจากทิ้งท้ายไว้ตาม End Credit ของ
IRON MAN ,
THE INCREDIBLE HULK หรือหยอดไว้ตามเนื้อเรื่องของ
IRON MAN 2 ,
THOR ,
CAPTAIN AMERICA: THE FIRST AVENGER ทำให้
MARVEL สามารถทำ
THE AVENGERS ออกมาได้สำเร็จ และการโปรโมทแบบสุดๆของ
DISNEY และ
MARVEL และความสำเร็จของหนัง 5 เรื่องก่อนหน้า คงไม่มีเหตุผลแล้วครับว่าจะไม่ดูหนังเรื่องนี้
The Avengers
IRON MAN / TONY STARK
เมื่อโลกตกอยู่ในอันตรายจากน้ำมือของโลกิน้องชายของธอร์ที่คิดจะทำลายล้างโลกที่มาพร้อมกับกองทัพลูกสมุนเผ่าชิทัวรี่ ทำให้หน่วยชิลด์ต้องรวบรวมเหล่าฮีโร่ชื่อดังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น
กัปตันอเมริกา ,
ไออ้อนแมน ,
ธอร์ ,
ฮัลค์ ,
ฮอวค์อาย และ
แบล็ควิโดว์ ต้องมารวมพลังปกป้องโลกก่อนถึงจุดจบอวสานของโลก ในนามของ ทีมซูเปอรฮีโร่
"
ดิ อเวนเจอร์ส "
THOR
จุดเด่นที่มีอยู่ในหนัง ดิ อเวนเจอร์ส คืออะไร คำตอบสั่นๆ ง่ายๆ และไม่ได้มีอยู่แค่ในหนังเรื่องนี้เรื่องเดียวด้วย แต่อยู่ในหนังของ มาร์เวล สตูดิโอ ทุกเรื่อง คือ แอ็คชั่นที่มันส์สะใจ, มุกตลกที่ตลกใส่มาอย่างถูกจุดและถูกเวลา, เนื้อเรื่องที่ไหลลื่น ดูสนุก และอเวนเจอร์ส ก็ทำได้เหนือกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาของมาร์เวล หนังเรียกได้ว่า แอ็คชั่นนี้มันส์มากและมันไหลมาแบบเรื่อยๆ มาไม่หยุดสุดๆ จนจบเรื่องจริงๆ ครับ และมุกตลกที่มาแบบถูกจุดอีกแล้วครับ ทั้งในช่วงฉากแอ็คชั่นก็ยังใส่มาและก็ใส่มาจนกลายเป็นจุดเด่นที่จะทำให้ถูกพูดถึงเมื่อดูหนังจบ และการใช้ฉากแอ็คชั่นแบบ Long Take ยาวเกือบ 20 นาทีในฉากไคลแม็กซ์ ที่สนุกแบบสมใจคนดู และดูเพลินแบบสุดยอด และกว่าจะถึงฉากนี้
ดิ อเวนเจอร์ส ก็ปูบทมาตั้งแต่ต้นเรื่อง นำเสนอมุมมองที่ตัวเองถนัด ใส่มาแบบเหนือชั้น ทั้งเนื้อเรื่อง บทตลก บุคลิกของตัวละคร (ที่เหนือกว่างานของ
DC Comics อยู่หลายขุม)
BLACK WIDOW / NATASHA ROMANOFF
และส่วนเนื้อเรื่องของหนังนั้นก็เป็นจุดสนใจมาตั้งแต่ก่อนหนังฉายแล้วครับว่า หนังที่มีฮีโร่มากขนาดนี้และโดดเด่นกันขนาดนี้ จะทำยังไงให้หนังออกมาไหลลื่น และดูสนุกโดย ฮีโร่ ไม่มาแย่งบทกันเอง แต่ใน
ดิ อเวนเจอร์ส สามารถทำได้ครับที่ฮีโร่มีจุดเด่นและมีรัศมีเท่าเทียมกัน โดยแก้ปัญหาตรงนี้ โดย
การเปลี่ยน ฮีโร่บางคนอย่างฮอว์คอาย ไปเป็นลูกน้องของโลกิ มันตั้งแต่ต้นเรื่องเลย และส่วนฮีโร่ที่เหลือก็จัดเนื้อเรื่องของหนังออกมาให้ฮีโร่กัดกันเอง โดยเป็นการเถียงกันแบบเมามันส์ สมใจคนดู และ มีลงไม้ลงมือกันบ้างนิดหน่อย แตกคอกันเอง จนในที่สุดก็กลับมาร่วมมือต่อสู้ ตามสไตล์ของหนัง และก็ยังมีตัวละครที่ขโมยซีนอย่างโดดเด่นหลือเกิน อย่าง
ฮอว์คอาย หรือ
เจ้าหน้าที่โคลสัน ที่แย่งซีน แต่ต้องแลกด้วย...
HULK / BRUCE BANNER
แต่ถ้าต้องบอกว่าใครโดดเด่นที่สุดในเรื่องผมขอยกให้
ฮัลค์ ที่แสดงโดย มาร์ค รัฟฟาโร่ ที่มารับบท
บรูซ แบนเนอร์ เป็นคนที่ 4 และให้เสียง
ฮัลค์ โดย ลู เฟอร์ริกโน่ คนที่รับบทของ
ฮัลค์ คนแรก ที่ต้องขอยกรางวัลตัวละครขโมยซีนแห่งปีให้กับ
บรูซ แบนเนอร์/ฮัลค์ เลย โดยเฉพาะช่วงท้ายที่จะไม่เรียกขโมยซีนได้อย่างไร ทั้งเขาสู้กันแทบตาย บรูซ ดันขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเฉย, การต่อยธอร์ซะกระเด็น, และที่ต้องบอกว่าแจ้งเกิดหวังให้มีหนังของตัวเองอีกครั้ง ก็คือ การเหวี่ยงผ้ายี้ห้อเทพกระจอก
โลกิ ไปมาเป็นของเล่นกันเลยทีเดียว แต่อย่างที่ จอสส์ วีดอน เคยบอกออกมาก่อนหน้าแล้วว่า หนังจะดำเนินเรื่องโดยมี
กัปตันอเมริกา เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง และจอสส์ ก็ทำได้อย่างที่บอกอีกแล้ว เพราะหนังมีแคปเป็นจุดศูนย์กลางจริงๆ ย้ำนะครับว่าเป็นจุดศูนย์กลางจริงๆ แม้ว่าจะถูกแย่งซีนไปหน่อยก็ตาม
HAWK EYE / CLINT BARTON
ด้านตัวละครใน ดิ อเวนเจอร์ส แม้ว่าตัวหนังจะมีฮีโร่เยอะแยะขนาดนี้ก็ตาม แต่หนังใช้บุคลิกตัวละครของฮีโร่ทั้งหลายที่ปรากฏกันมาแล้วในหนังภาคก่อนๆ มาใช้เป็นข้อดีอีกอย่างของหนัง เอาแค่ฉากที่เถียงกันในห้องทดลองของแบนเนอร์ ก็เล่นใช้บุคลิกของแต่ละคนได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งคววามปากมากของ โทนี่ สตาร์ค การค่อยแทรกขึ้นมาพูดของกัปตัน สตีฟ โรเจอร์ส ค่อยยิ้มและมีเสน่ห์อย่างธอร์ หรือ เทคนิคการพูดแบบไหลไปเรื่อย ของ นิค ฟิวรี่
NICK FURY
จะมีก็แค่ ฮอว์คอายเท่านั้นที่ยังไม่สามารถโชว์บุคลิกที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้ เพราะดันไปบลาๆๆๆ ตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่โดยส่วนตัวของผมแล้วผมชอบตัวละครอย่างแบล็ควิโดว์มากที่สุดเลยนะครับ ไม่ได้เป็นแค่ไม้ประดับเล่น แต่ถือว่า ยกระดับตัวละครให้สูงขึ้นมาอีกด้วย และมีบทที่เด่นใช้ได้เลยทีเดียว และผมหวังว่าในภาคต่อๆ ไป บทของเจ้าหน้าที่ มาเรีย ฮิลล์ จะโดดเด่นมากกว่านี้หน่อย และหวังว่า
The Avengers 2 คงวินาศสันตะโรมากขึ้นไปอีก (เพราะเล่นเปิดเผยศัตรูมาแล้วว่าเป็น
Thanos เจ้าของถุงมือ Infinity Gaunlet (แต่เอ๊ะถุงมืออยู่ในคลังสมบัติของโอดินพร้อมกับอาวุธของฮีโร่อีกหลายตนอย่าง
Iron Fist และ
Dr. Strange ) สนุกแน่หลังจากนี้หนังในจักรวาล MCU) และในภาคนี้น่าจะถึงเวลาแล้วด้วยที่
Black Widow, Hawk Eye และ
Nick Fury หรือ หน่วย
S.H.I.E.L.D พร้อมที่จะมีภาคแยกเป็นของตัวเองแล้ว (และโดยเฉพาะ
Black Widow ที่อยากให้ทำเป็นที่ซู้ดด เอาแบบเจาะลึกลงหลายรายละเอียด เอาตั้งแต่เกิดเลยและนำเสนอในรูปแบบสายลับอย่าง อีธาน ฮันท์ หรือ เจสัน บอร์น และห้ามเปลี่ยนคนแสดงเป็นอันขาด :P)
LOKI
การแสดงของนักแสดงที่ขอยกย่องในความสามรถของการแสดงคือ มาร์ค รัฟฟาโร่ ที่สามารถมารับบทต่อจาก เอ็คเวิร์ด นอร์ตัน ได้ดีมากในระดับที่สุดยอด (
ฮัลค์ตัวนี้คือฮัลค์ตัวเดียวกันกับใน The Incredible Hulk เมื่อปี 2008 ) ที่นอกจากมารับไม้ต่อได้ดีแล้ว สิ่งที่มาพร้อมกับรัฟฟาโล่ คือ ท่าทางที่ดูเป็นเด็กเนิร์ดๆ ที่ขอบอกว่ามันใช่อะ
บรูซ แบนเนอร์ ต้องแบบนี้ และชอบรองมาคือ สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน ที่ใช้สีหน้าและหุ่นและความสวยในการแสดงได้ดีมากๆ :) (อันนี้พูดจริงๆ นะ) และที่ชอบอีกคนคือ ทอม ฮิดเดิลสตัน ที่ชอบมากๆ อีกคนที่ใช้สำเนียงการพูดที่ทุ่มต่ำมาเป็นจุดเด่นมากๆ แต่ดูเจ้าเลห์เหมือนเดิม ส่วนนักแสดงที่เหลือก็โดดเด่นตามแต่ตัวละครที่ตัวเองได้รับ
THE AVENGERS
การที่
ดิ อเวนเจอร์ส ได้ ผู้กำกับที่บ้าการ์ตูนตัวจริง อย่าง จอสส์ วีดอน มากำกับและการเลือกผู้กำกับที่ไม่ดังมาก ก็เป็นการเลือกที่ถูกต้องมากๆ ของ มาร์เวล (ดูได้จาก จอน ฟาฟโร ที่กำกับ Iron Man 1-2) เพราะวีดอน กำกับหนังออกมาได้ดีในทุกด้านๆ เลยดั่งที่บบอกไปข้างต้นแล้วนั้นเอง และดูล้ำหน้าและดูเด่นมากขึ้นอีกก็คือ เอฟเฟกต์ที่ต้องบอกว่าอลังการงานสร้างงานช้างจริงๆ ของวีดอน เอาแค่ฉากเปิดตัวยานเฮลิแคริเออร์แล้ว ที่สุดยอดมากๆ ครับ แต่ถึงอย่างไรข้อเสียของดิ อเวนเจอร์ส ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ นั้นคือ 3มิติ ที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากหนักมีนู่นลึกตามมาตรฐาน3มิติอยู่แล้ว แต่3มิติบางฉากดันเหมือนไปทำร้ายและเกือบจะทำลายฉากบางฉากด้วยซ้ำ (ฉากไออ้อนแมน สู้กับ ธอร์) เพราะฉนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ ก็หลีกเลี่ยงเลย (แต่ผมตอนแรกก็หลีกเลี่ยงแต่รอบก่อนหน้าที่ดูที่นั่งเต็มเลยต้องมานั่งดู 3มิติ)
สรุป
The Avenger เป็นหนังที่ดูสนุก ตื่นเต้น ตลกและโดดเด่น แอ็คชั่นที่สนุกแบบจัดเต็ม มีองค์ประกอบการเป็นหนังซัมเมอร์ที่ดีและเหนือกว่านั้นนี่คือหนังที่ดีทีสุดของมาร์เวล สตูดิโอ สรุปจริงๆ แล้ว ดิ อเวนเจอร์ส ไม่ใช่หนังที่น่าดูเท่านั้น แต่เป็นหนังที่ต้องดูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ ต้องดูมากกว่า 2 รอบ ถึงจะดี และเหมือนเป็นการตอกย้ำใส่ DC Comics ว่า "เห้ย DC โครงการ JLA หรือ Justice League of America ของนายมันไม่เอาใหนเลยวะ" เพราะเราทำสำเร็จก่อนแล้ว
ความยาวทั้งหมด 142 นาที
คะแนน 10/10
“AVENGERS ASSEMBLE!! ”
✩ ✩ ✩ ✩ ✩
------------------------------------------------------------------
ใครที่ชอบอัพเดทข่าวสารวงการหนังขออนุญาติฝากแฟนเพจ
KURENAI MOVIE ไว้ด้วยนะครับ มาอัพเดทข่าวสาร หรือ พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ แบบมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง อัพเดทแบบไม่ให้ตกข่าวกันเลยครับ อย่าลืมมากด Like กันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น