วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

WORLD WAR Z


WORLD WAR Z / มหาวิบัติสงคราม Z


ผู้จัดจำหน่าย : PARAMOUNT PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : PLAN B ENTERTAINMENT, GK FILMS, SKYDANCE PRODUCTIONS
ผู้กำกับ : มาร์ค ฟอสเตอร์ (FINDING NEVERLAND, QUANTUM OF SOLACE)
ประเภทของหนัง : ACTION | DRAMA | HORROR

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ซอมบี้, ระทึก, ครอบครัว และ แบรด พิตต์ ที่ดูได้เพลินๆ ไม่ได้ดีและก็ไม่ได้แย่!!”


เมื่อช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมามีหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายที่ว่าด้วยเรื่องซอมบี้มีความรักออกฉายนั่นก็คือ WARM BODIES ซึ่งเป็นการส่งให้ นิโคลาส โฮลท์ แจ้งเกิดเต็มๆ ในบท R แถมยังส่งให้หนังฮิตถล่มจากทุนสร้างแค่ 35 ล้านแต่เก็บกลับมาเกือบ 116 ล้านแถมส่งให้ตัวนิยายขายดีเพิ่มขึ้นไปอีก ผ่านไปประมาณสี่เดือนก็มีหนังซอมบี้อีกเรื่องเตรียมเข้าฉายแถมเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ระดับทุนสร้าง 200 ล้าน แถมยังได้ซูเปอร์สตาร์อย่าง แบรด พิตต์ มารับบทนำในหนังบล็อคบัสเตอร์ในรอบ 7-8 ปี พร้อมกันนี้ยังได้ มาร์ค ฟอสเตอร์ มารับหน้าที่กำกับ หนังซอมบี้เรื่องที่ว่านี้เป็นสงครามโลกระหว่างมนุษยชาติและซอมบี้ ผ่านเรื่องราวของ เจอร์รี่ เลน นี่คือ WORLD WAR Z..!!

หนังดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ แม็กซ์ บรู้ค ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2006 และก็ถูกซื้อมาทำเป็นหนังตั้งแต่ตัวหนังสือยังไม่จำหน่ายโดยสตูดิโอ PLAN B ของ แบรด พิตต์ เอง และหนังก็ถูกลงล็อคกำหนดฉายในเดือนธันวาคม 2012 แต่พอถ่ายทำไปถ่ายทำมาเกิดปัญหาจนต้องเรียก เดมอน ลินเดลอฟ (LOST) มาเขียนบทใหม่ แก้บทเดิมที่ แมธธิว ไมเคิล คาร์นาแฮน (LIONS FOR LAMBS) เขียนไว้ พอถ่ายทำต่อก็เรียก ดรูว์ ก็อดดาร์ท (THE CABIN IN THE WOODS) มาแก้บทใหม่โดยบทที่แก้คือฉากแอ็คชั่นสุดท้าย!! เรียกได้ว่า มีปัญหาตลอดเรื่อง จนในที่สุดหนังก็ถ่ายทำจนเสร็จ และได้ลงโรงฉายซักที..!!


ข้อผิดพลาดอย่างแรกสำหรับ WORLD WAR Z ก็คือการเป็นหนังสงครามโลกซอมบี้ที่ได้เรตแปะหน้าหนังคือ PG-13 !! ทำให้สิ่งที่เราหวังอย่างการเห็นซอมบี้เลือดสาด สมองกระจุย บลาๆ กลับหายไป สเน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์หายไป ขนาด WARM BODIES ที่ได้เรต PG-13 เหมือนกันแถมดันเล่าเรื่องกับความรักยังมีฉากโหดๆ ซะกว่า อย่างน้อยก็ฉาก R กินหัวใจล่ะ ถือเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยอย่างแรง แถมที่หนักกว่าเลยคือ WORLD WAR Z ว่าด้วยเรื่องซอมบี้แต่ดูแล้วซอมบี้ดูจะไม่สำคัญต่อเนื้อเรื่องเท่าไร มีมาเท่านั้นหากบอกว่า WORLD WAR Z เป็นหนังระทึกขวัญสืบคดีดูจะน่าเชื่อถือซะกว่า เพราะหากไม่นับฉากเปิดเรื่อง กับฉากในประเทศอิสราเอล ซอมบี้จะมีก็เหมือนไม่มีจริงๆ

หนังดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรงและตรงอย่างเดียวไม่มีอะไรซับซ้อนและไม่มีอะไรให้ชวนติดตามแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้ การหาทางออกก็ง่ายๆ อยากจะคิดออกก็คิดได้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่หนังทำได้ดีมากๆ คือการที่หนังดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วในช่วงต้นๆ เรื่องถึงช่วงกลางๆ เรื่อง ก่อนจะเนือยๆ ลงหลังจากนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่หนังทำดีอย่างน้อยมันก็ไม่ได้น่าเบื่อมากนัก แค่ผิดพลาดนิดหน่อยตรงประเด็นของหนัง อย่างที่รู้ๆ กันหากหนังเรื่องไหนมี ซอมบี้ จะต้องรู้ว่าหนังซอมบี้จะมีประเด็นจิกกัดสังคมในยุคนั้นๆ เหมือนอย่างที่คุณปู่จอร์จ โรเมโร ทำไว้กำหนังตระกูลซอมบี้ OF THE DEAD ทั้งหลายอาทิ DIARY OF THE DEAD เมื่อปี 2007 ที่จะจิกกัดประเด็นที่ว่าโลกเกิดโกลาหลแต่คนก็มักจะหยิบกล้องมาถ่ายและอัพลงเว็บต่างๆ อะไรประมาณนี้


ซึ่ง WORLD WAR Z ไม่ได้จิกกัดประเด็นสังคมอะไรจำพวกนั้น แต่กลายเป็นว่า WORLD WAR Z ไปจับประเด็นเรื่องความรักของคนในครอบครัวซะมากกว่า แต่อย่างน้อยก็ยังดีอยู่บ้างที่หนังก็พอมีประเด็นอยู่บ้างแม้มันเรื่องครอบครัวที่หนังเล่นมันดูจะเบาบางมากๆ ก็ตาม คงเป็นเพราะบทที่ไม่ค่อยมีอะไรมากด้วยเพราะเล่นเรียกตัวคนเขียนบทเข้าๆ ออกๆ อยู่ตลอดเวลา, มิติของตัวละครก็ไม่ได้มีอะไรมาก เจอร์รี่ เลน ก็เป็นตัวละครจำพวกทำทุกอย่างได้เพื่อครอบครัวไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม นอกนั้นตัวละครอื่นก็เหมือนตัวประกอบซะมากกว่า -- ด้านฉากแอ็คชั่น ใครหวังว่าจะไปดูฉากแอ็คชั่นใหญ่โตมโหฬารตามชื่อเรื่องก็เสียใจด้วย ไม่มีอะไรมันส์ๆ แบบนั้นครับ แถมช่วงท้ายเรื่องแทนที่จะเป็นแอ็คชั่นก็กลายเป็นหนังลุ้นระทึกซะได้

แต่ถ้ามองว่าหนังเป็นหนังที่เน้นความระทึกโดยไม่พึ่งพาฉากแอ็คชั่นสเกลใหญ่เน้นความมันส์ ขอบอกว่าหนังทำได้ดีอยู่เหมือนกัน แม้จะไม่ได้ระทึกแบบสุดๆ ก็ตาม แต่ก็ดูได้เพลินๆ หากจะสรุปได่ประมาณหนึ่งสำหรับ WORLD WAR Z คือหนังจัดอยู่ในไฟลั่มหนังประเภทที่ว่าไม่ได้สนุกแบบโคตรๆ อะไรนัก และก็ไม่ได้อยู่ในหนังที่จัดว่าน่าเบื่อสุด หนังอยู่ในระดับกลางๆ ดูได้เอาเพลินๆ ดี แต่ก็แอบเสียดายเหมือนกันเพราะจริงๆ หนังถ่ายทำฉากช่วงท้ายใหม่ เพราะตอนแรกในช่วงท้ายจะเป็นฉากแอ็คชั่นระดับบิ๊กสเกลแต่หนังเปลี่ยนในนาทีสุดท้ายเลยกลายเป็นอย่างที่เห็น และหากมานับกลางต้นและกลางเรื่องหนังจะเป็นไปตามลำดับแนะนำซอมบี้ --> หาวิถีหยุดซอมบี้ --> แอ็คชั่นปิดเรื่อง แต่มันก็ไม่เกิดขึ้น น่าเสียดายจริงๆ


แต่อย่างน้อยหาก WORLD WAR Z ฮิตถล่มเราก็อาจจะได้เห็นภาคต่อที่เน้นฉากแอ็คชั่นมากขึ้นเพราะหนังก็ปูบทปูอะไรต่างๆ ไว้แล้ว -- มาร์ค ฟอสเตอร์ อย่างดีที่สุดก็สามารถเอาตัวรอดไปกับหนังได้ในที่สุด แบรด พิตต์ เล่นดีในบท เจอร์รี่ เลน แบรด พิตต์ สามารถแบกหนังได้ทั้งเรื่อง เหมือนที่ เจสซิก้า แชสเทน ทำไว้กับ ZERO DARK THIRTY แม้ พิตต์ จะไม่ได้เล่นดีแบบตีบทแตกแต่อย่างน้อยฝีมือของพิตต์ก็ไม่ได้ตก แต่นอกเหนือจากพิตต์แล้วหนังมีข้อเสียคือใช้นักแสดงไม่คุ้มอย่าง เจมส์ แบดจ์ เดล ก็เป็นตัวประกอบมานิดเดียวหาย ทั้งๆ ที่ตอน IRON MAN 3 ขโมยซีนตลอด แต่หากรวมๆ แล้ว WORLD WAR Z ก็มีส่วนดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันแย่อะไรนัก...

สรุป
“WORLD WAR Z เป็นหนังบล็อคบัสเตอร์สเกลยักษ์ที่ดำเนินเร็วและตรงเป็นเส้นตรง กับเรื่องราวซอมบี้ครองโลกแต่ประเด็นดันเป็นครอบครัว ไม่ได้มันส์ตามสไตล์บล็อคบัสเตอร์แต่ระทึกสไตล์ PROMETHEUS แบรด พิตต์ เล่นดีเป็นหน้าเป็นตาของเรื่อง สรุปหนังดูเพลินได้ดี แต่หากมีภาคต่อขอให้เป็นหนังแอ็คชั่นน่ะ”


ความยาวทั้งหมด 116 นาที
คะแนน 7.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger