วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

KISEIJU


KISEIJU / ปรสิต เพื่อนรักเขมือบโลก


ผู้จัดจำหน่าย : TOHO COMPANY
สตูดิโอผู้สร้าง : ROBOT COMMUNICATION, OFFICE ABE SHUJI
ผู้กำกับ : ยามาซากิ ทากาชิ (ALWAYS: SUNSET ON THIRD STREET, STAND BY ME DORAEMON)
ประเภทของหนัง : ACTION | HORROR | THRILLER

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ปรสิต เดรัจฉาน อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมังงะได้ยอดเยี่ยมที่สุด!”


รู้สึกว่าเมื่อสอง-สามปีที่แล้วเพิ่งชื่นชมไปว่า RUROUNI KENSHIN (ซามูไรพเนจร) ถือเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะได้สมบูรณ์และยอดเยี่ยมมากในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ แต่คล้อยหลังไม่นานก็ไม่ได้คิดเลยว่าจะได้มีโอกาศมาเขียนชื่นชมภาพยนตร์อีกเรื่องที่ดัดแปลงมาจากมังงะว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะและทำได้ดีที่เข้าขั้นยอดเยี่ยมได้ขนาดนี้.. ใช่ครับที่เรากำลังจะพูดก็คือหนังเรื่อง  KISEIJU หรือชื่อที่คนไทยน่าจะรู้จักในชื่อ ปรสิต หรืออาจจะ ปรสิต เดรัจฉาน ถ้ามีอายุหน่อย ผลงานที่ดัดแปลงมาจากมังงะระดับตำนานของ อ. อิวากิ ฮิโตชิ ที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสารอาฟเตอร์นูนของสำนักพิมพ์โคดันฉะตั้งแต่ปี 1988 ถึง 1995 นั่นเอง! [บทความต่อจากนี้มีสปอยล์]

ในฐานะคนที่เคยอ่านตัวมังงะความยาว 8 เล่มจบแบบเอาเป็นเอาตายมาก่อน (จริงๆ ต้อง 10 เล่มจบแต่ที่อ่านในตอนนั้นมันเป็นฉบับบิ๊กบุ๊ค) ก็พอเข้าใจถึงความยอดเยี่ยมของตัวมังงะอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆ ถ้าเด็กรุ่นใหม่ๆ หน่อยน่าจะรู้จักผ่านตัวอนิเม (KISEIJU: SEI NO KAKURITSU) ที่เพิ่งนำมาสร้างเมื่อปีที่แล้วและเพิ่งจบไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมามากกว่า (ซึ่งเราก็ไม่ได้ดูหรอกเพราะไม่ชอบดูพวกอนิเมที่ดัดแปลงมาจากมังงะ แต่ชอบดูพวกอนิเมในกลุ่มที่ดัดแปลงมาจาก ไลท์โนเวล, นิยาย และ เกมส์ มากกว่า..) เอาล่ะเข้าเนื้อหาแบบจริงๆ จังๆ กันบ้าง


ในการดัดแปลงมังงะขึ้นจอใหญ่แบบคนแสดง ข้อได้เปรียบที่สำคัญของหนังเลยคือการที่หนังถูกแบ่งเป็นสองพาร์ทนี่แหละครับ แต่ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของหนังก็คือการที่ตัวมังงะนั่นจบไปเกือบจะ 20 ปีแล้วและที่สำคัญที่สุดตัวมังงะนั้นมีความยาวแค่ 64 ตอนจบ! ทีมงานสร้างหนังก็เลยสามารถหยิบข้อดีของตัวมังงะมาดัดแปลงให้ออกมาดีได้ไม่ยาก แต่ที่ดูจะเป็นข้อได้เปรียบที่สุดก็น่าจะเป็นด้านตัวผู้กำกับมากกว่าอย่าง ยามาซากิ ทากาชิ เพราะเขาเป็นแฟนมังงะเรื่องนี้ด้วยนี่สิ!

ในส่วนการดัดแปลงนั้นและการเล่าเรื่องนั้นถือว่าเข้าขั้นยอดเยี่ยมเลยครับ อืม.. จะพูดว่ามันดัดแปลงได้ยอดเยี่ยมก็ไม่ถูกซ่ะทีเดียว แต่พูดว่าหนังเคารพตัวมังงะมากกว่า การดัดแปลงแน่นอนเลยว่ามันก็ต้องมีการตัดอะไรที่ไม่สำคัญไปบ้าง ซึ่งเหมือน โคซาวะ เรียวตะ มือเขียนบทจะรู้น่ะครับว่าจุดไหนสำคัญควรเก็บไว้จุดไหนไม่สำคัญและส่งผลให้แกนเรื่องเสียก็ควรตัดออก ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือการที่หนังตัวละครอย่างพ่อของชินอิจิออกไป เหลือไว้แค่แม่เท่านั้น เอ้า! แล้วอย่างนี้ฉากการตายของแม่ชินอิจิจะไม่ได้เห็นเหรอ? ขอบอกว่าหนังใส่มาแน่นอน แถมเป็นการดัดแปลงที่ทำได้ดีมากจนน่ายกย่อง และกลมกลืนไปกับเส้นเรื่องและส่งผลให้ตัวหนังสมบูรณ์มากขึ้นมากเลยทีเดียว


แถมในส่วนของการดำเนินเรื่องอันนี้ขอพูดว่าทำออกมาได้ดีมากทั้งสนุกและก็ตื่นเต้น เอาง่ายๆ เลยคือหนังภาคแรกนี้เนี่ยแบ่งออกเป็นสองช่วงใหญ่ๆ คือก่อนและหลังการตายของชินอิจิครับ!? ในส่วนของช่วงแรกนั้นส่วนใหญ่ๆ จะเน้นที่การเล่าเรื่องการพบเจอกันระหว่างตัวชินอิจิกับมิคกี้ครับ (จริงๆ ตามต้นฉบับมันชื่อ มิกิ ที่แปลว่า มือขวา น่ะ แต่มังงะแปลไทยยุคเก่าแปลเป็น มิคกี้ เฉยเลย) กับเล่าเรื่องการมีอยู่ของบรรดาปรสิตทั้งหลายการแทรกซึมเข้ามาปะปนใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วงแรกนี้ถือว่าเน้นไปที่การปูเรื่องราวตรรกะและเหตุผลของบรรดาปรสิตทั้งหลายกับการที่หนังนำเสนอในมุมมองที่สดใสพอสมควรเลยทีเดียวเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับช่วงหลังของเรื่องที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือนั่นแหละ

คือช่วงหลังนี่หนังปรับอารมณ์เข้าสู่ความดาร์คเต็มตัวก็ว่าได้ หลังเหตุการณ์ที่ชินอิจิโดนแม่ฆ่าและนั่นทำให้ มิคกี้ ต้องเข้าไปรักษาร่างของชินอิจอและส่งผลให้ ชินอิจิ ได้รับเซลล์ของมิคกี้เข้าไปด้วย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวชินอิจิ ซึ่งแน่นอนมันก็ส่งผลต่อตัวเนื้อหานั่นแหละ และก็อย่างที่บอกไปว่าหนังพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ คือครึ่งหลังของหนังนี่เอาจริงๆ มีอะไรให้พูดถึงเยอะ แต่เอาที่ไม่คิดว่าหนังจะใส่ฉากบางฉากลงไปนั่น ซึ่งก็คือฉากที่หมานอนตายอยู่กลางถนนนี่แหละครับ คือเอาจริงๆ นี่หนังผ่านไปเลยหรือไม่เล่าก็ได้ แต่ในมังงะฉากนี้เป็นฉากเล็กๆ แต่สร้างอิมแพ็คให้กับเนื้อหาต่อจากนี้ได้ โดยเฉพาะในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างตัว ชินอิจิ กับ ซาโตมิ เลยทีเดียว


หรือการเล่าถึงแผลที่มือของแม่ชินอิจิอีกจุด คือก็มันเป็นจุดเล็กๆ ล่ะน่ะ ถ้าหนังไม่เล่าก็คงไม่มีอะไรแต่หนังกลับใส่ใจใส่ลงมาซะงั้น ซึ่งมันก็มีผลต่อเรื่องไม่มากก็น้อยล่ะ .. ซึ่งในส่วนตรงนี้กล้าพูดเลยว่าหนังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในส่วนของการดัดแปลงมังงะให้เป็นหนัง และก็ยอดเยี่ยมอีกในส่วนของการเป็นหนัง นี่กล้าพูดเลยน่ะว่า พาร์ทที่ 1 ของ ปรสิต เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากมังงะที่ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เลยทีเดียว ซึ่งตัวหนังมีความสมดุลและลื่นไหลและไม่มีส่วนที่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย

ความยากจุดใหญ่ๆ ของหนังอีกจุดก็คือในส่วนของฉากแอ็คชั่นครับ คือไอ้ฉากปรสิตสู้กันเนี่ยมันไม่ใช่ฉากประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อม คือมันก็แค่ปรสิตยืนแยกหัวแล้วก็ฟันกันไปซ่ะๆ ส่วนใหญ่ คิดดูดีๆ แล้วมันก็ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากนักน่ะ แต่เห้ยทำไมพอกลายเป็นไอ้ฉากแยกหัวฟันกันเนี่ยดันทำออกมาได้สนุกและน่าตื่นเต้นพอสมควรเลยน่ะ ไอ้ส่วนที่ยากที่สุดของหนังๆ กลับเล่าเรื่องได้กลายเป็นของกล้วยๆ ซะงั้น แถมฉากท้ายๆ ของหนัง (ฉาก ฮิเดโอะ อาละวาดในโรงเรียน กับ ฉากที่ ชินอิจิ ไปสู้กับ เอ) คือเป็นอะไรที่พีคมากจริงๆ น้ำตาเกือบไหลเลยน่ะ ยิ่งใหญ่จนขนลุกเลยทีเดียว โดยเฉพาะฉากที่ ชินอิจิ จัดการ ฮิเดโอะ ว้าว! โคตรเท่ห์เลย (จริงๆ ฉากพวกนี้สกอร์เพลงช่วยยกระดับฉากนั้นๆ ของหนังได้มากเลยน่ะ)


ส่วนใครที่คิดว่าหนังอาจจะลดดีกรีความนองเลือดเพื่อให้เด็กๆ สามารถดูได้นั้นขอบอกว่าไม่ต้องห่วงไปครับ หนังจัดเต็มฉากนองเลือดและฉากโหดๆ ไว้ให้สาแก่ใจแฟนๆ แน่นอน ฉากงับหัวนี่ถอดมาจากมังงะสุดๆ สรุปเราให้หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในหนังที่ทำได้ดีมากๆ เลยน่ะ ถ้าให้คะแนนก็ให้ 9/10 เลย จริงๆ เราให้สูงกว่านี้ก็ได้น่ะแต่หนังมันเม้มๆ ไว้รอปล่อยของในภาคสอง เราก็เลยกักๆ คะแนนไว้ปล่อยเต็มในภาคสอง (ถ้าหนังทำได้ดี ถ้าไม่ก็ให้น้อยลง) แต่คิดแล้วว่าหนังคงทำได้ดีแน่นอน เพราะไฮไลท์ในมังงะมันก็เทไปที่ครึ่งหลังหมดน่ะ คิดว่าฉบับหนังก็คงทำได้ไม่ต่างกันแน่นอน

สุดท้ายส่วนที่อยากจะพูดเลยคือการคัดเลือกนักแสดงของหนังครับ คือนี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่แคสท์นักแสดงเข้าขั้นพูดได้ว่าสมบูรณ์แบบ คัดเลือกมาแต่ละคนนี้ให้อารมณ์มังงะแบบสุดตรีนจริงๆ ครับอย่างเช่น โซเมทานิ โชตะ ในบท ชินอิจิ คนนี้ตอนปล่อยภาพออกมาไม่ได้มีความใกล้เคียงต้นฉบับเลยน่ะแต่พอได้ดูเต็มๆ หมอนี่มันตีบทชินอิจิได้แตกจริงๆ หรือบทของอีป้าเรียวโกะ ก็เลือก ฟูคัตสึ เอริ มารับบท บทนี้ผมคิดว่าคัดเลือกได้สุดยอดที่สุดน่ะ มี 10 ให้ 100 จริงๆ บทนี้ถ้ามองดีๆ ตามเนื้อเรื่องเข้าขั้นเล่นยากเลยน่ะ แต่ เอริ นี่เล่นเหมือนบทนี้เขียนมาเพื่อเธอเลยน่ะ เล่นดีจนน่าขนลุก (และแอบน่ากลัวน่ะบางที)


หรือบท ชิมาดะ ฮิเดโอะ ปรสิตอีกตัวที่แฝงตัวมาเรียนกับ ชินอิจิ บทนี้ได้ ฮิงาชิเดะ มาซาฮิโระ มารับบทนี้ บทนี้สำหรับเราคิดว่าก็เป็นอีกบทที่น่าชื่นชมเพราะถอดอารมณ์จากมังงะได้ดีมากๆ จริงๆ .. สุดท้ายคนนี้ไม่พูดไม่ได้เพราะถือเป็นหน้าเป็นตาของหนังเลยก็คือแม่หนูฮาชิโมโตะ ไอ แม้ในหนังบทจะไม่ได้เยอะเท่าที่ควร แต่ปรากฏตัวที่ไรหนูไอก็โดดเด่นมาก เคลิ้มไปตามๆ กัน นี่เราอดทนรอภาคสองไม่ไหวแล้วน่ะเพราะต่อจากนี้หนูไอบทจะเด่นแน่นอน แฟนคลับยกป้ายไฟเชียร์เลย

ในตอนจบของหนังได้เปิดเผยตัวร้ายของภาคหน้าเรียบร้อยนั่นก็คือ โกโต้ ที่ได้ ทาดาโนบุ อาซาโนะ มารับบทคือพูดได้ว่าหนังจบเรานี่ทนรอไม่ไหวเลยน่ะเพราะหนังจบได้พีคมากจริงๆ ปล. สปอยล์ดูตัวอย่างภาคสองในตอนจบภาคแรกแล้วคือทำให้เรารู้ว่าหนังทำออกมาได้ดีชัวร์ อย่างฉากสู้กับ โกโต้ นี่ลุ้นเหนื่อยเหมือนในมังงะแน่นอน แต่แอบเสียดายหนังไม่มีบทของ คานะ กับ อูดะ แน่นอน ซึ่งคิดไปคิดมาคิดว่าตัดไปก็ดีน่ะบางที ปล. 2 พากย์ไทยโดยพันธมิตรถือว่าพากย์ดีกว่าตอน เคนชิน เยอะ! อันนั้นฟังไปน้ำตาไหลไป ส่วนในปรสิตอันนี้พากย์ดีมาก ปล่อยมุกนิดๆ แต่ไม่ส่งผลต่อเนื้อหาของหนังแม้แต่นิดเดียวครับ...

ความยาวทั้งหมด 109 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger