RUROUNI KENSHIN: DENSETSU NO SAIGO-HEN / รูโรนิ เคนชิน คนจริง โคตรซามูไร
ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WARNER BROS. PICTURES
ผู้กำกับ : เคอิจิ โอโตโมะ (RUROUNI KENSHIN, RUROUNI KENSHIN: KYOTO TAIKA-HEN)
ประเภทของหนัง : ACTION
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ปิดตำนานมือพิฆาตบัตโตไซ!? ที่ยอดเยี่ยมสมใจแฟนมังงะ”
..ให้หลังเพียงหนึ่งเดือนหลัง 'RUROUNI KENSHIN: KYOTO TAIKA-HEN' ออกฉายไปในไทยบัดนี้เราก็ได้ดูตอนต่อของศึกเกียวโตทันทีใน 'RUROUNI KENSHIN: DENSETSU NO SAIGO-HEN' ที่ดำเนินต่อจากตอนจบสุดค้างคาในอารมณ์ หลัง ฮิมูระ เคนชิน (ซาโต้ ทาเครุ) กระโดดลงจากเรือดำเพื่อไปช่วยท่านคาโอรุ (ทาเคอิ เอมิ) แต่กลายเป็นว่าเคนชินไปนอนเกยตื้นบนชายหาย แล้วก็มีชายหนุ่มสุดเท่เดินมาแล้วอุ้มเคนชินไปซึ่งก็คือท่านอาจารย์ ฮิโกะ เซจูโร่ (ฟุคุยามะ มาซาฮารุ) ภาคนี้เดินเรื่องต่อจากจุดนั้นทันที!..
..หลังจากปูบทนู้นนั่นนี่ไปแบบเต็มสูบในพาร์ทที่เป็นครึ่งแรกของศึกเกียวโตทะเลเพลิง ในภาคนี้ก็ยังคงปูเรื่องแบบเต็มสูบเหมือนเดิม ซึ่งไอ้สิ่งที่ปูนั่นก็คือการเล่าเรื่องในอดีตของการพบกันในอดีตของ ท่านอาจารย์ เซจูโร่ กับ ชินตะ (เคนชินในปัจจุบัน) กับความสัมพันธ์ของอาจารย์กับศิษย์ รวมถึงการเรียนเพลงดาบล่องนภาขั้นสุดยอดของเคนชิน ซึ่งไอ้การเล่าตรงนี้กินเวลาราวๆ ไม่เกิน สามสิบนาที ครับ (อาจจะเหนื่อยๆ เล็กน้อยเพราะตรงนี้เล่าช้าพอสมควร เรียกว่าไปทีละนิดๆ เลยก็ว่าได้)..
..แต่พอตัวหนังผ่านเรื่องการเล่าอดีตกับสัมพันธ์และการฝึกเพลงดาบล่องนภาขั้นสุดยอด ระหว่างเคนชินกับท่านอาจารย์ ไปได้สำเร็จ ทีนี้หนังเดินหน้าเต็มกำลังใส่เต็มสูบไม่มีเบรคน่ะครับ เรียกว่าจัดเต็มทุกอย่างสาแก่ใจแฟนๆ ที่ตั้งตารอคอยกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะไฮไลท์ที่แฟนๆ รอคอยทั้งหลายทั้ง เคนชินสู้กับอาโอชิ, เคนชินสู้กับโซจิโร่ หรือแม้แต่มวยถูกคู่อีกหนึ่งไฮไลท์ในมังงะอย่าง ซาโนะสุเกะ ปะทะกับ อันจิ หรือ ไซโต้ ฮาจิเมะ สู้กับ อุโอนุมะ อุซุย และสุดท้ายกับไฮไลท์สำคัญ เคนชิน ปะทะ ชิชิโอ ในส่วนตรงนี้ใครที่รออยู่ก็สมใจกันไป..
..แต่ถึงกระนั้นบางครั้งก็รู้สึกขัดในอารมณ์ไปบ้างเล็กน้อย เพราะเมื่อนำมังงะมาทำเป็นหนังมันเลยต้องมีการหักเรื่องเพื่อให้สามารถเล่าได้ในเวลาอันจำกัด แม้ในส่วนศึกเกียวโตจะจับนำเอามาทำเป็นสองพาร์ทแล้วก็ตามแต่ก็ยังไม่สามารถเล่าได้หมด ที่ขาดหายไปในหนังแต่ฉบับมังงะมีที่แน่ๆ ก็คือการเรียนท่า สองกระแทก ระหว่าง ซาโนะสุเกะ กับ อันจิ (ในมังงะเจ้าซาโนะไปฝึกกับอันจิโดยไม่รู้ว่าอันจินี่คือ จุปปงกาตานะ ในหนังมาถึงสู้กันเลย) หรือแม้แต่ไฮไลท์อีกหนึ่งประการอย่างห้องต่างๆ ที่พลพรรคของเคนชินต้องสู้กับจุปปงกาตานะเพื่อไปให้ถึงตัวชิชิโอ ในหนังโดนตัดทิ้ง..
..พอไอ้ฉากห้องนี่โดนตัดทิ้งไอ้ฉากเด่นอย่าง ไซโต้ ฮาจิเมะ สู้กับ อุโอนุมะ อุซุย ก็เลยกลายเป็นจบในเวลาไม่ถึง 15 วินาทีแทน (ผมนี้อึ้งไปเลย...) ยิ่งไม่ต้องนับไอ้จุปปงกาตานะที่เหลือนี่ถ้าไม่นับ โซจิโร่, โฮจิ, อุซุย, โจ, อันจิ ไม่อยากจะพูดว่าไร้บทบาทหายไปในกลิบเมฆเอาดื้อๆ ไล่ตั้งแต่ ฮันโจ, เฮนยะ, ฟูจิ, ไรจิน, อิวังโบ แต่ถ้าไม่นับไอ้ที่กล่าวมาในสองย่อหน้าที่ผ่านมา ในฐานะคนที่อ่านมังงะมาก่อน ก็นับว่าแฮปปี้ดีกับตัวหนังที่พยายามใส่ใจและเคารพทุกอย่างในมังงะ แม้ต้องเล่าแบบต้องตัดอะไรหลายๆ อย่างไปก็ตามที..
..หนังมีการเพิ่มเติมส่วนดราม่าลงไปในช่วงประหารเคนชิน (ไม่พูดล่ะกันว่าเป็นไงต่อ ฮ่าๆ) ... เอาล่ะ ในส่วนของฉากแอ็คชั่น!! ไม่ต้องพูดให้มากความแล้วโน่ะ วัดจากสองภาคที่ผ่านมาทำได้ดีขนาดไหน ภาคนี้ทำได้ดีขึ้นไปอีกเท่าตัวก็ว่าได้ ฉากแอ็คชั่นนี่ถือว่าเป็นจุดขายของหนังเลยก็ว่าได้สรุปเลยว่าดีงามมากในภาคนี้ โดยเฉพาะฉากที่สู้กับ โซจิโร่ กับ ชิชิโอ นี่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า สุดยอดมาก (แม้ไอ้ซาโนะจะดูเป็นส่วนเกินไปหน่อย แต่ขอบอกว่า ผมนี้ปรบมือให้เลย)..
..ภาคที่แล้ว ชิชิโอ (ฟูจิวาระ ทัตสึยะ) มีบทไม่ต่างกับไม้ประดับ ไม่มีบทที่โชว์ให้เห็นเลยว่า 'โอ้ย! กรูจะถล่มโตเกียว กรูจะครองโตเกียว' ภาคนี้พี่โชว์ความน่าเกรงขามได้แบบไม่มีเม้มเลย โดยเฉพาะน้ำเสียง โอ้ยยยยย! ทรงพลังมาก (ขอบคุณ มงคลภาพยนตร์ ที่ตัดสินใจเอาซาวด์แทรคมาฉาย อารมณ์ร่วมกับหนังมันพุ่งปรี้ดมาก) ส่วนการแสดงของนักแสดงที่เหลือได้ตามมาตรฐานอย่างภาคแรกและภาคสอง ยกเว้น ซาโต้ ทาเครุ ที่ภาคนี้เล่นได้โหดมากขึ้นไปอีก มั่นใจเลยว่าทั้ง ทาเครุ และ ทัตสึยะ จะต้องเดินจับมือขึ้นรับรางวัลด้านการแสดงจากหนังสองภาคนี้แน่ๆ (ในญี่ปุ่น)..
..มีอะไรให้พูดอีกมั้ยน่ะ สกอร์เพลงประกอบ, การตัดต่อ, มุมกล้อง แม้แต่การกำกับของ เคอิจิ โอโตโมะ ต่างดีงามไปหมด เพอร์เฟกต์ไปซ่ะทุกอย่าง ความสัมพันธ์ของ เคนชิน กับ คาโอรุ ก็เรียบง่ายๆ แฟนๆ ฟินมาก (เคนชินพูดกับคาโอรุ 'มาเฝ้าดูอนาคตไปข้ามั้ยขอรับ' ประโยคนี้มีเฮ) โอเคล่ะน่ะ ถ้านี้เป็นภาคจบจริงก็ปิดได้สมบูรณ์แบบลงตัวและเรียบง่าย (แม้จะใช้เวลาเล่าสามภาคในเวลาแค่สองปีถือว่าเร็วไปหน่อย) แต่ใจจริงได้โปรดอย่าเพิ่งปิดตำนานเลย ยังไม่ได้เห็นหน้าโทโมเอะและเอนิชิเลย ได้โปรดทำภาค ทัณฑ์มนุษย์ ต่อเถอะ~~~~~!...
ความยาวทั้งหมด 135 นาที
คะแนน 9.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น