ALICE THROUGH THE LOOKING GLASS / อลิซ ผจญมหัศจรรย์เมืองกระจก
ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WALT DISNEY PICTURES, ROTH FILMS
ผู้กำกับ : เจมส์ โบบิน (THE MUPPETS, MUPPETS MOST WANTED)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | FAMILY | FANTASY
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“เมื่อ แมด แฮทเตอร์ กำลังตกอยู่ในวิกฤติ, อลิซ (มีอา วาซิโคว์สก้า) ที่ได้เดินทางมายัง วันเดอร์แลนด์ อีกหนหลังจากออกผจญภัยในโลกกว้าง จึงต้องออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือ แมด แฮทเตอร์ โดยต้องเผชิญหน้ากับ เวลา และ เวลา ในที่นี้คือ คน !!”, ดูเหมือนว่านี่จะเป็นหนังภาคต่อที่มาช้าไปจริงๆ ครับสำหรับภาคต่อของ ALICE IN WONDERLAND หนังฮิตระดับพันล้านเหรียญของ ทิม เบอร์ตัน เมื่อปี 2010 ทั้งๆ ที่เหล็กมันควรตีตอนร้อนๆ ซึ่งมันควรเป็นเมื่อ 3 หรือ 4 ปีที่แล้ว ไม่ใช่ปีนี้ที่ทิ้งห่างกับภาคที่แล้วถึง 6 ปี!!
กับ ALICE IN WONDERLAND ของ เบอร์ตัน ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นหนังที่เพอร์เฟกต์อะไร แต่หนังกลับดูสนุก และชวนหลงไปกับจินตนาการในโลกของวันเดอร์แลนด์ กลับกันก็พูดตามตรงเลยละว่า “ALICE THROUGH THE LOOKING GLASS” กลับเป็นหนังที่น่าเบื่อและไม่สนุก แถมยังเต็มไปด้วยความซ้ำซากจำเจ ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึง บทและเนื้อหาของหนังภาคนี้ ภาคนี้มันกึ่งๆ จะเป็นทั้งภาคต้นและก็ภาคต่อของ ALICE IN WONDERLAND เพราะมีการย้อนเวลากลับไปเล่าอดีตของหลายๆ ตัวละคร
ทั้งอดีตของ เรด ควีน / ไอราเซเบธ (เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์) และ ไวท์ ควีน / มีรานา (แอนน์ ฮาร์ธาเวย์) ว่าเพราะเหตุใดอันใด เรด ควีน ถึงหัวโต และทำไมสองพี่น้องถึงบาดหมางกัน และยังมีการย้อนกลับไปเล่าเรื่องอดีตของ แมด แฮทเตอร์ / ทาร์รานท์ ไฮท็อปป์ เกี่ยวกับเรื่องอดีตและครอบครัวของ แมด แฮทเตอร์ รวมถึงจะได้เห็นวัยเด็กของหลายๆ ตัวละครแบบผ่านๆ
แต่เพราะด้วยความที่หนังเดินและเล่าเรื่องได้ดูเป๋ๆ ดูสะเปะสะปะมากเป็นพิเศษ หนังเลยดูเหมือนเดินอยู่กับที่ไม่ได้เดินหน้าไปไกลกว่าที่เป็นอยู่และควรจะเป็น ซึ่งมันก็ไม่ได้ชวนให้เราตื่นเต้นหรือใจเต้นไปกับการผจญภัยในครั้งนี้ได้เลย แถม ธีมหนังกับประเด็นในครั้งนี้ก็ดูไม่รู้ว่าจะเอาไงกันแน่ จะพูดถึงความหัวกบฏของ อลิซ ที่มีต่อผู้ชายคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ จะเล่มธีมเรื่องอย่างการมีชีวิตกับปัจจุบัน โดยที่ไม่อยู่ไม่ยึดติดกับอดีตมันก็ไม่ใช่อีก จะเล่นเรื่องความรักที่มีต่อพี่น้อง หรือ ครอบครัว มันก็ไม่ใช่ไม่ชวนให้อินอีกนั่นแหละ
ข้อเสียอีกจุดในภาคนี้คือตัวละครครับ ตัวละครเก่าๆ จากภาคที่แล้ว มาภาคนี้กลับกลายเป็นตัวละครที่ไร้เสน่ห์ไม่ชวนให้ตกหลุมรักเหมือนภาคที่แล้วเลย แทบไม่มีใครสักคนที่พูดได้ว่าโดดเด่นเลย อลิซ ก็ยังคงเป็น อลิซ ... เหมือนกับภาคที่แล้ว, แมด แฮทเตอร์ ภาคนี้บทไม่มีไม่ได้เด่นเหมือนภาคที่แล้ว แถมการแสดงแนวๆ นี้ของ จอห์นนี่ เด็ปป์ มันก็เดิมๆ ซ้ำๆ ก็น่ะ ส่วนทั้ง ไวท์ ควีน และ เรด ควีน ก็พี่น้องทะเลาะกันเหมือนเดิม ส่วนพวก แอ็บโซเล็ม (อลัน ริคแมน), สองพี่น้องทวิดเดิล (ลูคัส แบล็ค), เชสเชียร์ (สตีเฟ่น ฟราย) ฯลฯ บทภาคนี้ตัวประกอบครับ แทบไม่มีซีนให้ขโมยเหมือนภาคแรก
ที่ดูเด่นและเอาตัวรอดไปได้ก็คือตัวละครใหม่ในภาคนี้อย่าง เวลา ไทม์ ของ ซาช่า บารอน โคเอน ที่เข้ามาเติมเต็มแก้ไขข้อด้อยของเหล่าตัวละครหน้าเดิมในภาคนี้ได้ พูดว่า ไทม์ เนี่ยแหละคือพระเอกในภาคนี้ ... ก็เข้าใจแหละครับว่าหนังพยายามเดินเพื่อไม่ซ้ำรอยกับทางด้านของภาคที่แล้ว แต่ดูเหมือนท้ายที่สุดหนังกลับหลงทางจนที่สุดก็ต้องวกกลับเข้าเส้นทางเดิมจนได้ ตัวละครก็อยู่ในที่เดิมๆ ไม่ได้ขยับไปไหน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นภาคต่อที่ไม่มีอะไรน่าจดจำเท่าไรนัก ถึงแม้ เจมส์ โบบิน ผู้กำกับจะสานต่ออารมณ์ของ เบอร์ตัน ได้ดีก็ตาม แต่ด้วยบทที่ซ้ำซากจำเจ หนังก็เลยไม่ได้ไปไหน เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ และชวนงีบชวนหลับ จนท้ายที่สุดเราเองก็อยากจะลืมๆ ไปว่า ALICE IN WONDERLAND ไม่มีภาคต่อเหมือนกัน...
ความยาวทั้งหมด 113 นาที
คะแนน 5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น