วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ENDER'S GAME


ENDER'S GAME / เอนเดอร์เกม สงครามพลิกจักรวาล


ผู้จัดจำหน่าย : SUMMIT ENTERTAINMENT
สตูดิโอผู้สร้าง : ODDLOT ENTERTAINMENT, K/O PAPER PRODUCTION
ผู้กำกับ : กาวิน ฮู้ด (X-MEN ORIGINS: WOLVERINE)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ไซไฟเยาวชนสู้สงครามที่ดำเนินสนุกมาก และ อซา บัตเตอร์ฟิลด์ เล่นดีมากในบทนำ”



ENDER'S GAME (นิยายในไทยยุคแรกใช้ชื่อว่า เกมพลิกโลก) ของ ออร์สัน สก็อตต์ การ์ด ถูกนิยามให้เป็นนิยายที่ถูกสร้างเป็นหนังยากที่สุดแห่งยุค เห็นได้จากโปรเจ็คต์ตายกับหลายค่ายจนกว่าจะเกิดได้จริงๆ ก็ปีนี้นี่แหละ โดยได้ กาวิน ฮู้ด (X-MEN ORIGINS: WOLVERINE) มาทำหน้าที่ผู้กำกับและเขียนบทในโปรเจ็คต์นี้ โดยมี อซา บัตเตอร์ฟิลด์ มารับบท แอนดรูว์ "เอนเดอร์" วิกกิน ตัวนำของเรื่อง!!, จุดผิดพลาดเพียงจุดเดียวในการโปรโมทหนังก็คือการโปรโมท เซอร์ เบน คิงส์ลี่ย์ มากเกินไปเพราะหากคนไม่อ่านหนังสือมาก่อนจะเซอร์ไพรซ์มากตอน เมเซอร์ เรคแคม ปรากฏตัว! แต่เออช่างมันเหอะอย่าสนใจและใส่ใจอะไรกับมันมากนักก็ได้!!...

จะว่าไป ENDER'S GAME จะเรียกว่าเป็นหนังไซไฟก้าวพ้นวัยก็เป็นได้เพราะหนังจะเล่าเรื่องโดยมี เอนเดอร์ เป็นจุดศูนย์กลาง หนังทำให้เห็นถึงการเติบโตของตัวเอนเดอร์ไม่ว่าจะมุมมองของการเป็นผู้บังคับบัญชาหรือการเป็นเด็กที่โตเป็นผู้ใหญ่หนังทำได้น่าสนใจมาก หนังพาตัวเอนเดอร์ไปเจอเรื่องราวหลายรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตแม้จะลุ้นระทึกไปหน่อยว่าเอนเดอร์มันจะไปรอดหรือไม่ หนังพาเอนเดอร์ไปเจอกับกลุ่มคนหลายรูปแบบทั้งคนที่เห็นใจและรักตัวเอนเดอร์ทั้ง วาเลนไทน์, เพทรา, เกว็น หรือแม้แต่พวกที่เกลียดเอนเดอร์ทั้งหลายอย่าง บอนโซ หรือแม้แต่พี่ชายเอนเดอร์ ไหนจะความคาดหวังของบรรดาครูฝึกทั้งหลายอีก


ไหนจะตัวเอนเดอร์เองที่เป็นคนแปลกแยกเพราะความที่เป็นลูกคนที่สามในโลกอนาคตที่ให้มีลูกคนแค่สองคน การสำรวจจิตใจและพาเอนเดอร์ไปเจอเรื่องราวต่างๆ ถือเป็นความน่าสนใจและเป็นส่วนที่หนังทำได้ดีมาก อาจจะตินิดหน่อยก็ตรงที่หนังน่าจะขยี้จิตใจเอนเดอร์ให้มากกว่านี้หน่อยให้ช่วงท้ายดราม่ากว่านี้หน่อยรับรองหนังจะดีขึ้นมากกว่าที่ดีอยู่แล้วแน่นอน ด้านการดำเนินเรื่องขอออกตัวเลยว่า ENDER'S GAME เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องสนุกมากสนุกจนลืมเวลาไปเลยว่าหนังมันยาวเท่าไร เรียกได้ว่าสนุกกันจนลืมเวลาไปด้วยซ้ำครับ หนังทำให้เราสนุกกับมัน และก็เอนจอยกับมันและเป็นแค่มากกว่าหนังบันเทิงฆ่าเวลา!

หนังมีประเด็นให้จับต้องและวิพากย์วิจารณ์สังคมเด่นชัดเลยก็คือการใช้ความรุนแรงในเด็ก (กราฟฟ์เห็นเอนเดอร์และเด็กทั้งหมดเป็นแค่เครื่องมือในการเอาชนะสงครามเท่านั้น) ที่ทำให้เห็นเด่นชัดจริงๆ ยิ่งในช่วงท้ายที่ทุกอย่างเฉลยก็ยิ่งเข้าใจเลยว่าเด็กทั้งหลายโดยเฉพาะเอนเดอร์เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น ส่วนจะคิดตามหรือคิดต่อก็ขึ้นอยู่กับคนดูแล้ว, อย่างที่บอกหนังดำเนินเรื่องได้สนุก นอกจากจะดำเนินเรื่องสนุกแล้ว การดำเนินเรื่องก็รวดเร็ว มีช่วงเบาอยู่บ้าง แต่พอจะจริงจังก็จัดได้ว่าจริงจังกันแบบหนักๆ เรียกได้ว่าตลอด 114 นาทีของหนังที่เป็นรันไทม์ของหนัง หนังเอาอยู่กับสิ่งที่หนังมี และเป็นหนังไซไฟที่มีเนื้อหาที่ดี จนขอยกให้เป็นหนังไซไฟที่ดีอันดับสองของปีรองจาก STAR TREK INTO DARKNESS เลย!


แต่หนังจะอินและสุดยอดกว่านี้หากหนังมีความยาวขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อยและขยี้จิตใจเอนเดอร์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่สักหน่อย จะส่งให้ช่วงท้ายเกิดอิมแพ็คมากกว่านี้ เพราะในช่วงท้ายก็ทำดี แต่ถ้าดีกว่านี้คงจะสุดยอดไปเลย แม้ถึงช่วงท้ายมีหักมุมแบบเดาทางได้ก็เถอะ (ไม่รู้ว่าชั่วโมงบินในการดูหนังสูงหรือยังไงก็ไม่ทราบได้) สำหรับ ENDER'S GAME ความรู้สึกในตอนนี้คืออยากติดตามชีวิตของเจ้าหนู เอนเดอร์ ต่อครับจะใน ENDER IN EXILE ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2008 หรือ SPEAKER FOR THE DEAD (วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ) ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1986 ก็ได้ แต่ก่อนจะไปตรงนั้นคงต้องลุ้นการทำเงินของหนังก่อนเป็นอันดับแรก

ตามความรู้สึก ENDER'S GAME ถ้าชอบก็คือชอบจริงจังเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็จะเฉยๆ หรืออาจจะเกลียดไปเลย แต่สำหรับผู้เขียน ENDER'S GAME เป็นหนังที่ดีและก็สนุกมาก, อซา บัตเตอร์ฟิลด์ จาก HUGO ตีบทแตกกระจุยกระจายในบท เอนเดอร์ เล่นดีจนกลบรัศมีนักแสดงคนอื่นๆ ที่มีดีกรีชิงออสการ์หรือเคยได้มาแล้วทั้ง แฮร์ริสัน ฟอร์ด, ไวโอล่า เดวิส, ไฮลี่ สไตน์เฟลด์, อบิเกล เบรสลิน หรือแม้แต่ เซอร์ เบน คิงส์ลี่ย์ รวมถึง นอนโซ่ อโนซี่ ทั้งหมดที่กล่าวมาโดน อซา บัตเตอร์ฟิลด์ กลบรัศมีหมด เล่นดีและเด่นจนลืมไปว่าเจ้าหนูอาซามันเป็นเด็กที่อายุเพียงแค่ 16 ปี!! เรียกได้ว่ากับหนังเรื่องนี้ อซา บัตเตอร์ฟิลด์ แจ้งเกิดโดยสมบูรณ์ครับ


ด้านของ วิชวลเอฟเฟกต์ ต้องยอมรับเลยว่าหนังทำได้ดีมากโดยเฉพาะฉากในห้องกลยุทธ์ทำได้ดีมากถึงมากที่สุด ไหนจะด้านโปรดัคชั่นหนังก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่ที่ทำได้ดีมากก็คือฉากสงครามในช่วงท้ายทำแบบอลังการงานสร้างมาก เรียกได้ว่า 110 ล้านที่ลงทุนไปได้ผลที่ดี แต่ที่ชอบที่สุดคือด้านสกอร์ของ สตีฟ จาบลอนสกี้ ทำได้ดีมากและเข้ากับตัวหนังเป็นอย่างมากครับ ช่วยยกระดับหนังได้ดีมาก เรียกได้ว่าถ้าได้ดูแบบ IMAX คงจะดีมิใช่น้อย (แต่เสียดายบ้านเราไม่มี) ด้าน กาวิน ฮู้ด ก็บอกว่าทำหน้าที่ทั้งสองตำแหน่งได้ดี ซึ่งถ้าไปเทียบกับงานก่อนหน้าอย่าง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE ก็ต้องบอกเลยว่า ENDER'S GAME ดีกว่าพอประมาณครับ...


ความยาวทั้งหมด 114 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger