THE HOBBIT: THE DESOLATION OF SMAUG /
เดอะ ฮอบบิท: ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อก
ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : NEW LINE CINEMA, METRO-GOLDWYN-MAYER, WINGNUT FILMS
ผู้กำกับ : ปีเตอร์ แจ็คสัน (THE LORD OF THE RINGS TRILOGY, KING KONG)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | DRAMA | FANTASY
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“โอ้ท่านสม็อกผู้ยิ่งใหญ่! ฮอบบิท ตอนนี้สนุกก็เพราะท่านเลยน่ะ!!”
ภาคแรกของไตรภาค THE HOBBIT: AN UNEXPECTED JOURNEY ประสบความสำเร็จไปสุดๆ กับรายได้กว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะเจอคำวิจารณ์ประมาณว่าดำเนินเรื่องน่าเบื่อเพราะเน้นไปที่การปูเรื่องที่แสนนาน (แต่สำหรับผู้เขียนมันก็ทำได้สนุกน่ะ) มาคร่าวนี้กับ THE HOBBIT: THE DESOLATION OF SMAUG ภาคต่อตำนานฮอบบิท เรื่องราวของคนแคระกับมังกร ยึดคืนอาณาจักร จึงเป็นความท้าทายอย่างรุนแรงของผู้กำกับ ปีเตอร์ แจ็คสัน เพื่อลบคำสบประมาทที่มีในภาคแรกให้ได้! นี่คือการสิ้นสุดการรอคอยหนึ่งปี การคืนสู่มิดเดิลเอิร์ธอีกครั้งของ เลโกลัส, การปรากฏตัวของ เอลฟ์สาวที่ไม่มีในหนังสือ และ! การยลโฉมมังกรสม็อกแบบเต็มๆ!!
การมีอยู่ของ "สม็อก" ทำให้ ปีเตอร์ แจ็คสัน สามารถลบคำสบประมาทที่มีต่อหนังภาคแรกได้ครับ!!?, การดำเนินเรื่องในหนังภาคนี้ด้วยความที่ไม่ต้องไปมัวเสียเวลากับการแนะนำตัวละครอะไรมากนัก ทั้งบิลโบและคนแคระทั้งสิบสามก็แนะนำไปเมื่อภาคที่แล้ว ภารกิจความเป็นมาตั้งแต่อดีต ทำไมสม็อกถึงบุกไปที่ถิ่นที่อยู่ของคนแคระ หนังก็แนะนำไปหมดเรียบร้อยในภาคแรก ทำให้หนังภาคนี้ ไม่ต้องไปมัวเสียเวลาอะไรกับสิ่งต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเท่าไร ในภาคนี้เราจึงการดำเนินเรื่องสไตล์เอพิคผจญภัยจริงๆ แบบเต็มสูบ นับแต่ฉากเปิดเรื่องที่เซอร์ไพรซ์ ปีเตอร์ แจ็คสัน แอบโผล่ หลังจากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องกันไปอย่างรวดเร็ว
หนังมีการดำเนินเรื่องอย่างที่บอกรวดเร็ว ฉับไว นับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องไปจนถึงฉากหนีออกจากถิ่นที่อยู่ของเอลฟ์ ที่มาพร้อมกับฉากแอ็คชั่นที่สนุกและลูกเล่นที่มีสไตล์ แต่หนังก็อาจจะมาเสียเวลาไปหน่อยกับการยึดเยื้อในช่วงหลบหนีเข้าเลคทาวน์ คือถ้าตรงนี้มีการบีบให้สั้นลงกว่านี้ได้จะเป็นอะไรที่บันเทิงมากกว่านี้ไม่น้อย ถือเป็นจุดผิดพลาดเล็กๆ ของหนัง แต่ก็เข้าใจว่ามันปูทางเพื่อสู่บทสรุปในภาคต่อไป แต่ก็น่ะถ้าบีบเวลาให้สั้นลงมันคงจะดีกว่านี้แน่ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ลืมไปได้เลยถึงข้อเล็กๆ ในส่วนตรงนี้ เพราะเมื่อหนังปูเรื่องนำพากลุ่มคนแคระกลับมายังเอเรบอร์ได้เป็นผลสำเร็จตรงนี้ล่ะมันคือความสุดยอดที่สุด
กับการปรากฏโฉมแบบเต็มๆ หลังจากให้เห็นแค่ดวงตาใน AN UNEXPECTED JOURNEY นั่นก็คือ มังกรสม็อก !! สนุกอย่างไรนั้นเราคงบอกไม่ได้นอกจากไปพิสูจน์กันเอง แต่ที่บอกได้ เป็นเวลา 50-60 กว่านาทีที่คุ้มค่าการรอคอยมาก (ตรงนี้หมายถึงนับรวมทุกเรื่องราวที่ปรากฏทั้งการสู้กับสม็อก, เลโกลัส ในเมือง เลคทาวน์, แกนดัลฟ์เจอกับ เนโครแมนเซอร์ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ตรงนี้หนังทำได้เต็มอิ่มสมค่ากับการรอคอย แถมฉากแอ็คชั่นในการต่อสู้กับสม็อก ก็ไม่ต่างกับฉากที่หนีออกมาจากถิ่นเอลฟ์ (ขออภัยจำชื่อไม่ได้) คือการที่หนังมีลูกเล่นที่น่าจดจำ และสนุก ตื้นเต้น และก็ลุ้นระทึก จนเป็นอีกหนึ่งซีเควนซ์แอ็คชั่นที่น่าจดจำแห่งปีนี้ได้ไม่ยากเลย
จะเป็นอย่างที่บอกหรือไม่เชิญไปพิสูจน์กันเอง แต่การสู้กับสม็อกนี่เป็นอะไรที่เหนือคำบรรยายจริงๆ และก็ตอน เนโครแมนเซอร์ กลายเป็น เซารอน ก็เป็นอะไรที่น่าจดจำจริงๆ, นอกเหนือไปจากการดำเนินเรื่องที่สนุกการสร้างสัมพันธ์ตัวละครในหนังก็เป็นหนึ่งจุดที่น่าสนใจโดยเฉพาะตัว บิลโบ กับ ธอริน โอเคนชิลด์ และ คิลี กับ ธอเรียล และ ธอเรียล กับ เลโกลัส คู่แรกใน 2 ส่วน 3 ของหนัง ธอริน จะเรียก บิลโบ เป็นแค่ นายแบ็กกินส์ หัวขโมยเพียงเท่านั้น แต่เมื่อตระหนักถึงบางสิ่ง ธอริน ก็เรียก ฮอบบิท คนนี้ ว่า บิลโบ ตรงนี้อาจจะไม่มีใครสนใจหรือจดจำเท่าใดนัก แต่สำหรับผู้เขียนเป็นอีกหนึ่งฉายสั้นๆ ในระหว่างสู้กับ สม็อก ที่น่าจดจำ
คู่ที่สอง คิลี กับ ธอเรียล ถือเป็นความโรแมนติคเล็กๆ ที่หนังใส่ลงมาเล่นๆ มาเบรคอารมณ์ดาร์คๆ ในภาคนี้ โดยเฉพาะการที่ ธอเรียล ไม่มีอยู่ในหนังสือฉบับใดเลยของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน ก็ตาม ถือเป็นความฟินที่หนังใส่ลงมาและได้ผล และก็พอเข้าใจได้ในบทสรุปภาคต่อไปว่าทำไม ปีเตอร์ แจ็คสัน กล้าที่จะใส่ตัวละครที่ไม่มีมาในหนัง คู่ที่สาม เลโกลัส กับ ธอเรียล ตรงนี้ไม่มีอะไรมาก เราได้เห็นว่า เลโกลัส ที่ดาร์คและแตกต่างกว่าใน THE LORD OF THE RINGS ไตรภาคเป็นอย่างไร อ่อ อีกอย่างที่ชอบมากในการมี เลโกลัส ก็คือ การได้เห็น อีสเตอร์เอ็กก์ อย่างการที่ เลโกลัส ล้อเลียน กิมลี่ ในรูปวาดที่เห็นจากร็อคเก็ตของ โกลอิน อะไรอย่างนี้เป็นต้น
สุดท้ายแล้วคงไม่มีอะไรต้องพูด ด้านเอฟเฟกต์ CG ต่างๆ โปรดัคชั่น ก็เหมือน AN UNEXPECTED JOURNEY ก็คืองานนี้ไร้ที่ติ แต่ที่ดูจะโดดเด่นกว่าภาคที่แล้วคือการปรากฏตัวของ สม็อก ที่ โมแคป โดย ข่าน เอ้ย เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ ที่ทำตัวมังกรให้มีชีวิตได้แบบไร้ที่ติ และยิ่งได้เสียงของ เบเนดิคท์ คัมเบอร์แบทช์ ที่ดูน่าเกรงขามมาให้เสียงยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่, รอบที่ได้ดูคือ 4DX ขอบอกว่าช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนังได้จริงๆ แต่ด้วยที่ 4DX ไม่ได้ภาพแบบ HFR สงสัยก็ต้องไปตามดูอีกรอบ แต่ขอบอกว่างานนี้จัดรอบสองก็ไม่เสียหายอะไรครับ...
ความยาวทั้งหมด 161 นาที
คะแนน 9/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น