CHAPPIE / จักรกลเปลี่ยนโลก
ผู้จัดจำหน่าย : SONY PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ALPHA CORE, COLUMBIA PICTURES
ผู้กำกับ : นีล บลอมแคมป์ (DISTRICT 9, ELYSIUM)
ประเภทของหนัง : ACTION | SCI-FI | THRILLER
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
เอาจริงๆ มองเลยว่า นีล บลอมแคมป์ เป็นผู้กำกับที่มองโลกในแง่ดีมากๆ คนหนึ่ง แม้จากผลงานก่อนหน้าอย่าง DISTRICT 9 หรือ ELYSIUM แม้จะเป็นหนังที่ทำมาเพื่อเสียดสีสังคมภายใต้ความเป็นหนังไซไฟ (ที่แอบโหดเรท R) อย่างเรื่องแรกนี่เป็นหนังเสียดสีเรื่องเชื้อชาติ (แต่เอาจากคนกับคนมาเป็นคนกับเอเลี่ยนแทน) ส่วนเรื่องหลังก็เป็นหนังที่เสียดสีเรื่องชนชั้น คนรวยคนจน แต่ถึงหน้าหนังจะเสียดสีสังคมขนาดไหน บลอมแคมป์ จะจบหนังของตนเองให้ตัวละครมีความหวังเสมอ อย่างใน DISTRICT 9 ก็จบให้ตัวเอกที่กำลังจะกลายเป็นเอเลี่ยนกุ้งได้มีความหวังว่าไอ้พวกเอเลี่ยนจะกลับมาช่วย ส่วน ELYSIUM ก็จบตรงที่แบบให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
และกับผลงานชิ้นล่าสุดของ บลอมแคมป์ อย่าง CHAPPIE เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นหนังไซไฟเหมือนเดิม (และเรื่องต่อไปก็ยังจะเป็นไซไฟฮาร์ดคอร์เลยทีเดียวเพราะ บลอมแคมป์ จะกำกับ ALIEN !!) แต่เป็นหนังไซไฟที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงบนโลกใบนี้ที่สุด งานนี้ไม่ได้มีเอเลี่ยนมาอาศัยอยู่บนโลก และก็งานนี้ไม่ได้ไปบุกตะลุยออกนอกโลก แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังเกิดขึ้นบนโลกและทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า เทคโนโลยี โดยตั้งโจทย์ให้คนดูไขว่า หากมนุษย์สามารถออกแบบ หุ่นยนต์ ให้มันคิดอ่านออกเขียนได้ขึ้นมา มีจิตสำนัก ขึ้นมาล่ะ!? ท้ายที่สุดจึงเกิดออกมาเป็นหนังเรื่องนี้ที่แม้จะว่าด้วยหุ่นยนต์และไซไฟเหมือนกันแต่งานนี้ก็ไม่ได้ไปไกลถึงแบบ I, ROBOT อะไรแบบนั้น
ก่อนได้ชมหนังเรื่องนี้ได้แอบมีการเช็คกระแสอะไรเล็กน้อยส่วนมากก็ไม่มีอะไรเท่าไรแต่กลับพบว่ามีหลายๆ คนเข้าใจผิดว่า CHAPPIE เป็นหนังสำหรับครอบครัว... เดี๋ยวน่ะพี่ได้เช็คบ้างมั้ยเนี่ย เอาเหอะช่างมันเหอะ เข้าสู่เรื่องของเรากันบ้าง ตัวละครหลายๆ ตัวในเรื่องนี้ถ้าเปรียบเป็นผ้าทุกตัวออกจะเป็นผ้าสีเทา ทุกคนไม่ได้ชั่วได้ดีแบบเห็นได้ชัด ขนาดกลุ่มโจรภายนอกในสายตาคนอื่นอาจจะเป็นคนชั่วแต่ถ้ามองเข้าไปข้างในเองก็เป็นคนดี แม้แต่ วินเซนท์ (รับบทโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน) หรือ ดีออน (รับบทโดย เดฟ พาเทล) ก็ออกเป็นสีเทาไม่มีใครดีหรือเลว โดยเฉพาะตัว วินเซนท์ นี่ถ้ามองลึกๆ แล้วเขาอาจจะไม่ได้เป็นคนแบบนั้นก็ได้ แต่สถานการณ์และอาชีพบีบทำให้เขาต้องทำแบบนั้นก็เป็นได้
มีเพียง แชปปี้ เท่านั้นที่เป็นตัวละครสีขาวที่ขึ้นอยู่กับว่าคนเท่านั้นที่จะทำให้แชปปี้กลายเป็นสีอะไรระหว่างคนดีหรือหรือคนเลว ทีนี้เราก็สามารถหาประเด็นอีกหนึ่งประเด็นที่หนังจะเสียดสีได้แล้ว และที่นี้ก็คือการเติบโตของเด็กนั่นเอง (หนังจงใจนำเสนอหรือเราคิดไปเองก็ไม่ทราบได้ ฮ่าๆ), อีกหนึ่งจุดที่ได้เช็คกระแสก็คือเห็นบอกว่าหนังมันมั่วมาก ไอ้เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันมั่วยังไงเพราะยังไม่ได้ดู จนกระทั่งเข้าไปดูถึงเก็ทว่าที่เขาบอกว่าหนังมันมั่วมันคืออะไร ก็ยอมรับเลยว่าโอเคหนังมันมั่วมากครับ มั่วทั้งบท มั่วทั้งฉากแอ็คชั่น คือบทนี่มันมั่วจริงๆ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วบทหนังมันก็ไม่ได้มั่วหรอก แค่ช่วงท้ายๆ หนังมันโอเวอร์หลุดโลกไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง (ตรงที่มีการอัพโหลดจิตสำนักจากหุ่นยนต์ไปสู่หุ่นยนต์, จากคนไปสู่หุ่นยนต์)
อีกจุดที่หนังมันมั่วคือในส่วนของฉากแอ็คชั่น เอิม.. คือไม่รู้จะพูดไงดีคือฉากแอ็คชั่นมันมั่วมากๆ มั่งสัสเลยทีเดียว แต่ไอ้ความมั่วสัสของมัน ดันทำออกมาได้มันส์มาก มันส์สัสๆ เลยทีเดียว คือถ้าไม่ได้ไปดูประเด็นของหนัง แต่ไปดูแอ็คชั่นมันก็คุ้มอยู่น่ะ, แต่ท้ายที่สุดถ้าสามารถมองข้ามความมั่วในส่วนนี้ไปได้ CHAPPIE ก็เป็นหนังที่สนุกมากอีกเรื่องนึงในปีนี้ (แต่ถ้าวัดความสนุกยกให้เป็นรอง KINGSMAN: THE SECRET SERVICE อยู่) ไหนที่หนังเองก็มีมุมมองและประเด็นที่น่าสนใจ ให้ดูจบแล้วมาคิดต่อได้ ไหนการที่มีประเด็นความสัมพันธ์ของ แชปปี้, ดีออน และ พ่อจ๋า, แม่จ๋า ให้ตาม (อนึ่ง นินจา รับบท นินจา หรือ พ่อจ๋า และ โยแลนดี รับบท โยแลนดี หรือแม่จ๋า และหนังก็แอบหยิบเพลงทั้งคู่มาใช้ ส่วนสกอร์ของหนังทำโดยมหาเทพ ฮานส์ ซิมเมอร์!!)
ซึ่งพอดูจบคุณจะแอบซึ้งกับเรื่องราวของพวกเขาได้ยาก และก็ดูจบมั่นใจว่าคุณจะหลงรัก แชปปี้ แน่นอน ส่วนตัวหนังเองก็จบได้ตามสูตรของ นีล บลอมแคมป์ ครับ ให้ทุกตัวละครมีความหวัง คือให้ตัวละครมีความหวัง แต่กับคนดูที่หวังอยากชมภาคต่อกลับไม่ให้ความหวัง (รอ DISTRICT 9 ภาคต่อมา 6 ปีล่ะคงต้องรอต่อไป) ปล. ใครอยากเห็น ฮิวจ์ แจ็คแมน โดนกระทืบจนไม่เหลือภาพลักษณ์ วูลฟ์เวอรีน สุดเท่เรื่องนี้คุณจะได้เห็นครับ...
ความยาวทั้งหมด 120 นาที
คะแนน 8.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น