วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

JACK THE GIANT SLAYER


JACK THE GIANT SLAYER / แจ็คผู้สยบยักษ์


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : NEW LINE CINEMA, LEGENDARY PICTURES, ORIGINAL FILM
ผู้กำกับ : ไบรอัน ซิงเกอร์ (X-MEN, SUPERMAN RETURNS)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | FANTASY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“เรื่องราวนิทาน แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ บทใหม่ที่แตกต่าง, 
ภาพยนตร์เอพิคผจญภัยที่สนุกสมการรอคอย!!”


JACK THE GIANT KILLER (แจ็คผู้ฆ่ายักษ์) หรือ JACK AND THE BEANSTALK (แจ็คกับต้นถั่ววิเศษ) คือเรื่องราวของนิทานพื้นบ้านที่มีชื่อเดียวกัน, เรื่องราวของ “แจ็ค เด็กหนุ่มชาวไร่ที่เอาวัวของที่บ้านไปขายและได้ถั่ววิเศษมาและทำให้แม่ไม่พอใจและขว้างถั่วออกไปและทำให้เกิดเป็นต้นถั่วขนาดยักษ์ด้วยความสงสัยแจ็คได้ปีนขึ้นไปบนต้นถั่วและนั่นเองทำให้แจ็คได้พบกับดินแดนมหัศจรรย์ที่เป็นที่อยู่ของยักษ์และแจ็คได้ขโมยไก่ที่ออกไข่เป็นทองคำของยักษ์ออกมาและทำให้ยักษ์ไม่พอใจแต่แจ็คได้ตัดต้นถั่วทิ้งยักษ์ตกมาตายและทำให้ชีวิตของแจ็คและแม่อยู่กันอย่างมีความสุข” นี่คือเรื่องราวย่อๆ พอสังเขบของ แจ็คผู้ฆ่ายักษ์! แต่ที่เราจะว่ากันในคราวนี้คือตำนานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ แต่เป็น JACK THE GIANT SLAYER หรือ แจ็คผู้สยบยักษ์ หนังผจญภัยเอพิคฟอร์มยักษ์ผลงานการกำกับของ ไบรอัน ซิงเกอร์ แห่ง X-MEN ที่ได้ลูกรักคนล่าสุด นิโคลาส โฮลท์ ที่เพิ่งจะแจ้งเกิดกับ WARM BODIES มารับบทแจ็คพระเอกของเรื่อง!!

โดยเนื้อหาของ JACK THE GIANT SLAYER จะแตกต่างกว่าต้นฉบับที่เป็นนิทานอยู่หน่อยคือ “แจ็คเด็กหนุ่มชาวไร่ผู้รักการผจญภัยบังเอิญได้เม็ดถั่วจากพระองค์หนึ่งซึ่งในคืนหลังจากที่ได้รับถั่ว เจ้าหญิงอิซาเบลล์ ผู้รักการผจญภัยหลงทางและได้เข้ามาหลบฝนในบ้านของแจ็ค แต่ถั่วดันโดนน้ำและงอกเป็นต้นถั่วยักษ์และได้หอบบ้านที่อิซาเบลล์อยู่ขึ้นไปด้วยทำให้แจ็คต้องอาสาขอไปพาเจ้าหญิงกลับมาแต่กลายอาสาในครั้งนี้ทำให้แจ็คต้องเจอกับตำนานที่กลายเป็นจริง!!” นี่คือเนื้อหาของ JACK THE GIANT SLAYER ครับ, คืออย่างที่คอหนังหลายคนทราบตอนแรกหนังใช้ชื่อว่า JACK THE GIANT KILLER แต่ก็เลื่อนฉายและเปลี่ยนชื่อเป็น JACK THE GIANT SLAYER


ตำนานพื้นบ้านแล้วอย่างไรทำไมจะสร้างให้เป็นหนังดีๆ ไม่ได้ขนาดสโนว์ไวท์ยังเป็นหนังเอพิคฟอร์มยักษ์ได้เลยและกับแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ที่เนื้อหาในนิทานก็โคตรเอพิคอยู่แล้วจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ไม่ได้ล่ะ และเป็นทั้งที่นี่คือหนังผจญภัยเอพิคฟอร์มยักษ์ที่โคตรสนุกแห่งปีที่สนุกนั้นมาจากหลายส่วนทั้งการดำเนินเรื่องที่สนุก, ฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุกตามสไตล์หนังแนวนี้, มุขตลกที่มาเบรคให้คนดูเพลิดเพลิน นี่คือ 3 องค์ประกอบเด่นๆ ที่หนังนำมาเป็นจุดขายและทำออกมาได้ผลเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อนำจุดเด่นทั้ง 3 อย่างมามิกซ์รวมกันผลที่ได้คือมันออกมาเพอร์เฟกต์เป็นอย่างมากครับ ทำให้ผลที่ออกมาก็คือหนังออกมาเป็นหนังที่สนุกมาก! และมันสนุกจริงอะไรจริง

การตีความตำนาน JACK THE GIANT KILLER ให้ออกมาดูแปลกใหม่ถือว่าทีมงานทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมากและยังคงยึดหลักและสิ่งของสำคัญต่างๆ ในต้นฉบับไว้ได้ อาทิ ต้นถั่ว (แน่นอนว่าต้องมีแน่นอน), พิณยักษ์สีทองเป็นต้น ซึ่งใจความสำคัญของหนังก็ยังคงยึดไว้ว่า "สิ่งเล็กๆ ก็สามารถยิ่งใหญ่ได้" ซึ่งในภาพยนตร์ก็หมายถึงหนุ่มชาวไร่แจ็คที่ทำให้อะไรในตัวยิ่งใหญ่ได้ อย่าง การปกป้องคนอื่นทั้งที่ตัวเองไม่รู้จักเป็นต้น และที่สำคัญเลยตัวหนังยังขายความใสซื่อของแจ็คตามฉบับนิทานไว้ได้ และส่วนที่เพิ่มเข้ามาอื่นๆ ก็ทำออกมาได้ดีซัก 75% ส่วนที่เหลือดูแปลกๆ ไม่เข้าพวกบ้างนิดหน่อยแต่โดยรวมก็ทำออกมาดีเป็นอย่างมาก


แม้ว่าการนำเนื้อเรื่องไปสู่จุดต่อไปอาจจะดูง่ายเกินไปหน่อยและหาทางออกให้กับตัวละครง่ายเกินไปและทุกอย่างมันลงล็อคแบบพอดิบพอดีเกินไปหน่อย อาทิ อาจมีสปอยล์!! ฟอลลอน (บิลล์ ไนท์ฮี่) เจอถุงถั่วที่ ร็อดเดอริค ทำตกไว้ง่ายเกินไปซักนิด แต่นั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้หนังเดินต่อไปได้ แต่ก็น่ะมันดูง่ายเกินไปนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ให้อภัยได้อยู่น่ะ, เมื่อมีจุดที่หนังนำเป็นจุดขายก็ต้องมีในส่วนที่หนังไม่ได้ทำเอาไว้เป็นจุดขายคาดว่าทีมงานคงลืมไปว่าตัวละครในเรื่องก็สำคัญน่ะหนังเลยมองข้ามการสร้างความสัมพันธ์หรือเหตุจูงใจของตัวละครบางตัวอาทิ ร็อดเดอริค (สแตนลี่ย์ ทุชชี่) เป็นต้นว่าเหตุใดถึงอยากเป็นพระราชาอะไรประมาณนี้ แต่กับตัวละครหลักอย่าง แจ็ค, อิซาเบลล์, เอลมอนท์ ความสัมพันธ์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ดีและทำให้อมยิ้มได้เหมือนกัน แต่หากไม่นับสามตัวนี้ที่เหลือก็เหมือนเป็นตัวประกอบเท่านั้นจริงๆ ไม่นับบรรดายักษ์ที่นำเสนอในตอนต้นและหลังจากนั้นก็ไม่นำเสนออดีตอะไรอีกเลย

แต่เมื่อโดยรวมตัวเนื้อเรื่องของหนังก็ถือเป็นการตีความตำนานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ให้ออกมาดูแปลกใหม่และแตกต่างได้ดีเป็นอย่างมาก และโดดเด่นมากในหลายจุดอาทิ การดำเนินเรื่องที่สนุกสุดเป็นต้นอะไรประมาณนี้, เอฟเฟกต์ของหนังถือว่าทำออกมาได้เด่นมากจริงๆ ครับ บรรดายักษ์ ฉากต่างๆ ดูอลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก สมที่รอคอยและทำออกมาได้เนียนตามากๆ ผู้เขียนได้ชมในโรงภาพยนตร์ IMAX ซึ่งเห็นได้ชัดว่าภาพของหนังอลังการเป็นอย่างมากและสุดยอดเป็นอย่างมาก แม้ว่า 3มิติ ที่ทำออกมาซึ่งน่าจะเป็นจุดขายกลับไม่ได้ดีหรือโดดเด่นมากเท่าที่ควรก็ตาม แต่ก็ได้การลำดับเสียง, ตัดต่อเสียง ที่ทำออกมาได้ดีอยู่พอสมควรมาเป็นของแลกเปลี่ยนแทน โดยรวมเอาจริงๆ ดูแค่ ดิจิตอล ก็พอครับ


ไบรอัน ซิงเกอร์ นำเสนอหนังออกมาได้ดีเป็นอย่างมากแม้จะตกๆ ขาดๆ เรื่องตัวละครมักทำอะไรง่ายเกิน ซึ่งตัวผู้เขียนบทคือ คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ ผู้กำกับ JACK REACHER ซึ่งเป็นมือเขียนบทคู่บุญของซิงเกอร์ ก็พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมมันดูออกมาง่ายๆ เกินไป แต่ที่เด่นจริงๆ คือ มุมกล้องครับยิ่งเวลาหนังเน้นเอฟเฟกต์ อาทิ ฉากถั่วต่างๆ ทีมของซิงเกอร์ถ่ายทอดภาพของฉากนั้นออกมาได้สุดยอดมากๆ อาทิ ตัวละครมองลงไปข้างหลังหนังก็ทำออกมาได้สุดยอด บวกกับเอฟเฟกต์ที่มันเด่นๆ จริงๆ ทำให้ดูเพลินตาเป็นอย่างมาก

นิโคลาส โฮลท์ และ อีลีนอร์ ทอมลินสัน ในบทแจ็คและอิซาเบลล์ โดดเด่นจริงๆ แจ้งเกิดแน่นอน แต่หนังทุกเรื่องมันก็ต้องมีตัวละครขโมยซีนล่ะน่ะและแน่นอนหนังเรื่องนี้ก็มีนั้นก็คือ ยวน แม็คเกรเกอร์!!, โดยรวมแล้ว JACK THE GIANT SLAYER เป็นภาพยนตร์ที่มีความบันเทิงอย่างจัดเต็มอะไรเต็มจริงๆ แถมเป็นการตีความตำนานของนิทานสุดดังเรื่องนี้ให้ออกมาแตกต่างได้ดี และที่สำคัญเอฟเฟกต์ต่างๆ ทำออกมาได้เนียนตาดีแท้ แม้ 3มิติ จะธรรมดาเกินไปก็ตามที แต่ก็น่ะสำหรับ JACK THE GIANT SLAYER ก็เป็นหนังที่เพลินๆ ดูสนุก อีกเรื่องในรอบปีนี้ครับ และที่สำคัญเลยมันเหมาะกับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง!!


ความยาวทั้งหมด 114 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger