วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

DIVERGENT


DIVERGENT / ไดเวอร์เจนท์ คนแยกโลก


ผู้จัดจำหน่าย : SUMMIT ENTERTAINMENT
สตูดิโอผู้สร้าง : RED WAGON ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : นีล เบอร์เกอร์ (THE ILLUTIONIST, LIMITLESS)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI

มุมมอง
“อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยเคารพหนังสือ จนคนอ่านแอบเซ็ง”


ออกตัวเต็มสปีดเลยไว้ตรงนี้ว่าแอดมิน "อ่านหนังสือ" แล้ว! แต่ก็เฉยๆ, DIVERGENT งานหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายวัยรุ่นที่เกิดขึ้นบนโลกที่ล่มสลายของ เวโรนิก้า รอธ ซึ่งในไทยก็มีนิยายทั้งภาคแรก (ไดเวอร์เจนท์ มายาเร้นโลก) และภาคต่อ (อินเซอร์เจนท์ ปริศนาสยบโลก) ออกมาขายเรียบร้อยซึ่งเราจะไม่พูดถึงแต่งานนี้เราจะมาพูดถึงฉบับหนังที่มีชื่อไทยแบบปวดตับอย่าง "ไดเวอร์เจนท์ คนแยกโลก" หนังที่ว่ากันว่าจะตามรอยความสำเร็จแบบหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายดังเรื่องอื่นๆ ทั้ง ทไวไลท์ หรือ เดอะ ฮังเกอร์ เกมส์ กับหนังที่ว่าด้วยโลกในอนาคตที่วัยรุ่นจะถูกแบ่งแยกไปเป็นห้ากลุ่มแต่ถึงกระนั้นก็จะมีวัยรุ่นที่ไม่เข้ากับกลุ่มใดเลยที่เรียกว่า ไดเวอร์เจนท์ !!

วัดกันในแง่ความเป็นหนังมันก็พอจะเพลินๆ ไปได้ ยิ่งจะเพลินถ้าคุณไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนเพราะคุณจะไม่ขัดหูขัดตาอย่างที่คนที่อ่านหนังสือเจอกับหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยาย ความหวังของแฟนหนังที่อยากเห็นก็คือถ้าหนังออกมาไม่ดีอย่างน้อยก็ได้โปรดช่วยเคารพเนื้อหาภายในนิยายหน่อย จะด้านเนื้อหา หรือด้านของตัวละคร ซึ่งใน DIVERGENT คุณก็ได้ตามคำขอนั่นก็คือไม่ค่อยจะเคารพเท่าไรนั่นเอง


ในเนื้อหาของหนังแอบปวดหัวกับการนำเสนอที่ดูจะไม่ค่อยมีน้ำหนักในการกระทำบางสิ่งบางอย่างของตัวละครสักเท่าไร อย่างเช่น อัล ทำอย่างนั้นไปด้วยเหตุผลแค่นั้นมันดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร ไหนจะด้านการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วแต่ทุกอย่างดูจะง่ายไปหมดซ่ะทุกอย่าง เหมือนกำลังเล่นเกมส์ในระดับง่ายที่สุดอะไรอย่างนั้น ผิดกับตัวหนังสือที่อะไรหลายๆ อย่างดูจะยากลำบากกว่านี้ แถมทุกสิ่งในหนังสือก็มีเหตุผลรองรับที่มาที่ไปในการกระทำทั้งหมดของตัวละครแทบทุกอย่างเลย

นี่ยังไม่นับบทบาทการที่หนังตัดอะไรหลายๆ อย่างที่สำคัญออกไปอีกมากมายอีกทั้งการที่ทริซได้เจอแม่, หรือตอนทริซไปเจอกับพี่ชายเคเล็บ นี่ยังไม่นับพวกเรื่องของคนไร้เผ่าที่ในหนังมันมีผลกระทบต่อตัวละครบางตัวได้มากพอสมควร แต่ในหนังถ้าบอกถึงคนไร้เผ่าก็แค่นั้นไม่มีอะไรเลย ในหนังแอบเสียดายที่หนังดูจะมุ่งเน้นความสัมพันธ์แบบประดากประเดือของ ทริซ กับ โฟร์ ที่ให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อว่ามันจะรักกันในเวลาแค่นั้น ซึ่งการที่ในหนังมันเน้นที่ ทริซ กับ โฟร์ มากไปงานนี้บทบาทของตัวละครตัวอื่นมันก็แทบไร้ค่าทันที


ยกตัวอย่างเช่น ปีเตอร์ (ไมลส์ เทลเลอร์) ในหนังสือนี่ถือเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งของทริซก็ว่าได้ แต่ในฉบับมันก็แค่ตัวประกอบที่ทั้งเรื่องพูดได้แค่ว่า "ผีดิบ" เท่านั้นเอง (แถมช่วงท้ายนี่แบบ อะไรว่ะ! เลยล่ะ) และเหนืออื่นใดบรรดาเพื่อนๆ ใน ดอนท์เลส ทั้ง คริสติน่า วิล อัล ก็ไม่ต่างกับตัวประกอบเท่านั้น เห็นได้ว่าในนิยายมันแทบจะต่างกับหนังแบบคนละขั่วก็ว่าได้ อาทิ ตอนจบที่สบถในใจว่า "มันอะไรกันว่ะเนี่ย มันไม่ใช่เว้ย!" ดังนั้นถ้าเอามาตรฐานนิยายกลายเป็นหนังยกตัวอย่างเช่น ฮังเกอร์ เกมส์ ทางด้าน ไดเวอร์เจนท์ ก็ได้เพียงครึ่ง (ไม่ถึงด้วยบางที) นี่ยังไม่นับถ้าเอาไปเทียบ เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ อีกน่ะ จนไอ้ฉบับหนังสือที่อ่านแล้วจัดว่าเฉยๆ ดูจะดีขึ้นในทันที

แอบเครียดน่ะถ้า INSURGENT ออกฉายจะเป็นอย่างไรในเมื่อหนังภาคแรกดัดแปลงได้เละเทะมาก ทั้งๆ ที่สิบนาทีแรกก็นับว่าเหมือนอยู่หรอกแต่หลังจากนั้นก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ ถือเป็นหนังที่น่าผิดหวังและเสียดายอีกเรื่องของปีนี้ครับสำหรับ DIVERGENT อนึ่งหนังมีเวลาเล่าให้ดีตั้งสองชั่วโมงกว่าแต่กลับทำไม่ได้ -- ไชลีน วู้ดลี่ย์ ควรกลับไปรับบท แมรี่ เจน วัตสัน ในทันที แม้เธอจะดูดีในบท ทริซ แต่ก็ไม่ได้เด่นจนดูจะแบกหนังทั้งเรื่องได้แบบที่ เจนนิเฟอร์ ลอร์เลนซ์ ทำไว้ใน ฮังเกอร์ เกมส์ ครับ ในหนังที่ดูพอจะโอเคหน่อยก็เป็น ไจ คอร์ทนี่ย์ ที่สอบผ่านในบท เอริค นอกนั้นนักแสดงอื่นๆ ก็จัดว่าธรรมดาครับ...


ความยาวทั้งหมด 139 นาที
คะแนน 7/10

1 ความคิดเห็น:

  1. ผมชอบฉากสุดท้ายมากครับหนังสือจบง่ายแต่หนังจบเก๋ๆ

    ตอบลบ

Powered By Blogger