วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ยักษ์


ยักษ์ / YAK: THE GIANT KING


(08/10/2012) - 80 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
สตูดิโอผู้สร้าง : เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์, บ้านอิทธิฤทธิ์, ซูเปอร์จิ๋ว
ผู้กำกับ : ประภาส ชลศรานนท์
ประเภทของหนัง : ANIMATION | COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“อนิเมชั่นสายพันธ์ไทย ที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่เหนือคาดคิด”


ปีนี้ประเทศไทยของเรามีหนังอนิเมชั่นฝีมือคนไทยอยู่ 2 เรื่อง, เรื่องแรกเป็นหนังอนิเมชั่นของกันตนานั้นก็คือ "เอคโค่ จิ๋วก้องโลก" ที่ตอนนี้คนเขียนยังไม่ได้ดูด้วยเหตุผลรับไม่ได้กับเสียงพากย์ของตัวละคร ซึ่งก็ต้องขออภัย ส่วนอีกเรื่องเป็นหนังอนิเมชั่นของทางเวิร์คพอยต์นั้นก็คือ "ยักษ์" ที่ต้องยอมรับเลยว่าตอนดูตัวอย่างเต็มแรกครั้งแรกพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าต้องดูสถานเดียวเท่านั้นเพราะดูแล้วหนังน่าที่จะทำได้ดีออกมาเทียบเท่าอนิเมชั่นของทางฮอลลีวู้ดซึ่งในความคิดแรกมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ พอหนังเข้าฉายก็ตั้งใจไปดูแต่ด้วยหนังฉายพร้อมกับ Taken 2 เลยต้องขอไปดู Taken 2 ก่อน เลยเพิ่งได้ดูเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (ขออภัยครับผมไม่ชอบดูหนังเสาร์-อาทิตย์ ไม่ชอบที่คนเยอะๆ เท่าไร)

ยักษ์คือเรื่องราวของ หนุมานกับทศกัณฑ์ผู้ชั่วร้าย เกิดขึ้นนับไม่ถ้วนก่อเกิดเรื่องราวรามเกียรรามเกียรติ์กว่า 10 ล้านรูปแบบ และนี่คืออวตารที่สิบล้านเอ็ด เรื่องราวหลังจากตื่นขึ้นหลังจากหลับไหลมา 1 ล้านวันของหนุมาน และ ทศกัณฑ์ ที่จำอะไรไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ได้รับชื่อคือ เผือก และ น้าเขียว นี่คือเรื่องราวระหว่างมิตรภาพและหน้าที่...


ชอบครับผมชอบมากครับที่สตูดิโอของหนังกล้าที่จะตีความรามเกียรติ์ให้ออกมาเป็นรูปแบบนี้เป็นรูปแบบหุ่นกระป๋องถึงแม้อาจจะดูเหมือนหนังอนิเมชั่น Robots ของทาง Blue Sky Studios ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2005 ก็ตาม แต่ตรงนั้นเราไม่สนใจหรอกครับว่าจะเหมือนหรือไม่เหมือนอย่างน้อยทุกสิ่งในโลกมันต้องมีต้นแบบ เรามาว่ากันกับตัวหนังแบบเพียวๆ ดีกว่าย้อนกลับไปที่ผมบอกว่าผมชอบการที่สตูดิโอกล้าตีความแบบนี้ เพราะเราทุกคนน่าจะเคยสัมผัสกับ "รามเกียรติ์" มาในหลายๆ สื่อกันแล้ว เรารู้จัก พระราม, พระลักษมณ์, หนุมาน, นางสีดา, ทศกัณฑ์, กุมภกรรณ กันอยู่แล้วอย่างแน่นอน แต่จะเป็นไงเมื่อการตีความครั้งนี้มาในรูปแบบหุ่นยนต์ที่มีอะไหล่ในการดำเนินชีวิตโดยที่ไม่มีตัวละครอื่นๆ ที่เป็นเมนหลักสำคัญนอกจาก หนุมาน และ ทศกัณฑ์ แต่หนังมีพระรามแต่เราไม่บอกว่ามีอย่างไงเดี่ยวไม่เซอร์ไพรซ์ ซึ่งการที่จับเรื่องราวนี้มาตีความใหม่โดยใส่เรื่องราวแบบใหม่ๆ ลงไปมีการดำเนินเรื่องในแบบที่สามารถดูได้ทุกวัย และที่สำคัญจะต้องไม่ลืมเรื่องราวของรามเกียรติ์ และที่สำคัญกว่าจะต้องใส่ประเด็นที่คนดูโดยเฉพาะเด็กจับต้องได้ลงไป มันเป็นอย่างไรนี่คือคำถาม?

ต้องยอมรับว่าหนังมีการดำเนินเรื่องที่สะดุดและไม่ไหลลื่นอยู่บ้างบ้างช่วงออกจะน่าเบื่อไปบ้างสำหรับคนดูวัยรุ่นและผู้ใหญ่แต่สำหรับเด็กถ้ามองย้อนไปคิดว่าเราเป็นเด็กและได้ดูเราอาจจะคิดอีกแบบก็ได้คงคิดว่าหนังคงไหลลื่นและคงจะสนุกสุดยอด นี่คือมุมต่างกันสำหรับคนละวัย กลับมาต่อ หลังจากที่เรารู้ว่าหนังมีบางช่วงที่ดูน่าเบื่อก็ตามแต่เมื่อมาดูโดยรวมของหนังก็ต้องยอมรับหนังก็ดูสนุกดีเหมือนกันแม้จะกระตุกกระตักไปบ้างในด้านเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่อง แต่นั้นก็เป็นส่วนเล็กๆ ของหนัง อย่างที่บอกไปว่าหนังจะทำยังไงไม่ให้ลืมเรื่องราวของรามเกียรติ์ที่เป็นธีมของเรื่องต้องยอมรับครับว่าหนังตีความใหม่โดยที่ยังคงกลิ่นอายของรามเกียรติ์ไว้ได้อย่างเต็มที่ครับ นอกจากตัวเผือกและน้าเขียวแล้วหนังยังมีส่วนต่างๆ ที่ยังเป็นรามเกียรติ์อยู่อาทิตัวละครต่างๆ อย่าง กุม หรือที่รู้จักกันในชื่อ กุมภกรรณ หรือ นกสดายุเป็นต้ย หรืออย่างในหนังยังมีการใส่อาวุธของตัวละครอย่างในหนังยังมีอาวุธของหนุมานนั้นก็คือ "ตรีเพชร" หรือของทศกัณฑ์ก็อย่าง "จักร" หรือถ้าจะให้ละเอียดและเป็นส่วนสำคัญก็ต้อง "หอกโมกขศักดิ์" ที่หนังยังเอามาใส่ไว้ในหนังได้หรือการสอดแทรกเรื่องราวของรามเกียรติ์มาไว้ตลอดทำให้เรายังคงรับรู้ว่าหนังไม่ได้หลุดจากรามเกียรติ์เลย


ซึ่งประเด็นที่หนังสามารถถ่ายทอดลงไปให้แก่คนดูก็ "มิตรภาพ" อาจจะไม่ได้เป็นประเด็นอะไรใหม่มากนักเพราะถูกใช้มากันจนเกร่อในทุกยุคสมัย แต่ในเมื่อหนังมันเป็นอนิเมชั่น ก็สามารถส่งถึงคนดูที่เป็นเด็กได้ง่ายกว่าหนังประเภทอื่นๆ (ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่สนใจหรอกว่าหนังใส่ประเด็นอะไรมา เด็กๆ สนแต่ว่าสนุกหรือเปล่าแค่นั้นเอง) ก็ถือว่าหนังผ่านส่วนสำคัญตรงนี้ไปได้, การดำเนินเรื่องสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ตัวละครนี่ก็ถือเป็นส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ที่ทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก การพัฒนาตัวละครของหนังจากจุดเริ่มต้นที่ตัวละครไม่รับรู้อะไรไม่รู้ว่าเป็นใครหนังพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครได้อย่างกระชับฉับไวและรวดเร็ว ซึ่งอาจจะข้ามๆ ไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าดีอยู่ มีการใส่ตัวละครลงมาอีกตัว 2 ตัว เพื่อการดำเนินไปสู่บทสรุปที่ดี ซึ่งในบทสรุปสุดท้ายที่มาพร้อมฉากแอ็คชั่นที่โปรดัคชั่นอลังการ ก็พูดได้เลยครับว่าฉากสุดท้ายของหนังโชว์ความศักยภาพของหนังออกมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

อีกอย่างที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากๆ ก็คือการแสดงสีหน้าและท่าทางของตัวละครที่ในบางช่วงโดยเฉพาะช่วงต้นอาจจะยังดูไม่เนียนไปบ้างแต่เมื่อหนังดำเนินทางไปเรื่อยๆ หนังกลับทำในส่วนตรงนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยผมชอบการแสดงสีหน้าของตัวละครเผือกและน้าเขียวมากครับ โดยเฉพาะน้าเขียวที่ทำออกมาได้น่ารักเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเพราะคนพากย์เสียงน้าเขียวนั้นก็คือ พี่หนุ่ม สันติสุข พรหมศิริ ที่พากย์ออกมาได้เหมือนเป็นน้าเขียวเลยจริงๆ อีกคนอย่าง พี่หอย สาราแน ก็พากย์ออกมาได้ดีจนนึกไม่ถึงว่าพี่หอยเป็นคนให้เสียง แต่ที่หลุดมาเซอร์ไพรซ์จริงคงไม่พ้น พี่โน้ต อุดม ที่โผล่มาพากย์ไม่ถึง 5 นาที แต่กลับทำให้จดจำได้มากเลยทีเดียว แต่อย่างน้อยเสียงพากย์ของหนังเรื่องนี้ก็ดูสากลเหมือนกับหนังอนิเมชั่นของฮอลลีวู้ดที่เอาดาราหรือนักร้องมาพากย์เหมือนกัน ไม่เหมือนเอคโค่ที่ดูยังไม่เป็นสากลพอ เพราะเสียงพากย์ในตัวอย่างของเอคโค่ทำผมกลัวเสียงตัวละคร (แค่เอามาเปรียบเทียบนะครับระหว่างเสียงพากย์ของยักษ์และเอคโค่)


ประภาส ชลศรานนท์ ทำหนังทุนสร้าง 200 ล้านบาทออกมาได้เนี้ยบเฉียบขาดแม้จะดูไม่เวิร์คในบางช่วง แต่ก็เป็นก้าวแรกของหนังอนิเมชั่นที่จะไปเทียบเคียงหนังอนิเมชั่นของทางฮอลลีวู้ดแม้เราจะดูตามหลังอยู่เยอะก็ตามต้องลองจับตาอนาคตของสตูดิโอบ้านอิทธิฤทธิ์นี้ไว้ให้ดี ซึ่งในตอนนี้บ้านอิทธิฤทธิ์ทำให้กลับไปนึกครั้งแรกตอน DreamWorks Animation หรือ Blue Sky Studios ตั้งสตูดิโอครั้งแรกได้ ที่น่าจะก้าวไกลไปไกลมากๆ กว่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งต้องรอชมหนังเรื่องต่อๆ ไปของบ้านอิทธิฤทธิ์ไว้ให้ดีเลย

สรุป
“ยักษ์ / YAK: THE GIANT KING เป็นหนังอนิเมชั่นฝีมือคนไทยที่ทำออกมาได้ดี ทั้งการตีความ การนำเสนอ แม้บางช่วงจะดูหลุดๆ บ้างก็ตาม และหนังเป็นการนำเสนอโปรดัคชั่นที่อลังการงานสร้าง และ เหนือชั่นกว่าตรงการพากย์เสียงตัวละคร ซึ่งถือเป็นการเปิดโลกหนังอนิเมชั่นไทยอย่างที่ควรจำเป็นซักที”


ความยาวทั้งหมด 90 นาที
คะแนน 8/10
-----------------------------------------------------------------------
ใครที่ชอบอัพเดทข่าวสารวงการหนังขออนุญาติฝากแฟนเพจ KURENAI THE MOVIE ไว้ด้วยนะครับ มาอัพเดทข่าวสาร หรือ พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ แบบมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง อัพเดทแบบไม่ให้ตกข่าวกันเลยครับ อย่าลืมมากด Like กันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger