วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

LOST IN THAILAND


LOST IN THAILAND / แก๊งค์ม่วนป่วนไทยแลนด์


ผู้จัดจำหน่าย : ENLIGHT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ENLIGHT PICTURES, YYT MEDIA
ผู้กำกับ : ซี เจิง
ประเภทของหนัง : COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“Lost in Thailand หนังจีนส่งเสริมประเทศไทยที่ฮาม่วนป่วนไทยแลนด์”


คนสองคนที่มองโลกต่างกันและใช้ชีวิตต่างกันแบบสุดขั้วต้องมาประสบพบเจอกันและออกเดินทางไปด้วยกันมุขนี้เป็นอะไรที่ถูกใช้กันจนเบื่ออย่าง Due Date ของ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ และ แซค กาลาฟินาคิส เป็นต้นและแน่นอน Lost in Thailand เนื้อเรื่องก็เป็นแบบนั้นเลยกับสองตัวละครที่มีการใช้ชีวิตต่างกันสุดขั้วคนหนึ่งคือ ฉีหล่าง (รับบทโดย ซี เจิง และควบตำแหน่งผู้กำกับของหนังด้วย) นักวิจัยที่คิดค้นซูเปอร์ออยล์น้ำที่เพิ่มน้ำมันได้ที่มุ่งจะไปที่ประเทศไทยเพื่อไปหาเจ้านายเพื่อสัญญาในการวิจัยต่อผู้มีนิสัยที่ไม่สนใจอะไรนอกเหนือจากงาน และ เป้าใหญ่ ชายหนุ่มที่มองโลกในแง่บวกอยู่เสมอที่มาที่ประเทศไทยด้วยเหตุผลส่วนตัว ชายสองคนที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องที่ต้องจับพลัดจับผลูมาออกเดินทางด้วยกันในประเทศไทยนี่คือ Lost in Thailand หนังจีนที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีน!!

อย่างที่ทราบกันพล็อตแบบนี้ถูกใช้กันจนเบื่อในหนังประเภท Road Movie ที่ตัวละครที่มองโลกในแง่ดีจะทำความบรรลัยให้กลับอีกตัวละครที่ในส่วนมากมักจะไปทำภารกิจสำคัญอะไรประมาณนี้ แน่นอนครับว่าใน Lost in Thailand ตัวละครเป้าใหญ่ก็ทำความบรรลัยให้กับตัวฉีหล่างที่มีภารกิจสำในการไปทำภารกิจสำคัญที่ชี้เป็นชี้ตายให้กับตัวเอง และแน่นอนว่าตัวละครที่มีภารกิจสำคัญมักจะแนบมากับปัญหาชีวิตส่วนตัว เหมือนกัน ฉีหล่างก็มีปัญหาชีวิตส่วนตัวเหมือนกันก่อนมาไทย และเมื่อหนังดำเนินไปจุดๆ หนึ่ง ตัวละครมักจะพบกับทางออกของชีวิต จะเห็นได้ว่ามุขแบบนี้ เนื้อเรื่องแบบนี้ พล็อตแบบนี้ ถูกใช้กันจนเบื่อ แต่ภารกิจสำคัญก็คือการทำอย่างไรให้แตกต่างกว่าหนังประเภทเดียวกันที่พบเห็นบ่อยมากซึ่งหนังหลายเรื่องมักทำไม่สำเร็จ แต่ Lost in Thailand ทำได้เป็นผลสำเร็จครับ!!


ความแตกต่างของหนังก็คือการแตกต่างที่ตัวการดำเนินเรื่องครับ หนังดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง, มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว และไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลยแม้แต่เรื่อง เดินทาง > เจอปัญหา > เดินทาง > เจอปัญหา > เดินทาง > เจอปัญหา > เดินทาง เป็นอย่างนี้ไปตลอดเรื่องแต่ถามว่ามีอะไรแปลกและแตกต่างต้องขอบอกการที่การมาของปัญหาครับ หนังจะเปิดตัวละครตัวหนึ่งไว้อยู่แล้วว่ามีปัญหามาทำอะไร ส่วนอีกคนมีเหตุผลที่มาแต่หนังไม่เปิดเผยหมดในตอนแรก และเหตุการณ์ทั้งหลายที่จะจับทั้ง 2 มาอยู่ด้วยกัน ก่อนที่จะนำพาไปดำเนินเรื่องต่อ พอผ่านมาซักนิด หนังจะเริ่มเปิดเผยอะไรอีกว่าตัวละครตัวนั้นมาทำอะไรที่ประเทศไทย และก่อนที่หนังจะเปิดเผยหนังจะทำให้ทั้งสองไปเจอปัญหาแบบโลกแตกและเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ กันซะก่อน และนั่นเป็นเหตุที่แน่นอนว่าก็หลงในประเทศไทย ซึ่งหมายถึงไม่ได้แปลว่าตัวละครอยากจะหลงก็หลงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปแต่มาในแบบไม่ตั้งใจ

นั่นก็คือการดำเนินเรื่องแบบปกติที่ไม่ปกติในหนังเรื่องนี้ อีกอย่างที่ประสบความสำเร็จคือมุขตลกที่หนังมีไอเดียมุขตลกที่ดูสดใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนอย่างที่บางประเทศชอบใช้กัน คือมุกจะดูสดใสกว่าและแปลกใหม่กว่า อาทิ การบุกเข้าห้องคนอื่นเพื่อไปขโมยของแต่แทนที่จะออกมาได้แบบไม่เป็นอะไรเหมือน Mission: Impossible แต่กลับเจอเจ้าของห้องรู้ทันและโดนเข้าให้ หรือการไปหาคนสำคัญแต่ดันไปหาคนสำคัญผิดคนซะได้ผลที่ตามมาคือ ปัญหา และแน่นอนว่า ตัวละครก็ต้องออกเดินทางอย่างที่บอกไป และ หนังยังมีอะไรที่โดดเด่นมากๆ คือไม่ได้เอาแต่หลง หรือชิงปล่อยมุขอย่างเดียว แต่ที่แตกต่างก็คือการที่หนังมีการเล่นเรื่องที่ดราม่าอยู่ด้วย


การดราม่านี้ก็ไม่ได้ดราม่าแบบน้ำตาแตกแต่เป็นดราม่าที่ตัวเนื้อเรื่องมาถึงจุดๆ ที่ควรจะต้องปลดปล่อยและระเบิดออกมา ซึ่งหนังก็สอบผ่านเป็นอย่างมาก ถึงอาจจะดูไม่ได้ดราม่า 100% นักแต่ก็พยายามทำออกมาได้ดูดีแบบไม่เสียหายครับ, อีกอย่างที่ดีมากๆ ของหนังก็คือการสร้างความโดดเด่นให้กับตัวละครและการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครถึงแม้ว่าหนังจะพาตัวละครไปเจอวิบากกรรมสุดฮาอย่างไรหรือการใช้ชีวิตต่างกันอย่างไรแต่หนังก็สร้างยังสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครให้โดดเด่นขึ้นมาได้เรื่อยและสวยงามเป็นอย่างมากครับ, ซึ่งถึงแม้ตัวบทจะไม่ทำอะไรได้เต็ม 100% ทั้งตัวเนื้อเรื่องหรือการนำพาเรื่องราว แต่โดยธรรมชาติหนังก็สามารถนำเสนอเรื่องราวออกมาโดยรวมได้ดีตามสไตล์หนังประเภทนี้ครับ ซึ่งรวมๆ แล้วหนังทำออกมาเป็นหนังที่ดูสนุกฆ่าเวลาได้ดีและมีแง่มุมชวนคิดเกี่ยวกับมุมมองคนต่างประเภท การมองโลกในแง่ดี

อีกสิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นคือการใช้สถานที่ถ่ายทำเป็นประเทศไทยครับ หนังหลายเรื่องมักมาถ่ายทำกันที่ประเทศไทยอาทิ The Man with the Golden Gun หรือ The Hangover Part II ที่มาถ่ายทำในประเทศไทยและนำเสนอความสวยงามหรือสถานบันเทิงในประเทศแต่กับ Lost in Thailand หนังนำเสนอถึงมุมมองวัฒนธรรมของคนไทยและความดีความงามของคนไทยและประเทศไทยทั้งการไหว้, ความสวยงามของวัด, สถานที่ท่องเที่ยว, ประเพณีสงกรานต์เป็นต้นอะไรประมาณนี้ที่หนังกล้าทำและทำออกมาได้ดี, อีกอย่างที่หนังทำได้ดีแต่จีนทำไม่ได้ก็คือการพากย์ต้องน้อมรับเลยว่า พันธมิตร พากย์หนังออกมาได้ดูสนุกมากขึ้นจริงๆ ครับ...


ความยาวทั้งหมด 105 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger