THE AMAZING SPIDER-MAN 2 / ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์แมน 2: ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า
ผู้จัดจำหน่าย : SONY PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : COLUMBIA PICTURES, MARVEL ENTERPRISE
ผู้กำกับ : มาร์ค เว็บบ์ ((500) DAYS OF SUMMER, THE AMAZING SPIDER-MAN)
ประเภทของหนัง : ACTION | CRIME | DRAMA
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ค่ำคืนความตายของ เกว็น สเตซี่ ฉบับ ตัวร้ายหลักมันคือตัวประกอบ!”
“นี่เป็นเรื่องราวชีวิตของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชีวิตพบเจอแต่หายนะแต่ยามใดก็ตามที่พบหายนะเขาก็มักจะพบเจอแสงสว่างอยู่เสมอ ถึงแม้จะร่วงหล่นไปสู่ความสิ้นหวังแต่เขาก็จะกลับมาผงาดได้เสมอ” นี่คือเรื่องราวของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือ สไปเดอร์แมน !! หลังจากรีบู๊ตเอาใจแฟนบอยได้ใจแฟนบอยไปเมื่อปี 2012 กลับมาหนนี้ใน THE AMAZING SPIDER-MAN 2 ที่หนนี้ขนวายร้ายมากระทืบสไปดี้ให้ตายคาจอถึงสามทั้ง ไรโน่, กรีนก็อบลิน และวายร้ายประจำตอน อีเล็คโตร !!
ตลอดการดูชักไม่แน่ใจแล้วว่าตัวร้ายประจำตอนคือ อีเล็คโตร หรือ แฮร์รี่ ออสบอร์น / กรีนก็อบลิน กันแน่เพราะไอ้เจ้า แฮร์รี่ นี่เด่นกว่าตัว อีเล็คโตร มากพอสมควร!, ผู้กำกับของหนังอย่าง มาร์ค เว็บบ์ และทีมเขียนบททั้ง อเล็กซ์ เคริทซ์แมน, โรแบร์โต้ ออร์ซี่ และ เจฟฟ์ พิงค์เนอร์ เลือกที่จะโยนฉากแอ็คชั่นเกือบทั้งหมดของหนังไปอยู่ในช่วงท้ายทั้งหมด ถ้าไม่นับที่เป็นน้ำจิ้มในตอนต้นเรื่องที่สู้กับ อเล็กเซ ซิทเซวิช ในช่วงที่ยังเป็นเพียงมาเฟียรัสเซีย ตอนก่อนที่จะเป็นได้เป็น ไรโน่ กับช่วงแนะนำ อีเล็คโตร ซึ่งก็คือฉากแอ็คชั่นกลางไทม์สแควร์ มาร์ค เว็บบ์ ทำไปเพื่ออะไร แน่นอนว่าก็เพื่อเป็นการปูบทสู่บทสรุปและความสัมพันธ์ที่สำคัญในช่วงท้าย!!
นักวิจารณ์จากต่างประเทศที่ไม่ได้ติดตามคอมิคส์ของสไปเดอร์แมนมาก่อนต่างคอมเมนท์สั้นๆ ว่า ไม่ต่างอะไรกับ แบทแมน ฉบับ โจเอล ชูมัคเกอร์ เพียงเพราะว่า ความมั่นใจที่ว่ายังไงเป็นนางเอกก็จะไม่ตาย อย่างที่บอกไปว่าใน THE AMAZING SPIDER-MAN 2 หนังใช้เวลาปูบทความสัมพันธ์เพื่อโมเมนท์อันยิ่งใหญ่และดราม่าในช่วงท้ายใช่ครับเราจะพูดถึงหนึ่งในหน้าฉากอันดราม่าของสไปเดอร์แมนนั่นก็คือ “ค่ำคืนความตายของ เกว็น สเตซี่” อย่างที่บอกหนังปูบทก็เพื่อช่วงสำคัญช่วงนี้เราจึงได้เห็นหนังที่ความจริงควรจะมี แมรี่ เจน วัตสัน (ไชลีน วู้ดลี่ย์) ปรากฏตัวกลับถูกตัดออกไปเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของ ปีเตอร์ และ เกว็น มันออกมาดราม่ามากพอ
ซึ่งตัวหนังเองถ้ามีสี่ส่วน ส่วนแรกยกให้ฉากแอ็คชั่น อีกส่วนยกให้พล็อตรองต่างๆ ความสัมพันธ์ของ ปีเตอร์ กับ แฮร์รี่ ออสบอร์น และกับอีกสองส่วนที่เหลือของหนังคือเรื่องของ เกว็น กับ พีท ที่หนังมีครบรสทั้งความสุขและก็ความเศร้า หนังผสมส่วนนี้ให้ออกมากลมกล่อมเป็นอย่างมาก ซึ่งพอถึงฉากที่ว่ามันก็ "บู้ม!" เงียบกริบทั้งโรงสำหรับคนที่ไม่เคยรับรู้เรื่อง ค่ำคืนความตายของ เกว็น สเตซี่ มาก่อน แต่บรรดากลุ่มแฟนบอยที่รับรู้มาอยู่แล้ว ที่ถึงแม้จะนั่งเงียบเหมือนกับคนดูคนอื่นๆ แต่ในใจแอบตะโกนว่า เออ นี่สิว่ะที่รอคอย แม้จะเสียดายเคมีของ เกว็น กับ ปีเตอร์ (หรือเคมีระหว่าง เอมม่า สโตน กับ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ มากกว่ากันแน่) ที่จะไม่ได้เห็นในภาคต่อๆ ไป แต่ก็เพื่อให้เธอคนนั้นได้เผยโฉม เธอคนนี้ก็ต้องจบชีวิตซะก่อน
ด้วยความที่ในภาคแรกหนังยังไม่ได้เฉลยว่าสรุปแล้ว ริชาร์ด กับ แมรี่ นั้นหายตัวไปเพราะอะไร คำตอบนี้เราจึงได้รู้สักทีในภาคนี้ ซึ่งก็ดราม่ามากกันพอสมควร หนังเองยังมีพล็อตรองๆ อีกมากมายโดยเกือบลืมไปว่าหนังมีชื่อว่า RISE OF ELECTRO ในต่างประเทศเพราะหนังไม่ได้เน้นที่ อีเล็คโตร เลย ถึงแม้ช่วงแรกๆ จะใช่ก็เถอะ เน้นไปที่คำว่า "ไร้ตัวตนอยากให้คนสนใจ" แต่กลับโดนรัศมีของ แฮร์รี่ ออสบอร์น ที่มาพร้อม "ปัญหาพ่อและลูก", "เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด", "ปัญหาในบริษัท", "พันธุกรรมที่พาให้ตายได้" กลายเป็นว่า อีเล็คโตร โดนกลบสนิทไม่เหลือแม้แต่น้อย แต่ก็อย่างว่าเขาจะปูบทไปสู่หนังแยก ซินนิสเตอร์ ซฺิกซ์ นี่น่ะ!
แต่ก็พูดได้เหมือนกันว่าพล็อตรองที่มากมายเกินไปก็ทำให้หนังเสียเวลามากไปพอสมควร, พูดถึงด้านฉากแอ็คชั่นอย่างที่บอกมันไปกองกันในช่วงท้ายหนังจึงจัดมาแบบ นอน-สต็อป มาก และก็ดูเยอะกว่า ภาคแรก พอสมควรเลยทีเดียว และก็ทำฉากแอ็คชั่นที่ออกมาได้ผลดีเป็นอย่างมาก โชว์ศักยภาพด้านเทคนิคของโซนี่ได้แบบเหนือชั้นมาก โชว์ลูกเล่นฉากแอ็คชั่นและมุมกล้องให้ออกมาได้น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากเลย ยิ่งหนังได้ ฮานส์ ซิมเมอร์ และ แม็กนิฟิเซนท์ ซิกซ์ มาทำสกอร์ให้อะไรหลายๆ อย่างมันเลยดูยิ่งใหญ่มาก!!
ด้านเทคนิค 3มิติ รู้สึกว่าไม่ได้ดูหนังที่มีฉากที่ทำ 3มิติ ออกมาได้ทั้งพุ่งและเล่นความลึกและทำออกมาได้ดูสวยมานานมาก ซึ่ง THE AMAZING SPIDER-MAN 2 เป็นหนังเรื่องนั้นที่ทำได้ และในหลายๆ ฉากเมื่อได้ปรากฏบนจอ IMAX อะไรหลายๆ อย่างจึงออกมาดู สุดติ่ง เป็นอย่างมาก
เรื่องการแสดงและเคมีของ เอมม่า สโตน กับ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ถ้าคุณชอบมาจากภาคแรกภาคนี้ทำได้เหมือนเดิมยังน่ารักเหมือนเดิม แต่ที่เด่นกลบคนอื่นหมดก็คือการแสดงของ ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ .. เอ้ย! เดน ดีฮาน คุณพี่เดนเล่นแบบพูดได้คำเดียวว่าเกิด!! แกเล่นได้ดีมากในบท แฮร์รี่ ออสบอร์น แบบเล่นให้ได้ทั้งคนดูรักและก็คนดูเกลียดได้ไปพร้อมกัน ถ้าดูจากภาคนี้อดใจรอภาคสามไม่ไหว เพราะ คงจะแซ่บมากกับเรื่องราวของ แฮร์รี่ กับ ปีเตอร์ ยิ่ง MJ มานี่จะแซ่บกว่านี้แน่นอน
หนังปูบทไปสู่ ซินนิสเตอร์ ซฺิกซ์ เรียบร้อย ถึงหนังจะไม่มี เอนด์เครดิต แต่ก็มีลูกเล่นสุดแสบที่ใช่แอพ Shazam เปิดในช่วงหนังจบให้ฟังเพลง It's On Again ของ อลิเชีย คียส์ พาไปสู่พิมพ์เขียวสมาชิกทีม ซินนิสเตอร์ ซฺิกซ์ อันได้แก่ กรีนก็อบลิน, ไรโน่, วัลเจอร์, ด็อคเตอร์ ออคโตปุส, คราเวน เดอะ ฮันเตอร์ และ มิสเตริโอ้ กะเอาอีพีทให้ตายแน่ นี่ยังไม่นับว่า คุณเลขาเฟลิเชีย (เฟลิซิตี้ โจนส์) คือ แบล็คแคท ศัตรูและรักของสไปดี้อีกน่ะ ไหนจะ เวน่อม อีก มันส์!!...
“แกบอกว่าสไปเดอร์แมนคือคนที่มอบความหวังแก่ผู้คน แต่แกทำเหมือนดับความหวังผู้คนมากกว่า พีท!!”
ความยาวทั้งหมด 142 นาที
คะแนน 9/10
มันส์มากๆ ภาคนี้ ถึงรายละเอียดจะเยอะ แต่น่าติดตามทั้งหมดเลย
ตอบลบปล. ซีนก่อนสไปดี้ฟัดกับไรโน่ด้วยฝาท่อ เล่นเอาผมน้ำตาคลอเลย ให้ 9/10 เช่นกัน
คาสิโนออนไลน์ สมัครสมาชิกใหม่วันนี้รับโบนัส 20% ทันที ฝากถอน 24 ชม. รวดเร็วทันใจไม่เกิน 10 นาที โดยทีมงานมืออาชีพประสบการณ์มากกว่า 5 ปี https://www.999player.com
ตอบลบ