วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2555

UNDERWORLD: AWEKENING


UNDERWORLD: AWEKENING / 
สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4: กำเนิดใหม่ราชินีแวมไพร์


(24/01/2012) - 150 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : SCREEN GEMS
สตูดิโอผู้สร้าง : SCREEN GEMS & LAKESHORE ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : มานส์ มาร์ลินด์ & บอร์น สไตน์ (SHELTER)
ประเภทของหนัง : ACTION | FANTASY | HORROR

มุมมอง
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง 
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้”

การกลับมาครั้งที่ 4 ของราชินีแวมไพร์ตัวจริง เคท เบคคินเซล หลังจากปล่อยให้ โรห์น่า มิตรา เล่นเป็นนางเอกในภาค 3 เธอจึงกลับมารับบท เซลีน อีกครั้งในภาคที่ 4 ใน สงครามโค่นพันธุ์อสูร 4: กำเนิดใหม่ราชินีแวมไพร์ โดยผู้เขียนบทภาคนี้คือ เลน ไวส์แมน ผู้กำกับ จากภาคแรกและภาคสอง รวมทั้งเขียนบท 3 ภาคที่ผ่านมา และที่สำคัญ เขาคือสามีของ เคท เบคคินเซล นางเอกของเรื่องด้วย และภาคนี้กำกับโดย 2 ผู้กำกับคู่หู มานส์ มาร์ลินด์ และ บอร์น สไตน์


ต้องขอออกตัวไว้ตรงนี้เลยว่า ข้าน้อยเพิ่งมีโอกาศได้ดู 3 ภาคแรก ก่อนหน้าไปดูภาค 4 แค่วันเดียวเท่านั้น!! ดังนั้นจึงทำให้รู้แนวทางของหนังว่า Underworld เป็นหนังที่เน้นเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ ผสม แอ๊คชั่น แบบดิบๆ โหดๆ เลือดกระฉูด (เรท R) แต่พอได้ดูภาค 4 แล้ว กลายเป็นว่าหนังดำเนินเรื่องแบบกระชับรวดเร็วชับไว และแอ๊คชั่นแบบดิบๆ เหมือนเดิม และงาน 3D ที่เป็นงานแอ๊คชั่น 3D แบบมีมิติ ลึกและนูน (มากๆ) 


โดยเรื่องราวของภาคนี้คือ หลังจากที่มนุษย์ได้รู้ถึงความมีตัวตนของ 2 เผ่าพันธุ์ ทำให้มีการกำจัด 2 เผ่าพันธุ์ทำให้ เซลีนและไมเคิล ต้องแยกออกจากกัน และเซลีนถูกจับมาเป็นตัวอย่างทดลอง และวันนึงเซลีนก็ตื่นจากการหลับไหลจากการช่วยเหลือจาก ตัวทดลองอีกคนนึง นั้นก็คือลูกของเธอเอง ทำให้ เซลีน ต้องออกตามหาไมเคิล สามีของเธอ และ กำจัดคนที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นตัวทดลอง!


ดั่งที่ได้บอกไปว่าหนังดำเนินเรื่องได้รวดเร็วกระชับฉับไว และเนื้อเรื่องที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไร และไม่เน้นหนักไปเนื้อเรื่องเท่าไร แต่ก็ยังดีที่หนังเล่นฉากแอ๊คชั่นได้หนักดี โหดเหมือนเดิม และอีกอย่างที่ทำให้หนังภาคนี้ขาดเสน่ห์ไปคือ การที่ สก๊อตต์ สปีดแมน (ไมเคิล คอร์วิน) ไม่มีบทบาทอะไรในภาคนี้เลย ส่วนดาราชายหลักของภาคนี้อย่าง ธีโอ เจมส์ (รับบท เดวิด แวมไพร์ที่ช่วยเหลือเซลีนในตอนต้นๆ เรื่อง) ก็ไม่โดดเด่นหนักไปทางเป็นตัวประกอบมากกว่า (ตัวละครบางตัวยังโดดเด่นกว่าเลย อย่างเช่นตำรวจที่ช่วยเหลือ เซลีน) แต่ถึงยังไงตัวหนังก็ยังคงขาย เคท เบคคินเซล (เซลีน) เป็นหลักอยู่ดี เพราะว่า เซลีนก็คือคนที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องอยู่ดี


ส่วนฉากแอ๊คชั่นอย่างที่บอกไปว่า แอ๊คชั่นภาคนี้ยังดิบๆ เหมือนเดิม แต่งานที่มาส่งเสริมฉากแอ๊คชั่นให้ดีขึ้นยิ่งใหญ่มากขึ้นคืองาน 3D ที่ดูดีมากๆเรื่องนึงในงานหนังแอ๊คชั่นบู๊ล้างผลาญด้วยกัน ส่วนคนที่ได้รับเครดิตฉากแอ๊คชั่นไปเต็มๆ ก็คือ 2 ผู้กำกับคู่หู แม้ว่าภาพจะดูมึดๆไปหน่อยก็เถอะ (ฮ่า)

สรุป
หนังไม่ได้มีอะไรใหม่จาก 3 ภาคก่อนหน้า แต่ฉากแอ๊คชั่นยังดูสนุกสนุกเหมือนเดิมและงาน 3มิติที่ช่วยส่งเสริมงานด้านแอ๊คชั้นมากขึ้น แม้ว่าหนังจะสั่นไปหน่อยก็ตาม แต่คงทำให้แฟนๆ จาก 3 ภาคก่อนคงชอบภาคนี้เหมือนเดิม และคงได้ดูภาค 5 กันอย่างแน่นอน


ความยาวทั้งหมด 88 นาที
คะแนน 7.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger