วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

THE HOBBIT: THE BATTLE OF THE FIVE ARMIES


THE HOBBIT: THE BATTLE OF THE FIVE ARMIES / เดอะ ฮอบบิท: สงคราม 5 ทัพ


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : NEW LINE CINEMA, METRO-GOLDWYN-MAYER, WINGNUT FILMS
ผู้กำกับ : ปีเตอร์ แจ็คสัน (THE LORD OF THE RINGS TRILOGY, KING KONG)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | DRAMA | FANTASY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“พวกเจ้าจะตามข้าเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม บทสรุปปิดตำนานมิดเดิลเอิร์ธเป็นครั้งสุดท้าย”


และแล้วก็เดินทางมาสู่บทสรุปกันในที่สุดสำหรับตำนานมหากาพย์แห่งมิดเดิลเอิร์ธที่หลังจากพาเดินทัวร์ให้เห็นว่านิวซีแลนด์งดงามขนาดไหนใน 'THE HOBBIT: AN UNEXPECTED JOURNEY' มาสู่การเผชิญหน้ากับตัวละครที่ทุกคนรอคอยเจ้ามังกรสม็อกใน 'THE HOBBIT: THE DESOLATION OF SMAUG' บัดนี้เราก็กำลังจะเข้าสู่บทสุดท้ายกับสงครามห้าทัพ..ใน "THE HOBBIT: THE BATTLE OF THE FIVE ARMIES" ... หลังจากที่ภาคที่แล้วในตอนจบ สม็อก (โมแคปโดย เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบทช์) ที่กำลังของขึ้นสุดๆ ได้บินออกมาจากเอเรบอร์และเข้าเตรียมเผาพลาญและทำลายเมือง เลคทาว์น ให้สิ้นซาก แต่หนังเองได้ตัดจบดื้อๆ ไปปล่อยให้อารมณ์ค้างอยู่อย่างนั้น...เป็นปี! [จากนี้มีสปอยล์ถ้ายังไม่ดูก็อย่าเพิ่งอ่านน่ะ]

และเอาจริงๆ บทสรุปของมังกรสม็อก ปีเตอร์ แจ็คสัน ผู้กำกับแห่งมิดเดิลเอิร์ธสามารถนำเสนอให้จบได้ตั้งแต่ภาคที่แล้วด้วยน่ะ แต่ไม่ทำ! เพราะมันเป็นกลวิธีเพื่ออยากให้คนมาดูกันต่อ (แน่นอนว่านี่คือ การตลาด) ซึ่งในภาคนี้หนังดำเนินเรื่องต่อจากจุดนั้นทันที สม็อก บินมาถล่มเรียบร้อย เลคทาว์น ก็เละกันไป พูดมานี่เหมือนจะบอกว่า สม็อก มีบทบาทสำคัญแน่นอน คำตอบคือไม่ใช่ครับ สม็อก มันมีบทบาทในภาคนี้ดูแล้วไม่น่าเกิน 15 นาทีแน่นอน พูดได้ว่าถ้าไม่นับภาคที่แล้วที่สม็อกมีบทบาทเต็มๆ ภาคแรกกับภาคสามนี้แปะป้ายได้ว่าเป็นตัวประกอบได้เลยน่ะเนี่ย นี่ถ้าเอาตามเดิมที่หนังวางแผนทำแค่สองภาคก็ไม่อยากจะคิดว่า สม็อก บทบาทจะเหลือแค่ไหน


หลังจากที่บาร์ดยิงธนูดำใส่สม็อกจนดับคาอากาศไป ทีนี้ก็ตัดกลับมาที่เรื่องที่ยังเล่าไม่จบทั้งหลายภาคนี้ก็ดำเนินเรื่องมาสู่จุดสุดท้ายสักที จุดสุดท้ายที่จะไปบรรจบใน THE LORD OF THE RINGS: THE FELLOWSHIP OF THE RING แต่กว่าจะไปถึงจุดๆ นั้นก็ต้องมาผ่านตรงนี้ สงครามห้าทัพ กันซ่ะก่อน ปีเตอร์ แจ็คสัน บอกก่อนหนังฉายว่าฉากสงครามในหนังจะยาวประมาณ 45 นาที ซึ่งก็ตามที่ แจ็คสัน กล่าว หนังเปลี่ยนมาเป็นหนังสงครามแบบเต็มรูปแบบ ที่ด้วยเทคโนโลยี ยุคนี้มันก็ทำให้มันเป็นอะไรที่อลังการงานสร้างมากๆ (รู้สึกเลยว่ามันสูสีกับฉากสงครามใน THE LORD OF THE RINGS: THE TWO TOWERS เลยทีเดียว)

อลังการล่ะน่ะ อลังการจริงๆ พูดไปก็เท่านั้นถ้าไม่ได้ไปดูกันเอง แถมหลายโมเมนท์ก็น่าจดจำอีก ที่เข้าหัวมาอย่างแรกเลยคือฉากที่ ธอริน ออกมาสู้ แม่จ้าวโคตรเท่!! หรือ พ่อเลโกลัสที่ทำลายหลักฟิสิกส์อีกแล้ว! - ใน THE BATTLE OF THE FIVE ARMIES เองนั้นก็ต้องมีการดำเนินเรื่อง ซึ่งหนังใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าช่วงสงคราม ตรงนี้หนังทำออกมาได้ดีครับ ไม่ได้รู้สึกถึงความน่าเบื่ออะไรเลย แค่เสียตรงทีใช้เวลานานไปหน่อยกว่าจะถึงฉากสงคราม และอีกข้อเสียก็คือบทบาทของกลุ่มคนแคระนี่ก็แทบไร้ความสำคัญเมื่อเทียบกับสองภาคก่อนหน้า เพราะบทหนักไปที่ ธอริน (และก็ คิลิ อีกนิดๆ หน่อย) ที่ในภาคนี้กลายเป็นเหมือน สม็อก ที่หลงไหลทองคำ ทำให้ฉากนี้ออกมาดูดาร์คมาก แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์เหมือนกัน ตรงนี้ถึง ธอริน จะกลายเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปก็คือ สายสัมพันธ์ ที่เปลี่ยนไประหว่าง ธอริน กับ บิลโบ้ ที่ธอรินเห็นบิลโบ้เป็นสหายไปแล้ว


และภาคนี้ก็มาสู่บทสรุปที่หลังจากรอคอยกันมานาน ภาคนี้บทสรุปทั้งหมดได้จบลง ทั้งสงครามระหว่าง ธอริน และ อาซ็อก, ความรักระหว่าง คิลิ กับ ธอเรียล หรือแม้แต่ เลโกลัส กับ ธอเรียล ก็ปิดฉากสรุปกันไปในภาคนี้ บทสรุปจะเป็นไงนั้นแน่นอนว่าตามกันต่อในหนังกันเอง แต่พอหนังดำเนินเรื่องจนจบสงครามห้าทัพไปแล้ว ตัวหนังเองก็ดูจะทำเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่ติดตามตำนานมิดเดิลเอิร์ธกันมาจนแทบหยดสุดท้าย ดูจบก็อยากจะไปหยิบไตรภาค THE LORD OF THE RINGS มาดูกันต่อเลยทีเดียว เอาสักคำพูดล่ะกัน ฉากที่ ธรันดูอิล บอกกับ เลโกลัส ว่า “ลองขึ้นไปทางเหนือดูสิ ลูกชายของ อาราธอร์น น่าสนใจดีน่ะ” เลโกลัส ถามต่อ “เขาชื่ออะไร?” ธรันดูอิล ก็บอกว่า “เจ้าต้องไปหาคำตอบเอง” ..... ฟินไปเลย (แต่จะฟินกว่านี้ถ้าบอกไปเลยว่าเขาชื่อ อารากอร์น !!!!)

..ถ้า THE HOBBIT: AN UNEXPECTED JOURNEY และ THE HOBBIT: THE DESOLATION OF SMAUG เป็นหนังที่ทำให้แฟนๆ ทุกคนได้เจอเพื่อนเก่าทั้ง โฟรโด, กอลลั่ม, แกนดัลฟ์, ท่านหญิงกาลาเดรียล, ซารูมาน, ท่านลอร์ดเอลรอนด์ หรือ เลโกลัส และทำให้หายคิดถึง ก็ขอบอกว่า THE HOBBIT: THE BATTLE OF THE FIVE ARMIES คืองานปิดไตรภาคที่ทำได้สมบูรณ์ (แต่อย่าเอาไปวัดกับ THE LORD OF THE RINGS น่ะขอบอก) ต่อทางค่ายหนังและแฟนหนัง วินวินทั้งสองฝ่าย ฝ่าย วอร์เนอร์ ก็ได้เงิน ฝ่ายแฟนๆ ก็ได้หายคิดถึง ถือเป็นบทสรุปปิดตำนานมิดเดิลเอิร์ธเป็นครั้งสุดท้าย (ในตอนนี้ล่ะน่ะถ้าไม่เกิดคิดอยากจำทำ THE SILMARILLION (ตำนานแห่งซิลมาริล) ขึ้นมาล่ะก็น่ะ) ได้อย่างสมเกียรติ...

• LAST GOODBYE •


ความยาวทั้งหมด 144 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger