CARRIE

CARRIE / สาวสยอง

ผู้จัดจำหน่าย : SONY PICTURES

สตูดิโอผู้สร้าง : METRO-GOLDWYN-MAYER (MGM), SCREEN GEMS

ผู้กำกับ : คิมเบอร์ลี่ เพียรซ์ (BOYS DON'T CRY)

ประเภทของหนัง : DRAMA | HORROR

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง

อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง

“ปรับได้ดีและเข้ากับยุคสมัย แต่ก็ยังจัดว่าเคารพ, สาวสยองฉบับรีเม็ค!”

จาก CARRIE นิยายเมื่อปี 1974 เป็นนิยายที่ทำให้โลกรู้จักชายที่มีชื่อว่า สตีเฟ่น คิง ต่อมาในปี 1976 ไบรอัน เดอ พัลม่า นำนิยายเรื่องเดียวกันนี้มาทำเป็นภาพยนตร์ได้อย่างดีเว่อร์ กลับการนำเสนอชีวิตเด็กสาว แคร์รี่ ไวท์ ที่ถูกเลี้ยงดูโดยแม่ที่คลั่งศาสนาจนอ่อนต่อโลก ซ้ำยังถูกรังแก แต่หารู้ไม่เธอมีพลังจิต ก่อนที่ต่อมาจะเป็นหายนะในงานพรอม! หนังดีขนาดส่งให้ ซิสซี่ สปาเซ็ค และ ไพเพอร์ ลอร์รี่ ชิงออสการ์ในปีต่อมา ผ่านไปหลายปีหนังจัดว่าขึ้นหิ้งจนไม่มีใครคิดว่าจะมีใครหน้าไหนกล้านำ CARRIE มาสร้างใหม่! แต่แล้วก็มีเธอผู้นั้นก็คือ คิมเบอร์ลี่ เพียรซ์ จาก BOYS DON'T CRY ที่มาเป็นผู้กำกับฉบับใหม่นี้และเลือก โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ มารับบทตัว แคร์รี่ เจ้าของเรื่อง!

นับเป็นการรีเม็คและปรับหนังให้เข้ากับยุคสมัยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากหนังจะมีสื่อออนไลน์หรือเครื่องใช้อีเล็คโทรนิคมาอยู่หนังทั้ง สมาร์ทโฟน หรือ ยูทูป เป็นต้น แต่หนังก็ยังรักษาจิตวิญญาณของตัวนิยายและตัวหนังฉบับเก่าไว้อย่างเคารพแต่ก็ไม่เดินตามแบบสเต็ปบายสเต็ปไปซ่ะหมดทุกอย่าง หนังยังคงแก่นแท้และตัวละครไว้หมด หนังยังเล่าเรื่องของ แคร์รี่ ไวท์ (โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์) เหมือนเดิม และถูกเลี้ยงดูโดยแม่ที่คลั่งศาสนา (จูลีแอนน์ มัวร์) เธออ่อนต่อโลกและโดนเพื่อนๆ รังแกในงานพรอมเหมือนเดิม แต่การเติมลูกเล่นในยุคสมัยนี้อย่างการถ่ายคลิป อัพโหลดลงบนโลกออนไลน์ ก็สร้างผลกระทบต่อตัวละครได้มากขึ้น และย้อนไปทำไมตัวละครบางตัวถึงอยากทำให้เธอขายหน้ามากกว่าเดิม

เนื้อหาของหนังที่เป็นสากลเราเรื่องวัยรุ่นที่ต้องเจอปัญหาในชีวิตด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างและเจาะให้ลึกคือการโดนรังแกจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนหนังเอามาเสนอและก็ทำได้ดี โดยรวมมองไกลๆ หนังฉบับนี้ก็มีสไตล์การเล่นเป็นของตัวเอง ไม่เดินตามแต่ก็ยังเคารพเนื้อหา จะมองเป็นงานบูชาฉบับ ไบรอัน เดอ พัลม่า ก็ได้เหมือนกัน เรื่องโปรดัคชั่นไม่ต้องเป็นห่วงหนังทำได้ดีตามยุคสมัย แต่ที่รู้สึกทำได้ดีกว่าก็คือฉากนองเลือดในงานพรอมที่ทำได้สะใจกว่าฉบับ เดอ พัลม่า ดูโหดและจริงจังกว่าฉบับ เดอ พัลม่า แถม แคร์รี่ ก็ไม่ได้ฆ่าไม่เลือกเหมือนฉบับ เดอ พัลม่า แต่เลือกเฉพาะคนที่กลัวและทำให้เธอเป็นแบบนี้ ทำให้ฉบับนี้ไม่ได้ก็อปแบบฉากต่อฉาก แต่ก็มีฉบับ เดอ พัลม่า เป็นแรงบันดาลใจ

โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ สลัดบท ฮีทเกิร์ล มารับบท แคร์รี่ อาจจะไม่ดูขนลุกและสยองเท่าฉบับ ซิสซี่ สปาเซ็ค เพราะหน้าตา โคลอี้ สวยเกินไป แต่หากมองในด้านการแสดงทำได้ดีกว่าฉบับ สปาเซ็ค เล็กน้อย แต่ที่สุดยอดคือ จูลีแอนน์ มัวร์ ที่เล่นได้จิตมากในบท แม่แคร์รี่ มาร์กาเร็ต ไวท์ ตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่องแต่แอบเสียดาย ดันต้องมารับบทเดียวกันที่ ไพเพอร์ ลอร์รี่ ทำไว้แบบไร้ที่ติ จึงเป็นอะไรที่น่าเสียดายเล็กน้อย, แต่โดยรวม CARRIE ฉบับ 2013 ก็ทำได้ดีและทำได้เข้ากับยุคสมัยเป็นอย่างมากครับ...