ASSASSIN'S CREED / อัสแซสซินส์ ครีด
ผู้จัดจำหน่าย : 20TH CENTURY FOX
สตูดิโอผู้สร้าง : REGENCY ENTERPRISES, UBISOFT MOTION PICTURES
ผู้กำกับ : จัสติน เคอร์เซล (SNOWTOWN, MACBETH)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | FANTASY
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
จุดแข็งที่สุด... และก็ยังเป็นจุดอ่อนที่สุดของตัวหนัง “ASSASSIN'S CREED” ก็คือการที่ตัวหนังนั้นวางตัวให้อยู่ในโลกใบเดียวกันกับตัวเกมนั่นเอง เปรียบได้ดังกับจักรวาลมาร์เวล หรือ DC นั่นแหละ ซึ่งไอ้โลกในจักรวาล ASSASSIN'S CREED มันก็กว้างไกลมากเพราะมีทั้ง เกม, อนิเมชั่น, คอมิคส์, นิยาย หรือแม้แต่ หนังสั้น ที่ทำมาก่อนหน้านานแล้ว ซึ่งนั่นทำให้แฟนหรือสาวกเกมนี้จะตื่นเต้นและอินกับตัวหนังเป็นพิเศษ ในขณะคนที่ไม่ได้เป็นแฟนไม่เคยเล่นเกมนี้ หวังเข้าไปเสพเนื้อหาก็อาจจะมึนและสับสนกับตัวหนังไม่มากก็น้อยแน่นอน (แต่ถ้าไปดูเพราะฉากแอ็คชั่น หรือนักแสดงนั่นก็อีกเรื่องน่ะ)
ใช่เลย ASSASSIN'S CREED นี่เป็นหนังที่แย่เรื่องหนึ่งครับ ทั้งเรื่องบทที่ราบเรียบ, ทั้งการดำเนินเรื่อง, น้ำหนักตัวละคร ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นหนังทำออกมาผสมปนเปและมั่วไปหมด เปรียบได้แทนที่จะเป็นการ Leap of faith แบบเจ๋งๆ ลงกองฟางเท่ๆ แบบ อัลแตร์ หรือ เอซิโอ้ แต่ดูเหมือนลมจะแรงไปหน่อยหรือกะมุมกระโดดผิดเล็กน้อย อากิล่าร์ เลยตกลงพื้น ‘Requiescat In Pace’ แทน จุดที่หนังควรจะเน้นคือฉากเข้าเครื่องแอนิมัสย้อน DNA เล่าเรื่อง อากิล่าร์ แต่หนังกลับเน้นที่ คัลลั่ม แทนที่จะเป็น อากิล่าร์ ซึ่งผลที่ได้ก็อย่างที่เห็น (แต่ยังดีที่เครื่อง แอนิมัส ในหนังไม่ทำเหมือนฉบับเกม)
และกับการที่หนังเน้นไปที่ คัลลั่ม แทนที่จะเป็น อากิล่าร์ พอหนังเข้าฉากแอนิมัสเราก็จะงงๆ ว่าอะไรเป็นอะไร อากิล่าร์ มาทำอะไรตรงนี้ แถมพอตัดมาที่ อากิล่าร์ หนังก็ยัดฉากแอ็คชั่นเข้ามาเป็นชุดๆ แทนที่จะเน้นเนื้อเรื่องไปด้วย ส่วนฉากปัจจุบันของ คัลลั่ม หนังก็เดินหน้าและเดินเรื่องเป็นเส้นตรงแทน เหมือน ยูบิซอฟท์ ให้โจทย์มาเท่านี้ ทำยังไงก็ได้ให้หนังไปจบที่จุดนี้ให้ได้ ผลที่ได้ก็ออกมาเป็นเนื้อเรื่องในหนังนั่นแหละ “คัลลั่ม โดนประหาร แต่ แอบสเตอร์โก้ เอาตัวไว้ พา คัลลั่มเข้าเครื่องแอนิมัส ย้อนไปสู่อดีตของบรรพบุรุษ เพื่อตามหา แอปเปิล ออฟ อีเดน” ซึ่งพล็อตก็เกือบๆ จะลอกมาจากเกมอีกที
และนอกเหนือจาก คัลลั่ม แล้วเราก็แทบจะไม่ได้รู้ปูมหลังหรือที่มาที่ไปของตัวละครตัวอื่นๆ เลย (ถ้าคุณไม่ได้เล่นเกมมา) เพราะหนังไม่ได้อธิบายปูมหลังเท่าไร ได้แต่กล่าวผ่านๆ เท่านั้น -- แต่ในความเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเกม เป็นหนังที่ดันอยู่ในโลกเดียวกันกับเกม ต้องยอมรับล่ะว่า ASSASSIN'S CREED เป็นหนังที่ดัดแปลงได้ดี และเชื่อมและขยายโลกในแฟรนไชส์นี้ให้กว้างออกไป ถึงแม้หนังจะไม่แน่นข้อมูลประวัติศาสตร์แบบที่ควรจะเป็น แต่จุดเด่นๆ ของเกมหนังก็พอร์ทเอามาเล่นมาใช้ได้ (เกือบ) หมด ในแบบที่แฟนเกมนี้จะต้องแหกปาก โห่ร้อง ด้วยความปลื้ม (ไม่ก็ตื่นเต้นเงียบๆ ในใจ)
ยกตัวอย่างก็เช่นการใช้ศิลปะปาร์กัวร์ ฟรีรันนิ่ง หรือการใช้เทคนิคการต่อสู้ อาจจะพลาดตรงไม่มีการลอบฆ่าแบบเท่ๆ เจ๋งๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์นี้ แต่หนังก็แก้ตัวด้วยการใส่อีสเตอร์เอ็กก์ให้แฟนๆ เกมตาดีตามหา และซ่อนลูกเล่นเซอร์ไพรซ์ในแบบที่ว่าแฟนเกมจะต้องขนลุกแน่นอน สรุปแม้หนัง ASSASSIN'S CREED จะป่วยในเรื่องบทการเล่าเรื่องก็ตามแต่หนังก็แก้ตัวด้วยการสามารถซื้อใจแฟนเกมได้ไม่มากก็น้อย ถึงท้ายที่ตัวหนังอาจจะเป็นได้แค่เนื้อเรื่องเสริม DLC เสริม มูลค่า 125 ล้านเหรียญก็ตามที
สำหรับ ASSASSIN'S CREED จริงๆ น่าจะเรียกว่า ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ โชว์ก็ได้น่ะ พี่ฟาสส์เรื่องนี้พี่แกเล่นใหญ่จัดเต็มมากๆ พี่แกแทบจะแบกหนังอุ้มหนังไว้คนเดียวเลย โดดเด่นทุกฉากขนาดทำให้ มาริยง โกติยาร์ด หรือป๋า เจเรมี่ ไอร์ออนส์ กลายเป็นได้แค่นักแสดงสมทบเลย, อีกอย่างที่ค่อนข้างชอบคือสกอร์ของ เจ็ด เคอร์เซล ครับ คือสกอร์มันได้! มันได้ฟีล มันเร้าอารมณ์มากจริงๆ! สุดท้ายครับเสียดายที่เรื่องนี้ไม่มีให้ดูแบบ 4DX หนังมันน่าจะสนุกขึ้นถ้ามีแบบ 4DX เพราะหลายๆ ฉากก็เอื้อให้ดู 4DX น่าเสียดายมาก
ASSASSIN'S CREED นี่จบแบบปูไปภาคต่อมากๆๆๆ แต่เห็นรายรับที่หนังทำแล้ว สงสัย ยูบิซอฟท์ คงจะให้เราติดตามใน PS4 หรือ XBOX หรือ PC ของใครของมัน ไม่ก็นิยายหรือคอมิคส์ แทนแน่ๆ...
ความยาวทั้งหมด 115 นาที
คะแนน 7.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น