BRAVE / นักรบสาวหัวใจมหากาฬ
(10/08/2012) - 150 BATH (3D)
ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : PIXAR ANIMATION STUDIOS
ผู้กำกับ : มาร์ค แอนดรูว์, เบรนด้า แชปแมน, สตีฟ เพอร์ซิลล์
ประเภทของหนัง : ANIMATION | ADVENTURE | COMEDY
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“โชคชะตาอยู่ในตัวเรา อยู่ที่เรากล้าที่จะเปลี่ยนหรือไม่”
Brave เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงนามว่า "เมริด้า" เจ้าหญิงหัวดื้อที่เก่งในเรื่องการใช้ธนู ธิดาของ "ราชินีเอลีนอร์" และ "ราชาเฟอร์กัส" แห่งอาณาจักรดันบร๊อคช์ ในวันที่มีการแข่งขันประชันหาคู่หมัน เจ้าหญิงได้อาจหาญทำเรื่องแหกกฏที่สืบทอดประเพณี และทำให้เจ้าหญิงทะเลาะกับราชินี ทำให้เจ้าหญิงได้ทำการเปลี่ยนแปลงชะตากรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด..
Brave คือหนังอนิเมชั่นเรื่องที่ 13 ของสตูดิโออนิเมชั่นที่สร้างหนังอนิเมชั่นชั้นดีมาประดับโลกภาพยนตร์ไว้มากมายอย่าง Pixar Animation Studios ทั้ง Toy Story, Wall-E, Ratatouille, Monsters INC., Cars, Up ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องราวของตัวละครผู้ชาย, สัตว์, สิ่งของ แต่ว่าคราวนี้ Pixar ขอแหกกฏม่านประเพณีของสตูดิโอด้วยการมาหันจับเรื่องราวของเทพนิยายและตัวละครนำเป็นผู้หญิง!! งานนี้มันหนังเทพนิยายเจ้าหญิง หนังของดิสนี่ย์ชัดๆ เลย แต่เชื่อว่างานนี้การแหกม่านประเพณีครั้งนี้ของ Pixar มันต้องมีอะไรดีซักอย่างแน่นอน อย่างน้อยถ้าทำดีก็เปิดรูปแบบใหม่ให้แก่ Pixar แต่ถ้างานนี้มันแย่ขึ้นมาล่ะ? รีวิวนี้มาดูกันครับ งานนี้มีคำตอบ
ประเด็นของหนังที่ Brave นำเสนอในหนังคือ "โชคชะตา" หนังอาจจะไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวคำว่าโชคชะตาที่ต้องการจะสื่อออกมาได้ดีเท่าที่ควรครับ เพราะถึงแม้ว่าหนังอาจจะดำเนินเรื่องได้ไหลลื่นตามสไตล์หนังของ Pixar แต่ว่าการที่หนังใส่มุกตลกมามาก และมากจริงๆ ทำให้พลังในการที่จะดำเนินเรื่องไปสู่เรื่องราวบทสรุปและประเด็นในหนังเรื่องนี้พยายามที่จะเล่นก็คือ "โชคชะตา" มันดูอ่อนแรงลงไปมาก แถมว่าด้วยการที่หนังใส่ตัวละครที่จะเล่นกับประเด็นหลักของลงแม่แค่ 2 ตัวที่จะเป็นตัวดำเนินเรื่องลงมาแค่ 2 ตัวอย่าง เจ้าหญิงเมริด้า และ ราชินีเอลีนอร์ ทำให้หนังขาดตัวละครที่หลากหลายที่จะเล่นกับประเด็นหลักของหนัง
แต่กับประเด็นรองของเรื่องกับการที่ใส่ตัวละครลงมาแค่ 2 อย่างเจ้าหญิงเมริด้า และ ราชินีเอลีนอร์ ทำให้ประเด็นรองของเรื่องดูโดดเด่นเกินหน้าเกินตาประเด็นหลักซะยิ่งกว่าเพราะประเด็นรองของเรื่องก็คือ "แม่-ลูก" การใส่ตัวละครที่จะเล่นกับประเด็นนี้แค่ 2 ตัวก็กินขาดแล้วครับ ทำให้การเล่นกับคำว่า "แม่-ลูก" ดูไหลลื่นมากกว่า "โชคชะตา" ครับและทรงพลังมากกว่า นอกจากนี้หนังยังมีการนำเสนอสเกลของหนังที่ใหญ่มากๆ ว่าด้วยเรื่องราวของอาณาจักร แต่หนังกลับดำเนินเรื่องเหมือนกับเป็นหนังที่สเกลไม่ใหญ่เท่าไร ตัวละครเด่นมี 2 คน ที่เหลือกลับเป็นตัวประกอบไปทั้งหมด ทำให้ความยิ่งใหญ่ของหนังกลับดูเล็กลงในทันที
อีกอย่างที่ Pixar นำเสนอแบบภาคภูมิใจมากๆ ในหนังเรื่องนั่นนี้คือ "มุกตลก" ครับอ่านไม่ผิดหรอกครับ มันคือมุกตลกจริงๆ หากใครได้ดู Brave แล้วก็คงจะรู้แล้วครับว่ามุกตลกของหนังนำเสนอออกมาได้ดีจริงๆ ครับ แทบทุกมุกตลกมันใช้การได้ดีจริงๆ แทบทุก 5 นาทีหนังจะต้องปล่อยออกมามุกนึง แต่การที่หนังเล่นปล่อยมุกมามากมายแบบนี้ทำให้การพลังในการดำเนินเรื่องมันดูอ่อนแรงลงไป ซึ่งการใช้มุกตลกนำเสนอหนังออกมาที่จะทำไม่ให้ประเด็นของหนังและการดำเนินเรื่องของหนังตกลงไป ถ้าจะบอกว่าคิดถึงอะไร ก็ต้องบอกว่าคิดถึงหนังของ DreamWorks Animation ลอยมาในหัวก่อนเป็นอันดับแรกดูอย่าง Shrek ทั้ง 4 ภาค หรือ Kung Fu Panda ทั้ง 2 ภาค
และอาจรวมไปถึง How to Train Your Dragon ที่เป็นการเล่นมุกตลกที่ทำออกมาได้ดีและไม่ทำให้การดำเนินหลุดไปครับ นั่นคือต้นแบบที่ Pixar จะต้องพยายามทำต่อไปครับ ซึ่งการดำเนินเรื่องแบบมุกตลกมาเยอะอย่างนี้ถือว่า Brave ทำออกมาได้ดี Pixar ทำออกมาครั้งแรกได้ดี ถือว่าสอบผ่านครับ (Cars ก็ดำเนินด้วยเรื่องของมุกตลกเหมือนกันแต่อันนั้นไม่สามารถเทียบ DreamWorks ได้ต้องเรียกว่า Brave คือหนังเรื่องแรกของ Pixar ที่พยายามเน้นมุกตลกแบบสุดๆ)
คือต้องบอกครับว่าเมื่อดูหนังจบ จะบอกว่างานนี้ Brave มาผิดฟอร์มมาตรฐานหนังของ Pixar ไปหน่อยครับ ด้วยการที่หนังมาในแบบสเกลที่ใหญ่มากการดำเนินเรื่องที่ยังไม่ยิ่งใหญ่และไม่ค่อยไหลลื่นเท่าที่ควร ตามสเกลของหนัง ดังนั้นถ้าบอกว่าอนิเมชั่นของ Pixar มีอะไรเป็นจุดเด่นก็ต้องตอบว่าเป็นการดำเนินเรื่องที่ไหลลื่น และเรื่องราวการที่จะคาดเดาลำบากมากว่าบทสรุปของหนังจะออกมาเป็นอย่างไรเและรวมไปถึงการแฝงข้อคิดในหนังได้อย่างแนบเนียนและสร้างความประทับใจเหมือนใน Ratatouille หรือ Toy Story ทั้ง 3 ภาค และเรื่องอื่นๆ ในหนัง Pixar ทั้ง 12 เรื่องที่ผ่านมาที่มีจุดเด่นอยู่ในตัว ทั้งการดำเนินเรื่องที่ไหลลื่นและมีการคาดเดาบทสรุปของหนังได้อย่างลำบากมากๆ
และแน่นอนแผงข้อคิดได้อย่างแนบเนียนไม่เว้นแม้แต่ Cars 2 ที่อาจจะบอกว่าผิดฟอร์ม Pixar เหมือนกันแต่ก็ยังมีจุดเด่นของ Pixar ได้อย่างครบถ้วน แต่ใน Brave หนังก็ยังคงมีการดำเนินเรื่องที่ไหลลื่นและแฝงข้อคิดของหนังตามสไตล์หนังของ Pixar เหมือนเดิมครับแต่ว่าอาจจะดูมั่วไปหน่อยก็ตาม แต่การดำเนินเรื่องไปสู่บทสรุปของหนังถือว่ามาผิดแนว Pixar มากๆ บทสรุปของหนังทำออกมาได้อย่างรวบรัดแบบสุดๆ ครับ ไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของคนดูออกมาได้มากเท่าไร
แม้เรื่องราวและการดำเนินเรื่องในหนังของ Brave อาจจะผิดฟอร์มผิด Pixar ไปซักหน่อยแต่มีอยู่ 2 สิ่งที่ไม่ผิดมาตรฐานของ Pixar เลยซักนิดนั่นก็คือสกอร์ดนตรีประกอบของหนังและภาพอนิเมชั่นของหนัง ซึ่งเพลงสกอร์ดนตรีประกอบหนังเรื่องนี้ได้ "แพทริค ดอยล์" มาเป็นคนทำเพลงประกอบให้กำหนังครับ ซึ่งดนตรประกอบของดอลย์นั่นทำออกมาได้ไพเราะ ฟังดูเป็นจังหวะช้าๆ และเร็ว ให้ความสนุก ดูกลมกลื่นกันไป อย่างเช่นเพลง Not Now! แต่เพลงที่ดีที่สุดคงเป็นเพลง Merida's Home ที่ใช้ประกอบไตเติลเรื่องเมื่อหนังจบ ที่เป็นเพลงที่ไพเราะมากๆ ครับนอกจากนี้หนังยังมีเพลงที่ใช้คนร้องด้วยแต่ด้วยความชอบส่วนตัวที่เวลาดูหนังอนิเมชั่นแล้วชอบดูพากย์ไทยทำให้ไม่รู้ว่าเพลงที่ใช้ประกอบเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเป็นอย่างไง แต่สำหรับพากย์ไทยร้องออกมาได้ดีมากครับ
นอกจากนี้ด้านภาพที่ใช้ในเรื่อง Pixar เราจะได้เห็นพัฒนาการด้านภาพที่ดูเนียนตามากขึ้นและดูไหลลื่นมากขึ้น เราจะได้เห็นผมของเมริด้าปลิวสลวยในสายลมท่วงท่าต่างๆ ที่นับวันจะดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น รวมไปถึงฉากต่างๆ ในด้านการใช้อาวุธที่ทำได้สมจริง โดยเฉพาะเวลาเมริด้ายิงธนู สมจริงมากครับ นอกจากพัฒนาด้านภาพการพัฒนาความเนียนตาแล้ว Pixar ยังสามารถนำส่วนตรงนั้นมาทำให้ในส่วนของ 3มิติ ดูสมจริงยิ่งขึ้น ภาพมีนูนมีลึกมีพุ่งตามสมัยนิยมของหนังอนิเมชั่นซึ่งก็ทำออกมาได้ดี และนอกจากนี้ภาพสวยมากด้วยครับ
ในเมื่อบอกไปว่าได้ดูแบบพากย์ไทยแล้ว ก็ขอบอกเลยครับว่าพากย์ได้ดีตามมาตรฐานหนังอนิเมชั่นเสียงไทยทั่วไป ไม่ได้ดีแค่ Pixar เท่านั้น DreamWorks, ฺBlue Sky, Illumination Entertainment และรวมไปถึง Disney ก็พากย์ได้แม้จะเอานักแสดงมาพากย์ด้วย (Brave น่าจะเอานักแสดงมาพากย์เป็นเมริด้า แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่าเพราะฟังแล้วเหมือนเป็นนักพากย์อาชีพ) ซึ่งเหมือนเป็นขั่วตรงข้ามของหนังคนแสดงที่เอาดารามาพากย์จริงๆ ครับ
ส่วนการกำกับของ 3 ผู้กำกับ มาร์ค แอนดรูว์, เบรนด้า แชปแมน, สตีฟ เพอร์ซิลล์ ที่แม้การดำเนินเรื่องอาจจะดูไม่เด่นเท่าไรนัก แต่ในส่วนของการใช้มุมกล้องถือว่าทั้ง 3 คนทำหน้าที่ตรงนี้ออกมาได้ดีครับ ก็ต้องเข้าใจละครับว่า 3 คนนี้เคยแต่ทำหน้าที่อย่างเขียนบทหนังหรือทำงานฝ่ายศิลป์มาก่อน หรือหากเคยกำกับมาก่อนก็เป็นแค่หนังสั่น ยกเว้นเบรนด้า แชปแมนคนเดียวที่เคยกำกับ The Prince of Egypt มาก่อน การจะมาทำหน้าที่กำกับครั้งแรกหนังใหญ่ สเกลใหญ่ครั้งแรก นอกจากนี้หนังอนิเมชั่นขนาดสั่นที่ฉายแปะหน้าตามธรรมเนียมขอ Brave อย่าง "La Luna" ก็ทำออกมาได้ดีและสวยงามมากครับ
สรุป
“Brave อาจจะไม่โดดเด่นในด้านเนื้อเรื่องและประเด็นหลักที่แฝงไว้ในหนังเหมือนหนังอนิเมชั่นเรื่องอื่นของ Pixar แต่ Brave กลับโดดเด่นในเรื่องของประเด็นรองอย่างความรักแม่-ลูก ที่เข้ากับช่วงที่หนังเข้าฉายพอดิบพอดี นอกจากนี้ Brave ยังเด่นเรื่องมุกตลก ที่สร้างความสนุกสนานได้ดีในระดับนึง และด้วยด้านภาพที่โดดเด่น เพลงประกอบที่โดดเด่น และ 3มิติที่ดูดี นับว่า Brave สอบผ่านแบบปลายจมูกตามมาตรฐานของ Pixar”
ความยาวทั้งหมด 100 นาที
คะแนน 8/10
------------------------------------------------------------------
ใครที่ชอบอัพเดทข่าวสารวงการหนังขออนุญาติฝากแฟนเพจ KURENAI MOVIE ไว้ด้วยนะครับ มาอัพเดทข่าวสาร หรือ พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ แบบมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง อัพเดทแบบไม่ให้ตกข่าวกันเลยครับ อย่าลืมมากด Like กันนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น