วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

HANSEL & GRETEL: WITCH HUNTERS


HANSEL & GRETEL: WITCH HUNTERS / ฮันเซล & เกรเทล นักล่าแม่มดพันธุ์ดิบ


ผู้จัดจำหน่าย : PARAMOUNT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : METRO-GOLDWYN-MAYER (MGM), GARY SANCHEZ PRODUCTIONS
ผู้กำกับ : ทอมมี่ เวียร์โคล่า (DEAD SNOW)
ประเภทของหนัง : ACTION | FANTASY | HORROR

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“หักมุมนิทานกริมม์, งานแอ็คชั่นเลือดสาดที่ดูเพลิน”


Hansel and Gretel คือนิทานของพี่น้องกริมม์ที่ว่าด้วยเรื่องของ ฮันเซล กับ เกรเทล สองพี่น้องที่บังเอิญหลงไปในป่าและได้ไปเจอกับบ้านที่ทำจากขนมซึ่งนั่นคือต้นเหตุที่ทำให้ทั้งสองเกือบเอาชีวิตไม่รอดหากไม่ฆ่าแม่มดหรือคุณยายในบ้านหลังนั้น ซึ่งตัวนิทานจบลงที่ทั้งสองจัดการกับคุณยายได้ แต่ไม่เคยมีใครสงสัยเลยหรือว่าหลังจากนั้นทั้งสองใช้ชีวิตอย่างไร? วันเวลาผ่านไปถึง 201 ปี!! นับจากตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 1982 ถึงมีผู้ที่อาจหาญชาญชัยกล้าที่จะมาดำเนินเรื่องราวที่ค้างคาให้ดำเนินต่อเขาคนนั้นก็คือ "ทอมมี่ เวียร์โคล่า" ผู้กำกับเลือดนอร์วีเจี้ยนวัย 34 ที่หลายๆ ท่านอาจเคยผ่านตามากับผลงานสร้างชื่ออย่าง Dead Snow (ผีหิมะ..กัดกระชากโหด!!) เมื่อปี 2009..!!

ซึ่งใน Hansel & Gretel: Witch Hunters ได้ เจเรมี่ เรนเนอร์ พ่อหนุ่มฮอว์คอาย จาก Marvel's The Avengers มารับบทฮันเซล และได้ เจมม่า อาร์เทอร์ตัน หรือองค์หญิงทามิน่า จาก Prince of Persia: The Sands of Time มารับบทเกรเทล ใน "HANSEL & GRETEL: WITCH HUNTERS" โดยใน Hansel & Gretel ฉบับนี้จะว่าด้วยเรื่องราวหลังจากที่สองพี่น้องจัดการแม่มดสำเร็จและหนีออกมาได้เป็นผลสำเร็จ วันเวลาผ่านไปทั้งสองเติบโตขึ้นมาเป็นนักล่าแม่มดและได้ออกตามล่าแม่มดไปทั่วโลก ทั้งสองถูกว่าจ้างจากผู้ดูแลเมืองๆ นึงให้ออกไปตามล่าแม่มดที่จับเด็กไป แต่การออกไปตามล่าแม่มดในครั้งนี้จะนำพาทั้งสองกลับสู่จุดเริ่มต้น สู่อดีตของทั้งคู่!!


ปีที่แล้วมีหนังสองเรื่องที่เอานิทานของพี่น้องตระกูลกริมม์ไปตีความใหม่นั่นก็คือ Snow White ที่ตีความใหม่ให้ออกมาเป็นหนังคอเมดี้และหนังแอดเวนเจอร์เอพิคซึ่งใน Hansel & Gretel: Witch Hunters ก็เอาเรื่องราวไปตีความใหม่เหมือนกันแต่ไม่ได้ตีความอยู่แค่เฉพาะเรื่องในนิทานแต่ตีความให้ออกไปไกลกว่านั้นโดยการตีความครั้งนี้ทำออกมาได้ดีมากพอสมควรครับกับการตีความออกมาให้เป็นหนังแอ็คชั่นเต็มสูบ เลือดกระจุยกระจาย และทำออกมาดูสนุกในระดับนึงแต่ก็ไม่ได้บันเทิงๆ คุ้มค่าเงินที่เสียไปทุกอย่างทุกช่วงของหนัง หนังแปะหน้าชื่อว่าเป็นเรท R และเรทนี้คืออะไรแน่นอนว่าต้องเห็นเลือดซึ่งแน่นอนว่าเราๆ ได้เห็นเลือดกันแน่นอนอยู่แล้ว

แต่การได้มาซึ่งเรท R ต้องอย่างไรแน่นอนว่าต้องมีการดำเนินเรื่องที่สนุกและต้องมีมุกตลกที่สมเหตุสมผล แต่หนังดูไม่เหมาะกับเรทนี้ซักเท่าไรนักเพราะการดำเนินเรื่องของหนังไม่มีลูกเล่นอะไรที่แปลกใหม่เลยหนังมุ่งเน้นเดินเรื่องเป็นเส้นตรงอย่างเดียวไม่มีอ้อมค้อมออกไปเล่าเรื่องในอดีต ใช่! หนังมีออกไปเล่าเรื่องในอดีตในอยู่บ้างแต่ก็ไม่สำคัญกับเนื้อเรื่องเลย เพราะที่ออกไปเล่าจะเป็นอดีตสำคัญของตัวละครแต่กว่าจะเล่าได้ คนดูก็สามารถรู้เรื่องราวในอดีตแล้วเพราะหนังเล่นเฉลยตั้งแต่ฉากแรกหากใครช่างคิดช่างสงสัยหรือดูหนังมาเยอะก็เดาทางได้หมด ซึ่งๆ ไม่ได้เกินความสามารถของแฟนๆ หนังทั้งหลายเลยแม้แต่นิด


ซึ่งแน่นอนว่าจุดขายหลักคงไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่องหรือการดำเนินเรื่องอยู่แล้วแต่จุดขายหลักคงไม่พ้นฉากแอ็คชั่นล่าแม่มดและบรรดาแม่มดที่การแต่งหน้าอย่างกับผีใน The Evil Dead อะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว ซึ่งฉากแอ็คชั่นถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ครับได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่กับการใช้ปืนกลไล่ยิงแม่มดซึ่งเป็นจุดขายหลักตั้งแต่ตัวอย่างที่ปล่อยออกมาแล้วซึ่งจุดขายแอ็คชั่นล่าแม่มดนี้ทำออกมาได้สวนทางกับจุดไคลแม็กซ์ของเรื่องมากๆ เพราะทุกอย่างในฉากไคลแม็กซ์ดูง่ายไปเสียหมดถือเป็นจุดผิดผลาดของหนังเลยทีเดียว ซึ่งจุดที่พอกู้หน้าได้คงมีเพียง เจเรมี่ เรนเนอร์ และ เจมม่า อาร์เทอร์ตัน รวมไปถึงเจ้ายักษ์โทรลล์เอ็ดเวิร์ดที่กู้หน้าให้แก่หนังได้ หรือเพราะบางทีตัวอย่าง G.I. Joe: Retaliation มันขโมยซีนหนังกันน่ะ...


ความยาวทั้งหมด 88 นาที
คะแนน 7/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger