SIN CITY: A DAME TO KILL FOR

SIN CITY: A DAME TO KILL FOR / ซินซิตี้ ขบวนโหด นครโฉด

ผู้จัดจำหน่าย : DIMENSION FILMS, THE WEINSTEIN COMPANY

สตูดิโอผู้สร้าง : ALDAMISA ENTERTAINMENT, DEMAREST FILMS, MIRAMAX FILMS

ผู้กำกับ : แฟรงค์ มิลเลอร์ และ โรเบิร์ต โรดริเกวซ (SIN CITY)

ประเภทของหนัง : ACTION | CRIME | THRILLER

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง

อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง

“กลับสู่เมืองคนบาปที่ไร้เสน่ห์”

..ใน SIN CITY ภาคแรกเมื่อปี 2005 งานกำกับของ แฟรงค์ มิลเลอร์ และ โรเบิร์ต โรดริเกวซ หนังที่ดัดแปลงมาจากคอมิคส์แนวนัวร์ของ แฟรงค์ มิลเลอร์ อีกที ในสายตา SIN CITY นั้นถือเป็นงานที่สมบูรณ์แบบในบทและการเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาแบ่งแยกกันแต่ตัวละครจะเชื่อมกัน ในจะด้านงานภาพแปลกตาแต่เป็นอะไรที่เป็นเอกลักษณ์สุดๆ แถมฉากแอ็คชั่นก็ร้องว้าวได้ไม่ยาก เพราะงั้นการกลับมาอีกครั้งในรอบแปดถึงเก้าปีใน A DAME TO KILL FOR ที่ แฟรงค์ มิลเลอร์ และ โรเบิร์ต โรดริเกวซ ยังกลับมาในตำแหน่งเดิม จึงเป็นงานที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง..

..ในภาค A DAME TO KILL FOR นี้ยังคงแบ่งเรื่องราวเป็นตอนสั้นๆ แบ่งแยกกันเหมือนเดิม แต่ก็มีการเชื่อมเนื้อหาให้ต่อเนื่องกันผ่านตัวละคร ในภาคนี้แบ่งออกเป็นตอนสั้นๆ ทั้งหมดสี่ตอนได้แก่ตอน 'JUST ANOTHER SATURDAY NIGHT' เล่าเรื่องของ มาร์ฟ (มิคกี้ โร้ค) ที่ตื่นขึ้นมาโดยจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ได้ โดยตื่นมาพร้อมศพวัยรุ่นที่นอนข้างๆ กัน, 'THE LONG BAD NIGHT' เล่าเรื่องของ จอห์นนี่ (โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์) นักพนันหนุ่มที่ไปทำวีรกรรมบนโต๊ะพนันของ วุฒิสภาโร้ค (พาวเวอร์ส บูธ) พ่อของไอ้ตัวเหลืองในภาคแรก และนั่นทำให้จอห์นนี่ต้องเจอการสั่งสอน..

..'A DAME TO KILL FOR' เล่าเรื่องก่อนหน้าในภาคแรกในตอน BIG FAT KILL ที่ ดไวท์ แม็คคาร์ธีย์ (ได้ จอช โบรลิน มารับบทแทน ไคลฟ์ โอเว่น) ที่โดนเสน่ห์อันร้ายแรงของสาวสุดอันตรายนาม เอวา ลอร์ด (อีวา กรีน) ปั่นหัวเล่น และเป็นเหตุทำให้ ดไวท์ ต้องไปผ่าตัดเปลี่ยนแปลงใบหน้า และตอนสุดท้าย 'NANCY'S LAST DANCE' เล่าเรื่องต่อจากเหตุการณ์ใน THAT YELLOW BASTARD ที่ จอห์น ฮาร์ติแกน (บรูซ วิลลิส) ตายไป แนนซี่ (เจสซิก้า อัลบา) ต้องล้างแค้นคนที่เป็นต้นเหตุนั่นก็คือ วุฒิสภาโร้ค โดยมี มาร์ฟ คอยช่วย นี่คือทั้งสี่ตอนในหนังเรื่องนี้..

..ความน่าเสียดายของหนังประการแรกคือหนังมีเวลาให้ตอนของ มาร์ฟ, จอห์นนี่ และ แนนซี่ น้อยมากเฉลี่ยคือตอนล่ะ 10 กว่านาทีไม่เกินนี้ในขณะที่ตอนของ ดไวท์ หนังกลับมีเวลาให้เล่าและเล่นแบบเต็มที่ แต่หนังกลับเล่นและเล่าได้แบบไม่คุ้มเวลาที่ได้โชว์ เพราะหนังเล่าเรื่องได้ไร้เสน่ห์และไร้ความน่าสนใจ ทั้งที่เริ่มๆ เรื่องได้น่าสนใจมากๆ แต่หนังกลับไปไม่ถึง ทั้งๆ ที่หนังมีตัวละครอย่าง ดไวท์ (แม้จะคนล่ะหน้า) หรือแม้แต่ความร้ายและเสน่ห์ของ เอวา ลอร์ด แต่เมื่อหนังไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกว่าน่าสนใจและแซ่บสักเท่าไร ตอนนี้ก็กลายเป็นตอนที่ไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไร..

..จะจดจำได้ก็แค่เพียงฝีมือการแสดงและเรือนร่างอันร้อนแรงของ อีวา กรีน และฝีมือทางการแสดงของ จอช โบรลิน และ พาวเวอร์ส บูธ เพียงเท่านั้น และก็เทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น ซึ่งถ้าตัดตอน A DAME TO KILL FOR ออกไป ตอนที่คิดว่าเจ๋งที่สุดคงไม่พ้นตอน THE LONG BAD NIGHT ที่มาพร้อมกับเสน่ห์และความเท่ผสมเกรียนหน่อยๆ ของ พี่จอห์นนี่ ที่รับบทโดย โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ เป็นตอนสั้นๆ ที่กลับชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่าฉุดหนังทั้งเรื่องขึ้นมาได้ ในขณะที่ JUST ANOTHER SATURDAY NIGHT เป็นตอนสั้นๆ ที่เติมเต็ม มาร์ฟ เท่านั้น และส่วน NANCY'S LAST DANCE ก็เป็นแค่ตอนที่เป็นส่วนเติมเต็มบทสรุปของ แนนซี่ กับ ฮาร์ติแกน เท่านั้น..

..โดยสรุปแล้วภาคนี้ SIN CITY: A DAME TO KILL FOR ทั้ง แฟรงค์ มิลเลอร์ และ โรเบิร์ต โรดริเกวซ ไม่สามารถให้เรารู้ว่าหนังมันดีหรืออะไรมากนักยิ่งเมื่อมีอะไรโคตรเจ๋งอย่าง SIN CITY ภาคแรกเป็นกำแพงกั้นไว้ ดังนั้นพูดได้ว่า SIN CITY: A DAME TO KILL FOR ไม่ว้าว ไม่เจ๋ง พอจะคิดได้ว่ามันเป็นงานที่สุดยอดอะไรนัก เพราะเอาจริงๆ มีแค่ตอนของ จอห์นนี่ เท่านั้นที่ดูเป็นงานที่พอจะพูดได้ว่าสดใหม่และน่าสนใจ ในขณะตอนที่เหลือก็เป็นอะไรที่เติมเต็มภาคแรกทั้งเนื้อหาและตัวละครเท่านั้น เหมือนเดินตามรอยภาคแรก! (ที่บังเอิญภาคแรกทำไว้สูงด้วยนิ่สิ)..

..มีอะไรที่พอจะร้องว้าวได้แน่นอนคงไม่พ้นเทคนิคการนำเสนอแบบนัวร์อะไรนั้นเท่านั้น และก็ทีมนักแสดงเท่านั้นจริงๆ ทั้ง จอช โบรลิน, อีวา กรีน, โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ ฯลฯ และการมาเป็นแขกรับเชิญในหนังของ แฟรงค์ มิลเลอร์ และ โรเบิร์ต โรดริเกวซ รวมถึง เลดี้ กาก้า เท่านั้นล่ะครับคุณผู้ชมผู้อ่านที่รัก...