DRAGON BALL Z: KAMI TO KAMI

DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS / ดราก้อนบอล แซด ตอน ศึกสงครามเทพ

ผู้จัดจำหน่าย : TOEI, UNITED HOME ENTERTAINMENT (ในไทย)

สตูดิโอผู้สร้าง : TOEI ANIMATION

ผู้กำกับ : โฮโซดะ มาซาฮิโระ (DRAGON BALL Z)

ประเภทของหนัง : ACTION | ANIMATION | COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง

อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง

“การได้ดู ดราก้อนบอล (อนิเม) ในโรงหนังเป็นลาภอันประเสริฐ ที่มีโอกาศต้องรีบคว้าไว้!!”

ที่ ญี่ปุ่น หนังได้ฉายถึงระบบ IMAX แต่ในไทยนี่ได้ฉายก็นับว่าเป็นบุญแล้วสำหรับ DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS หนังตอนพิเศษของดราก้อนบอลที่ได้ฉายในโรงตอนล่าสุดหลังจากทิ้งห่างไปถึง 17 ปี! นับจาก DRAGON BALL: THE PATH TO POWER (ดราก้อนบอล วิถีแห่งจ้าวยุทธภพ) ออกฉายเมื่อปี 1996 ที่ในฉบับนี้ BATTLE OF GODS ได้ อ. โทริยาม่า อากิระ มาเป็นคนช่วยพัฒนาเนื้อเรื่องด้วย โดยหนังจะเล่าตอนต่อในช่วงช่องว่างตอนต่อในตอนที่ 517 ถึง 518 ในฉบับมังงะหลังจากปราบ จอมมารบู ได้และรอยต่อหลังจากนั้นอีก 10 ปีให้หลังครับ โดยในหนังตอนนี้ได้ โฮโซดะ มาซาฮิโระ หนึ่งในผู้กำกับของฉบับซีรี่ย์มาเป็นคนกำกับภาคนี้ครับ!..

ใน DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS เสน่ห์ที่เป็นมนต์ขลังของความเป็นดราก้อนบอลยังอัดแน่นเต็มเปี่ยมครับ ซึ่งถามว่าไอ้มนต์ขลังของดราก้อนบอลคืออะไรคำตอบก็คือ ฉากแอ็คชั่นใหญ่โตอลังการงานสร้างที่ซัดให้โลกแตกไปก็ได้ค่อยใช้ ดราก้อนบอล ขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม พร้อมการดำเนินเรื่องที่สนุกดูง่ายและอัดแน่นไปด้วยมุขตลกปนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ รวมถึงลักษณะอันโดดเด่นของตัวละครที่แตกต่างแต่เคมีเข้ากัน ซึ่งนับเป็นเสน่ห์ที่ครองใจแฟนๆ ทุกรุ่นทุกวัยได้ และกับ DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS เสน่ห์เหล่านั้นยังคงมีครบครับ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นที่ใหญ่โตถึงขั้นไปตีกันนอกโลกแถมลุยไปถึงแกนโลก หนังตอบโจทย์สิ่งที่แฟนๆ รักได้ดีมาก

โดยใส่มาเป็นช่วงๆ ให้สนุกไปตลอดทาง แถมการดำเนินเรื่องในฉบับนี้ก็สนุกดูง่ายมากตลอดความยาวของหนัง แถมมุขตลกน่ะเหรออย่าให้บอก เรียกเสียงหัวเราะได้ตลอดเรื่อง แทบจะทุกสองถึงสามนาทีต้องมีมาอย่างน้อยมุขหนึ่งไม่เว้นแม้ตอนสู้กัน เรียกได้ว่า 85 นาทีที่หนังมีหนังทำเอาแฟนๆ ฟินกันไปข้างครับ แถมการที่ในฉบับมูฟวี่นี้เป็นออริจินอล สตอรี่ หรือ เนื้อเรื่องที่ทำออกมาเพื่อหนังโรงโดยอาศัยช่องว่างที่มังงะข้ามไปมาสร้างเป็นหนังที่เอาไว้ฉายในโรงภาพยนตร์การได้ดูในโรงหนังก็ถือเป็นความต่างที่ทำให้หนังสนุกมากขึ้นเป็นพิเศษ ได้รับรู้เรื่องราวที่ยังไม่รู้และมาสนุกกับหนังในโรงหนังที่หาไม่ได้ในบ้าน อีกทั้งตัวละครหลายๆ ตัวเราก็ไม่ต้องไปแนะนำหรือสนใจเพราะเรารู้จักกันอยู่แล้วอย่างแน่นอน เพราะงั้นไปสนที่ตัวหนังเลยดีกว่า

ดังนั้นถ้าจะมาบอกว่าหนังฉบับนี้มีข้อดีหรือข้อเสียอะไร ไม่ต้องหาหรอกครับไม่งั้นไม่สนุก แถมหนังก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ติเท่าไร ไหนจะงานด้านภาพหรือเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไหนจะดูดีขึ้นและภาพก็สวยขึ้น ไหนจะงานด้านเสียงที่ก็ทำได้ดีเหมือนกัน ไหนจะด้านคาแรคเตอร์ของตัวละครที่เฮฮาได้แม้ยามโลกกำลังจะถูกทำลาย โอ๊ย ฟิน เพราะอย่างนี้แหละมันถึงเรียกว่าเสน่ห์ คงไม่รู้จะไปติอะไรเหมือนกัน เพราะงั้นสวมจิตวิญญาณของการเป็นแฟนดราก้อนบอลไปดูหนังเลย แล้วคุณจะพบโลกใบใหม่ที่แตกต่างกว่าการนั่งดูอยู่ที่บ้านหรือหน้าคอมพิวเตอร์ ถึงมี โฮมเธียเตอร์ชั้นดีก็ไม่ตอบสนองอะไรได้ครับ เพราะงั้น DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS ต้องดูในโรงเท่านั้นครับ!!

อันนี้จะไม่เกี่ยวกับตัวหนังแล้วน่ะ แต่เกี่ยวกับ DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS จุดที่ชอบจากใจผู้เขียน จุดที่ชอบอย่างแรกในฉบับนี้ก็คือการที่ UNITED HOME ENTERTAINMENT เอาหนังเข้ามาฉายและเอาเข้ามาฉายแม้ผู้จัดจำหน่ายจะเปลี่ยนมือแต่ UHE ก็ยังเลือกทีมพากย์ DEX มาเป็นทีมพากย์เสียงของฉบับหนังนี้ ได้ยินเสียง พี่หนึ่ง, พี่จูน, น้านูญ, น้าไก, พี่อ๋อ, น้าเปียก, น้าตุ๊ก, พี่ศัน แล้วมันรู้สึกดีเป็นพิเศษได้ยินพี่ๆ น้าๆ มาพากย์และตบมุขกันเองในโรงหนังนี่เป็นอะไรที่ฟินเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย

อีกจุดที่ชอบคือในฉบับนี้ได้วง FLOW วงร็อคญี่ปุ่นที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษมาเป็นคนร้องเพลงประกอบให้ตอนพิเศษ BATTLE OF GODS นี้ทั้งเพลงตำนานที่ในต้นฉบับได้ป๋า ฮิโรโนบุ คาเงยามะ ร้องอย่าง CHA-LA-HEAD-CHA-LA ในแบบฉบับของ FLOW เอง หรือเพลง HERO ~SONG OF HERO~ ที่ทำขึ้นมาเพื่อฉบับ BATTLE OF GODS นี้ ขอบอกเลย ณ จุดนี้ฉบับนี้ ทำเอาผู้เขียนฟินโดยสมบูรณ์แบบสุดๆ (ปล. FLOW อยู่ในอันดับสองวงที่ชอบที่สุดในวงการอนิเมส่วนอันดับหนึ่งคือ PSYCHIC LOVER ส่วนอันดับสามคือ ทากาโยชิ ทานิโมโตะ เอ๊ะ! แล้วจะบอกให้คนอื่นรู้ทำไม?)

อย่างสุดท้ายปีนี้เป็นปีที่คออนิเมและคอหนังโทคุซัตสึในบ้านเราโชคดีเป็นพิเศษที่ได้ชมหนังที่ไม่ค่อยฉากในบ้านเราฉายแบบวงกว้างทั้ง ONE PIECE FILM: Z และกับเรื่องนี้ DRAGON BALL Z: BATTLE OF GODS รวมถึง EVANGELION: 3.0 YOU (CAN) NOT REDO ไหนจะ นารุโตะ, โคนัน, โดราเอมอน ที่ฉายกันจนเป็นปกติทุกปีอีก แม้แต่หนังโทคุซัตสึฉบับโรงยังได้ฉายบ้านเรา (แม้จะช้าไปนิด) ทั้ง OOO, DEN-O, ALL RIDERS: LET'S GO KAMEN RIDERS กับ KAMEN RIDER X SUPER SENTAI: SUPER HERO TAISEN ที่ได้ฉายในบ้านเรา นี่ยังไม่นับ อุลตร้าแมน เซโร่ กับ ตำรวจอวกาศเกียบันที่รอวันฉายอีกน่ะเนี่ย เป็นปีที่ คออนิเมและคอหนังโทคุฟินจริงๆ ขอบอก...