วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

G.I. JOE: RETALIATION


G.I. JOE: RETALIATION / จี.ไอ.โจ สงครามระห่ำแค้นคอบร้าทมิฬ


ผู้จัดจำหน่าย : PARAMOUNT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : METRO-GOLDWYN-MAYER, SKYDANCE PRODUCTIONS, HASBRO, DI BONAVENTURA PICTURES
ผู้กำกับ : จอน เอ็ม ชู (STEP UP 2: THE STREETS, STEP UP 3D)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“แอ็คชั่นทางกายภาพของภาคนี้เหนือกว่าแอ็คชั่นที่เป็น CG ของภาคที่แล้ว!, มันส์!!”


G.I. JOE: THE RISE OF COBRA เมื่อปี 2009 ฮิตไปพอประมาณด้วยการทำเงินไปกว่า 300 ล้านดอลล่าห์ พาราเมาท์จึงสั้งอนุมัติโครงการภาคสองในชื่อ G.I. JOE: COBRA STRIKES โดยได้ จอน เอ็ม ชู ผู้กำกับหนังเต้นอย่าง Step Up: Street Dance, Step Up 3D มาเป็นผู้กำกับก่อนที่ในภายหลังจะเปลี่ยนชื่อหนังมาเป็น "G.I. JOE: RETALIATION" พร้อมได้ แชนนิ่ง เททั่ม กลับมารับบท ดุ๊ก ฮาวเซอร์, เรย์ พาร์ค กลับมารับบท สเนคอาย และ ลี-บยอง ฮุน กลับมารับบทเป็น สตอร์มแชโดว์ พร้อมกับยังได้ ดเวยนด์ "เดอะ ร็อค" จอห์นสัน มาเสริมทีมในบท โร้ดบล็อค, เอเดรียน พาลิคกี้ ในบท เลดี้เจน และยังได้ คนอึด บรูซ วิลลิส มารับบท นายพลโจ โคลตั้น ผู้ก่อตั้งหน่วย G.I. Joe แต่ก็น่ะหนังวางกำหนดฉายไว้ซัมเมอร์ 2012 หนังก็มีเหตุต้องเลื่อนฉายเพราะไปดัดแปลงเป็น 3มิติ และปล่อยให้รอกันอีกหลายเดือน และตอนนี้ในที่สุดหนังก็กลับมาและสิ้นสุดการรอคอยซักที

มันดีกว่าภาคแรกและดีกว่าเยอะด้วย! ความรู้สึกแรกเมื่อดูจบ เพราะไม่ว่าจะส่วนไหนของเรื่องหนังก็ทำออกมาได้ดีกว่าภาคแรกหมดเลย ซึ่งจะเอาภาคนี้ไม่ไปเปรียบเทียบกับภาคก่อนคงไม่ได้ เพราะ ไม่ว่าจะส่วนเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง หนังทำออกมาดีมาก มีเนื้อหาที่จับต้องได้ คือรู้ว่าหนังมีเนื้อหาแบบนี้น่ะ จะทำอย่างนั้นน่ะ คือมันดูมีน้ำหนัก ที่ไม่เหมือนภาคที่แล้วที่ตัวละครทำอะไรลอยๆ ธรรมดา ง่ายๆ ยิ่งเมื่อมีเนื้อเรื่องที่ดี ผลต่อมาก็คือ การดำเนินเรื่องของที่สนุก และมีความลื่นไหล และรวดเร็วเข้ากับยุคสมัย คือหนังคิดเร็วทำเร็ว ขนาดการแนะนำตัวละครใหม่และตัวละครเก่าทุกตัวในเรื่องยังกินเวลาไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ ซึ่งภาคนี้ถึงหนังจะยาวแค่ 110 นาที แต่หนังทำออกมาได้ดีมาก แต่ส่วนเนื้อเรื่อง หรือ การดำเนินเรื่อง บางทีหลายคนก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ฉากแอ็คชั่น!!


ซึ่งฉากแอ็คชั่นในภาคนี้ต้องบอกเลยว่าหนังไม่ค่อยเน้นใช้ CG มากเหมือนภาคที่แล้ว แต่เน้นไปที่การใช้ อาวุธจำพวก ปืน ดาบ หรือนักหน่อยก็พวก ปืนใหญ่ รถถึง แต่ที่หนังใช้เป็นจุดหลักคงเป็นการใช้แอ็คชั่นทางกายภาคของคนที่ทำให้มันดูสมจริง ทั้ง หมัด การต่อย ฯลฯ ที่ทำให้หนังออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นที่ดูสมจริง และเหนือกว่าภาคแรกเพราะมันไม่ได้หลอกตา (แม้ CG ภาคแรกจะดีก็เถอะแต่มันดูแปลกๆ) มันดูเป็นอะไรที่สมจริง ดูเจ็บจริง โหดจริง เหมือนดูการต่อสู้ของคนมากกว่า ซึ่งอย่างเช่นฉากกลางเรื่องที่ สตอร์มแชโดว์ ปะทะกับ สเนคอายส์ที่ภูเขาหิมะ ฉากนั้นเป็นฉากที่ดูสนุกที่สุด มันดูสมจริงมาก แม้เกือบครึ่งจะเป็น CG แต่มันก็เป็น CG ผสมกับความเรียลที่ทำออกมาได้สมจริง และทำให้นั้นถือเป็นฉากที่พีคที่สนุกที่สุดของหนังครับ

ด้านตัวละครหนังก็ทำออกมาได้มีมิติเป็นอย่างมากตัวละครหลายตัวมีสิ่งที่ค้างคาในอดีต และหนังก็หยิบยกเรื่องราวจากภาคที่แล้วมาขยายความและคลายปมเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งนั้นส่งผลต่อบทสรุปตอนท้ายที่บางทีอาจจะส่งผลถึงภาคหน้าเลยก็เป็นได้ครับ นอกจากนี้เจ้าของปมเรื่องราวอย่าง สตอร์มแชโดว์เองก็ช่างโดดเด่นเกินหน้าเกินตาหน่วย G.I. Joe และทางสมาชิกทีม COBRA ด้วย ส่วนตัวละครอื่นๆ อย่าง โร้ดบล็อค ก็โดดเด่น เลดี้เจน ก็สวยเซ็กซี่โดดเด่น แต่ที่โดดเด่นขโมยซีนเลยคือ บรูซ วิลลิส ในบทนายพลโจ อาจจะโผล่ไม่มากแต่ก็เอาอยู่แสดงความเก๋าของผู้ก่อตั้งหน่วยนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งส่วนนี้ต้องยกความดีความชอบให้แก่ จอน เอ็ม ชู ผู้กำกับของหนัง


ที่ยกระดับฉากแอ็คชั่น บทและเรื่องราวในหนังให้หนีจากงานเด็กเล่นในภาคที่แล้วออกมาได้ และสิ่งที่สำคัญอย่างเห็นได้ชัดที่ ชู ใส่ลงมาคงไม่พ้นมุกตลกที่เล่นปล่อยออกมาได้ตลอดซึ่งช่วยผ่อนคลายเนื้อเรื่อง ไม่ว่าจากฝั่ง โจ เองหรือทาง คอบร้า นั้นเป็นส่วนดีมากๆ ที่ขาดหายไปจากภาคแรก (ภาคแรกก็มีมุกตลกเยอะแต่ไม่โดนเท่าภาคนี้) และอีกส่วนที่เป็นขอถกเถียงคือ 3มิติ ที่ทำให้หนังเลื่อนฉาย ก่อนหน้านี้มี Jack the Giant Slayer ที่เลื่อนฉายเพื่อไปทำเป็น 3มิติ ผลที่ธรรมดามาก แต่สำหรับ G.I. Joe: Retaliation ผลจากการไปดัดแปลงฟิลม์เป็น 3มิติ ผลที่ได้คือ 3มิติมีความลึก มีความนูน อย่างเห็นได้ชัด ฉากแอ็คชั่น 3มิติก็ช่วยยกระดับให้มีอารมณ์ร่วมมากขึ้น ซึ่งงานนี้ประสบความสำเร็จกับ 3มิติจริงๆ ครับ ดังนั้นสรุปง่ายๆ ภาคนี้ “ดีกว่าภาคที่แล้ว” และ “สนุกกว่าภาคที่แล้ว” และ “เนื้อเรื่องก็ดีกว่าภาคที่แล้ว” และที่สำคัญ “มันส์โคตรๆ”


ความยาวทั้งหมด 110 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger