วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

TED


TED / หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก

(01/09/2012) - 100 BATH


ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : FUZZY DOLL PRODUCTIONS, MEDIA RIGHTS CAPITAL
ผู้กำกับ : เซ็ธ แม็คฟาร์เลน (FAMILY GUY, AMERICAN DAD!)
ประเภทของหนัง : COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“หมีเกรียน Ted มันคือ Family Guy ฉบับภาพยนตร์!!”


FAMILY GUY หนังอนิเมชั่นซี่รี่ย์สุดฮาแบบเจ็บแสบเรื่องนึงที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นฤดูกาลที่ 10 แล้วในปัจจุบัน Family Guy เป็นงานอนิเมชั่นที่เล่าเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งในอเมริกา "ครอบครัวกริฟฟิน" ครอบครัวสุดอลหม่านแห่งอเมริกาที่ในครอบครัวต้องพบกับสารพันปัญหาที่เข้ามาในครอบครัว แต่ปัญหาทั้งหลายไม่ได้มาพร้อมกับดราม่า แต่มาพร้อมความฮาคอเมดี้สุดสัปดนแห่งยุคในเวลานี้ ซึ่ง Family Guy ตามมุมมองตามความจริงหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้คืองานที่บอกเล่าตัวตนของคนอเมริกาและยังเข้าถึงกับคนทั่วโลก เพราะความสัปดนอย่างมากของหนัง หากใครเคยดู Family Guy แล้วรับรองว่าจะต้องชอบและรักหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลากว่า 20 นาทีในแต่ละตอน มักจะมาด้วยความฮาแบบเข้าถึงคนดู ด้วยความเจ็บแสบกัดเจ็บ กัดชาวบ้านไปทั่ว โดยไม่แคร์ใคร ทำให้ Family Guy เป็นที่รักของคนดูมาเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีเข้าไปแล้ว ตอกย้ำด้วยความสำเร็จของ The Cleveland Show หนังอนิเมชั่นซีรี่ย์ภาคแยกของ Family Guy

ซึ่งชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Family Guy และ The Cleveland Show ก็คือชายธรรมดาๆ คนนึงที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า "เซ็ธ แม็คฟาร์เลน" ชายหนุ่มหน้าตาทะเล้นที่ทาเลนท์สูงมากๆ ที่มีความเข้าถึงคนอเมริกาและคนทั่วโลกได้อย่างเหนือชั้น ตอกย้ำด้วยความสำเร็จจากหนังอนิเมชั่นซี่รี่ย์อีกเรื่องอย่าง American Dad! หนังที่นำเสนอเรื่องราวของ สแตน สมิธ เจ้าหน้าที่ CIA ที่วันๆ ก็พบแต่เรื่องราวประหลาดๆ และปัญหาที่มาพร้อมกับความฮาเหมือน Family Guy นี่คือผลงานที่ควรดูทั้งหมดของชายธรรมดาที่มีชื่อ เซ็ธ แม็คฟาร์เลน จนมาในปี 2012 หนังเรื่องใหม่ของเซ็ธ ที่ไม่ได้เป็นงานอนิเมชั่นที่ฉายทางทีวีแต่เป็นงานที่ถูกทำออกมาเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ก็ปรากฏขึ้นหนังเรื่องนั้นคือหนังเรื่องแรกที่หมีน้อยนำแสดงนำ "TED"


TED ตามความตั้งใจเดิมคือถูกเขียนบทออกมาเพื่อที่จะทำออกมาเพื่อเป็นงานอนิเมชั่นทีวีซี่รี่ย์เหมือนอย่าง Family Guy และ American Dad! แต่ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆ อย่างที่เราก็ไม่ทราบได้ หนังได้ถูกแปลงบทจากงานทางทีวีมาเป็นงานภาพยนตร์ซะได้ ก็ตามนั้นเซ็ธได้มาดูแลงานหนังเรื่องนี้เหมือนที่ทำกับ Family Guy เขาปลุกปั้นจนสำเร็จและออกฉายในที่สุด เมื่อหนังเริ่มถ่ายทำหนังเรื่อง Ted ที่งานนี้ได้นักแสดงอย่าง มาร์ค วอห์ลเบิร์ก มาแสดงนำ และนอกจากนี้ยังได้สาวมิล่า คูนิส มาแสดงเป็นนางเอกของหนัง เสริมทัพด้วย โจเอล แม็คเฮล ดาราหนุ่มจากซิทคอมซี่รี่ย์สุดฮาอย่าง Community มาร่วมแสดง เอ๊ะหนังมันเกี่ยวกับตุ๊กตาหมีที่มีชีวิตอย่างงี้เชื่อว่าหลายคนคงคิดว่ามันเป็น CG อย่างแน่นอน ไม่ใช่นะครับงานนี้ Ted ของพวกเราใช้การถ่ายทำแบบ โมชั่นแคปเจอร์เหมือนกับ King Kong หรือ Rise of the Planet of the Apes นะครับงานนี้ อ้าวแล้วงานนี้ใครเป็นคนแสดงล่ะหนังคงไม่เอาแอนดี้ เซอร์คิส เจ้าพ่อโมแคปมาแสดงหรอกนะ งานนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ที่จะแสดงนอกจากเซ็ธ แม็คฟาร์เลน เอง ส่วนใครเป็นผู้กำกับนะเหรอก็เขาคนนั้นแหละ เซ็ธ แม็คฟาร์เลน กับการกำกับแบบหนังใหญ่เรื่องแรกใน Ted หมีไม่แอ๊บ แสบได้อีก

Ted คือเรื่องราวของเด็กน้อยนามว่า จอห์น เบนเน็ตต์ เด็กหนุ่มวัย 8 ขวบที่ไม่มีใครคบ จนวันคริสต์มาสจอห์นได้ของขวัญวันคริสต์มาสเป็นตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ แบร์ตัวนึง เขาได้ขอพรให้เจ้าหมีเท็ดดี้ตัวนี้มีชีวิต วันรุ่งขึ้นเจ้าหมีเท็ดตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ อะน่ะถ้าคนจะดังอะไรมันก็ฉุดไม่อยู่ เท็ดกลายเป็นดาราดังในชั่วพริบตา แต่ก็เหมือนวัถจักรชีวิตมีขึ้นมันก็ต้องมีลง จากดาราดังกลายเป็นหมีธรรมดา แต่ไม่ว่าจะยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป เวลาผ่านมา 27 ปี เท็ด และ จอห์นยังคงอยู่กับเท็ด แต่จอห์นได้คบหากับสาวที่ชื่อว่า ลอรี่ ที่พยายามช่วยทำให้จอห์นสามารถยึดหยัดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งเท็ด นั้นแหละจึงเป็นเรื่องราวความวุ่นวายของ "TED"


หมีเกรียน Ted มันคือ Family Guy ฉบับภาพยนตร์!! ความรู้สึกแรกเมื่อมุกแรกของหนังเปิดตัวในหนังเราก็จะรู้กันในทันที ณ เวลานั้นเลยว่างานนี้มันคือ Family Guy ฉบับภาพยนตร์ในทันที ซึ่งมุกแรกที่หนังเล่นแล้วให้ความเป็น Family Guy ในทันทีคือฉากที่จอห์นขอเขาไปเล่นด้วยกับกลุ่มเด็กที่กำลังแกล้งเด็ก แล้วบอกจอห์นว่าให้ไปไกลๆ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเด็กที่โดนรุมอยู่ก็ยังพูดแบบเดียวกัน นี่คือมุกที่ใน Family Guy มักเล่นอยู่บ่อยๆ เป็นประจำ ซึ่งหลังจากที่ปล่อยมุกแรกออกมาแล้วมุกที่เหลือเราก็แทบจะรู้ต่อไปเลยว่าหนังมันจะฮาสัปดนแบบเจ็บแสบไล่กัดชาวบ้านเขาไปทั้วแต่หนังจะแฝงสาระไว้และจะได้สาระแบบไม่รู้ตัว ซึ่งมุกฮาสปดนที่ปล่อยมาก็ให้เป็นหน้าที่ของหนังเลยที่จะทำให้เราสนุกไปตลอดเวลาที่ดู ซึ่งตลอดเวลาในการดู หนังจะมีอารมณ์ของ Family Guy ตลบอบอวลอยู่ตลอดเวลาเลย ซึ่งจริงๆ แล้วอยากให้ลองหา Family Guy มาดูซักหน่อยซัก 1-3 ตอน ซี่ซั่นไหนก็ได้เพื่อให้เข้าใจต่อตัวรูปแบบการนำเสนอ และการดำเนินเรื่องก่อน เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้รูปแบบของมุกต่างๆ ที่หนังปล่อยออกมา และเพื่อวัดว่าหนังสัปดนประเภทอย่างนี้มันเข้ากับความชอบหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่เบือนหน้านี้ในการดูหนัง

ยกตัวอย่างเช่นมุกที่เท็ดด่าหัวหน้างาน แล้วได้เลื่อนขั้น หรือ ตอนที่จอห์นขึ้นไปร้องเพลง แล้วเท็ดบอกว่าเสียงก็ยังดีกว่า เคที่ เพอร์รี่ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจชอบ หรือบางคนจะไม่ชอยทางที่ดีควรหา Family Guy มาดูก่อนซักนิดครับ ซึ่งตรงนี้เนี่ยเป็นจุดขายหลักตลอดหลายๆ ปีที่ผ่านมาของ Family Guy ซึ่งก็นอกจากจะมุกสัปดนแล้วยังกัดชาวบ้านได้เจ็บแสบและเมามันส์อย่างสุดๆ เพราะอย่างนี้จึงต้องขอบอกสั่นๆ ง่ายๆ ว่า Ted เนี่ยแหละเป็น Family Guy ฉบับภาพยนตร์แต่ก็จะดีกว่าถ้า Family Guy มีฉบับภาพยนตร์ของตัวเองซักทีนึง ส่วนการดำเนินเรื่องอย่างแน่นอนเราจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะมาพร้อมมุกฮาสัปดนทะลึ่งตึงตังแบบเมามันส์เป็นตัวดำเนินเรื่แง แล้วแต่ใครจะบอกว่ายังไง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อมุกสัปดันเนี่ยทำให้เราลืมการดำเนินเรื่องหรือช่องโหว่ในบทไปเลย แม้การพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครในหนังมันจะดูแปลกๆ ไปหน่อยก็ตามที แต่กลายเป็นว่าหนังกลับทำให้มีประเด็นที่น่าใจอยู่นั้นคือ


ประเด็นที่ Ted เอามานำเสนอก็คือเรื่องราวของ Coming of Age หรือก็คือการก้าวผ่านพ้นวัย ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับเรทที่หนังจัดไว้นั้นคือ เรท R ส่วนบ้านเราก็ 18+ ซึ่งหนังก็ดูแล้วเป็นการเจาะกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ซึ่งคำว่า Coming of Age หรือการก้าวผ่านวัย มันคือเรื่องของตัวละครอย่าง จอห์น เบนเน็ตต์ หรือ ก็คือตัวละครของ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ที่ในหนังตะละครของจอห์นยังคงยึดติดกับสิ่งต่างๆ ที่โตมาสมัยเป็นเด็ก ซึ่งนั้นก็คือเท็ดนั้นเอง หรือการดูหนังซี่รี่ย์อย่าง Flash Gordon ด้วย ซึ่งเรื่องราวการยึดติดกับสิ่งต่างๆ ที่โตมาพร้อมกันหรือรักมากในสมัยเด็ก ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใดเชื่อเถอะครับว่าเด็กทุกคนที่โตมา (โดยส่วนมากจะเป็นเด็กผู้ชาย) ก็ยังคงมีสิ่งที่ยึดติดอยู่เหมือนกันมัน หากจะทิ้งไปก็ทำไม่ได้ แต่คำว่า Coming of Age เนี่ยตรงๆ มันคือการตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตว่าจะเดินทางไปในทางไหนซึ่งใน Ted มันก็ตรงกับตัวละครของจอห์น ที่จะต้องเลือกเส้นทางเดินชีวิตต่อไป ซึ่งจอห์นต้องเลือกว่าจะอยู่ต่อไปกับเท็ด หรือ เลือกที่จะเลือกเส้นทางครอบครัวกับลอรี่ ซึ่งหนังก็สามารถที่จะเลือกเส้นทาง หาทางออกที่ให้แก่หนังได้ ซึ่งการหาทางออกตรงนี้จะเป็นคำตอบของคำว่า Coming of Age ได้ดีครับ นอกจากนี้ Ted ยังเหมือนเป็นการตีแผ่สังคมไปในตัวอีกด้วย เมื่อตัวละคร 2 พ่อลูก ที่ตั้งใจมาขโมยเท็ด นั่นแสดงให้เห็นถึงการเลี้ยงดูของครอบครัวอีกด้วย ดูจากการกระทำของเด็กที่มีต่อเท็ด อย่างเช่นฉีกหูเท็ดเป็นต้น ถึงแม้ในอนาคตต่อมาเจ้าเด็กคนนี้จะโตมาเป็น..........!! ก็ตามเถอะ

ไม่น่าเชื่อว่าหนังเรื่องนี้นอกจากจะมีมุกที่ช่วยขับเคลื่อนหนังแล้วยังมีเคมีที่เข้ากันระหว่างมาร์ค วอห์ลเบิร์ก กับ เท็ด ที่แสดงโดย เซ็ธ แม็คฟาร์เลน ทั้งๆ ที่ในตอนแสดงหนัง เซ็ธ แทบจะไม่ได้เข้าฉากด้วยกันเลย คอยแต่ให้เสียงเท่านั้นตอนถ่ายทำก่อนที่จะไปทำโมแคปตอนนั่งกำกับอีกทีหรือทำท่าเพื่อบันทึกในห้องทำโมแคปอีกที แต่ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเมื่อภาพที่ปรากฏบนจอหนัง การแสดงจะออกมาได้เข้ากันเหลือกันมีเคมีที่ลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็พอๆ กันกับเคมีของ มาร์ค กับ มิลา คูนิส ที่เคมีเข้ากันเหมือนกัน แต่อาจจะเทียบไม่ได้กับเคมีระหว่าง มาร์ค กับ เซ็ธ ก็ตาม แต่เธอก็เป็นส่วนนึงที่ช่วยยกระดับการแสดงและความสัมพันธ์ของที่มันดูแปลกๆ ระหว่าง จอห์น และ เท็ด ในหนังนั้นแหละ อีกหนึ่งนักแสดงที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ตาเจฟฟ์ วิงเกอร์ เอ๊ย!! โจเอล แม็คเฮล ดาราหนุ่มจากซีรี่ย์สุดฮาอย่าง Community ที่บทในหนังอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไรเมื่อเทียบกับตัวมาร์ค วอห์ลเบิร์ก หรือ มิลา คูนิส แต่การปรากฏตัวของตัวละครตัวนี้ซึ่งเป็นหัวหน้างานของลอรี่ กลับสามารถที่จะสร้างความจดจำได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมมุกยังฮาอย่างมาก ซึ่งตรงนี้ขอบอกว่า โจเอล เล่นได้ดีมากๆ ไม่เหมือนใน Community ที่เน้นหล่อตลอดเวลา



ในหนังประเภทมุกตลกฮาหงายเงิบพวกนี้จุดเด่นนอกจากจะอยู่ที่มุกตลกแล้ว อีกอย่างที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นเหมือนกันก็คือ การมีนักแสดงรับเชิญมาปรากฏตัวในหนังเหมือนเช่นเอาแบบที่เพิ่งเข้าฉายไปไม่ไกลเท่าไรก็อย่าง The Dictator ที่ได้สาวเมแกน ฟ็อกซ์ หรือ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน มาแจมในหนังแบบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งบางครั้งก็ปรากฏตัวมาแบบเซอร์ไพรซ์คนดู แล้วใน Ted ก็มีเหมือนกันกับดารารับเชิญที่มาเป็นดารารับเชิญจริงๆ หรือมาเป็น Cameo แบบไม่ต้องพูดก็มี อย่างเช่น แซม เจ. โจนส์ หรือพระเอกหนัง แฟลช กอร์ดอน หนังซี่รี่ย์ที่เท็ดและจอห์นชอบมากๆ ที่อันนี้มาเป็นดารารับเชิญแบบมีบทพูด หรือย่างนักร้องสาว นอราห์ โจนส์ ที่มาเป็นดารารับเชิญเหมือนกัน แต่สำหรับดารารับเชิญที่มาโผล่แบบเซอร์ไพรซ์และเซอร์ไพรซ์คนดูมากๆ ก็คงไม้พ้น ไรอัน เรย์โนลด์ ดาราหนุ่มหล่อที่โผล่มาแบบไร้บทพูด ในบทของจาเร็ด แต่กลับทำให้จดจำได้ดีพอๆ กับบทสรุปตอนท้ายของหนัง เพราะเรย์โนลด์ มาแสดงในบท @#@%@#!%#%^&%#$!! ก็ตาม

การกำกับหนังของเซ็ธ แม็คฟาร์เลน ถ้าจะให้เปรียบก็คือเหมือนกับ Family Guy นั้นแหละครับ อาจจะไม่ได้มีมุมกล้องแปลกใหม่เท่าไรเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ แต่การกำกับของเซ็ธ มาในรูปแบบที่คงเส้นคงวาตั้งแต่ต้นยันจบ และสามารถควบตำแหน่งคนเขียนบทของหนังไปได้อย่างดี พร้อมกับรับบทเป็นเท็ดได้อย่างเนียนๆ ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงความสามารถของเซ็ธอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นถือว่าเซ็ธสอบผ่านในการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกพร้อมกับแสดงไปด้วยในการถ่ายทำ เพราะต้องควบสองตำแหน่งพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้เข้าไปแสดงในหนังด้วย ต้องคอยดูตัวไปว่าในหนังภาคต่อของ Ted อย่าง Ted 2 หรือจะในชื่ออะไรก็ตาม เซ็ธ จะยังคงเส้นคงวาต่อไปหรือไม่ แต่ใน Ted เซ็ธ สอบผ่านได้แบบคะแนนเต็ม

สรุป
“TED หมีเกรียนตัวนี้ เป็นหนังเรท R สุดฮาและสัปดนที่สุดเรื่องนึงในปีนี้ ส่วนอีกเรื่องคือ "ท่านผู้นำจอมเผด็จเกรียน" ที่นอกจากจะไม่ได้ฮาอย่างเดียว แต่ยังมีสาระอยู่ในหนัง เหมือนกับ Family Guy และนอกจากหนังจะมีดีอยู่ที่มุกฮาๆ แล้วยังมีการแสดงแบบเข้าขาของ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก และ เซ็ธ แม็คฟาร์เลน ที่ต้องชบเซ็ธ อีกด้วยเพราะเขานั่งตำแหน่งผู้กำกับด้วย เมื่อดูจบเรายกให้เป็นหนังดี 1 ใน 10 อีกเรื่องของปีในทันทีเลย”


ความยาวทั้งหมด 106 นาที
คะแนน 9/10
------------------------------------------------------------------
ใครที่ชอบอัพเดทข่าวสารวงการหนังขออนุญาติฝากแฟนเพจ KURENAI MOVIE ไว้ด้วยนะครับ มาอัพเดทข่าวสาร หรือ พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ แบบมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง อัพเดทแบบไม่ให้ตกข่าวกันเลยครับ อย่าลืมมากด Like กันนะครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger