วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

WAR HORSE


WAR HORSE / ม้าศึกจารึกโลก


(04/02/2012) - 180 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : DREAMWORKS SKG, RELIANCE ENTERTAINMENT, AMBLIN ENTERTAINMENT, TOUCHSTONE PICTURES
ผู้กำกับ : สตีเว่น สปีลเบิร์ก (SAVING PRIVATE RYAN, WAR OF THE WORLDS)
ประเภทของหนัง : DRAMA | HISTORY | WAR

มุมมอง
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้”

มิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ ผ่านสงครามที่โหดร้าย

"War Horse" เป็น 1 ใน 9 หนังที่ได้ชิงเข้าชิงรางวัลออสการ์ประจำปี 2012 สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และมีชื่อเข้าชิงอีก 5 สาขาด้วยกันดังนี้ กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม โดยเป็นผลงานกำกับของ “พ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด” สตีเว่น สปีลเบิร์ก โดยทำมาจากหนังสือเรื่อง War Horse หรือในชื่อภาษาไทยว่า “ม้าศึก” (เล่มละ 129 บาท มีขายในไทยแล้ว) โดยผู้แต่งนั้นคือ “ไมเคิล มอร์เพอร์โก้” ได้ความคิดมาจาก ว่าการที่สงครามโลกครั้งที่ 1 นั้นมีม้าตายไปหลายล้านตัวในสงคราม เลยนำมาแต่งเป็นหนังสือ และหลังจากนั้นจึงถูกนำไปสร้างเป็นละครเวที เลยทำให้ สตีเว่น สปีลเบิร์ก สนใจ ต่อมาจึงกลายมาเป็น War Horse ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์....


โดยเนื้อเรื่องคร่าวๆ ของ War Horse ก็ประมาณว่า โจอี้ ม้าที่ถูกเลี้ยงโดย อัลเบิร์ต นาร์ราค๊อต เด็กหนุ่มชาวไร่เจ้าของและเพื่อนของ โจอี้ และมีเหตุการณ์ที่ทำให้ โจอี้ และ อัลเบิร์ต ต้องจากกันไป นั้นก็คือ สงคราม ทำให้ อัลเบิร์ตต้องออกไปตามหาโจอี้ในสงคราม


โดยในหนังจะเล่าเรื่องแบบนี้ จะเป็นการเล่าตั้งแต่ การเกิดของโจอี้, การที่โจอี้นั้นมาอยู่กับอัลเบิร์ตได้อย่างไร, ปัญหาครอบครัวอัลเบิร์ต, โจอี้ถูกเกณฑ์ไปในสงคราม, การที่โจอี้ลำบากในสงคราม,การกลับมาเจอกันของทั้งสอง โดยที่ตัวหนังนั้นจะเน้นอยู่ที่มิตรภาพของ อัลเบิร์ต กับ โจอี้ และการบอกถึงความโหดร้ายของสงครามซะเป็นส่วนใหญ่ แต่หนังก็ยังไม่ลืมที่จะมี อารมณ์ขัน และจะปล่อยออกมาอยู่เป็นระยะๆ แม้ว่าตัวหนังจะยาว 2 ชั่วโมงกว่าๆ แต่หนังก็สามารถทำให้เราไม่เบื่อกับหนัง ตลอดเวลาในการชม


โจอี้ ม้าศึก กับ อัลเบิร์ต (เจเรมี่ เออร์วิน) นั้นเป็นตัวละครหลักของหนังและทั้งสองก็คุมตัวหนังอยู่ ที่สามารถบอกเล่าให้เรารู้ถึงมิตรภาพของทั้ง 2 แม้ว่าจะลำบากเพียงใด แต่จริงๆ แล้วในหนังสือนั้นจะเล่าโดยมุมมองของ โจอี้ เพียงอย่างเดียว รวมไปถึงจะได้ยินแม้กระทั่งความคิดของ โจอี้ แต่พอกลายหนังแล้วด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้ต้องตัดส่วนนั้นทิ้งไป และตัวละครที่เด่นๆ ก็เช่น คู่ปู่หลาน ที่เป็นคนเอาโจอี้มาดูแล แม้ว่าจะโผล่อยู่ไม่มากแต่จะมีผลกระทบอันใหญ่ภายหลัง และ ที่จะต้องชื่นชมและยกย่องคือ เหล่าบรรดาม้าในเรื่อง ที่เด่นๆก็คือ โจอี้ (ของจริงม้าชื่อไฟน์เดอร์) ที่แสดงได้ดีมากและม้าแสดงออกมาทางแววตาได้แบบดีสุดๆ (แววตาโจอี้ดูเศร้าตลอดเวลา) แต่ก็ต้องยกย่องให้กับม้าในเรื่องแล้วละครับต้องปรบมือให้จริงๆ


หลังจากที่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก เคยนำทีมทหารของ ทอม แฮงค์ ไปลำบากในสงครามโลกครั้งที 2 มาแล้ว คราวนี้ สปีลเบิร์ก มาถ่ายทอดเรื่องราวอันโหดร้ายของสงครามโลกที่ 1 คราวนี้ สปีลเบิร์ก ถ่ายทอดสงครามออกมาได้ในมุมมองที่ดูโหดร้ายมาก แต่ไม่ถึงกับ Saving Private Ryan ที่มีเลือดสาดขนาดนั้น แต่หนังยังผสมกับเรื่องราวมิตรภาพของม้ากับคนผ่านสงคราม และ สปีลเบิร์กนั้นทำให้หนังออกมาลงตัวเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะดำเนินเรื่องแบบเร็วและข้ามชอตไปหน่อยก็ตาม แต่มุมกล้องผ่านการเล่าเรื่อง สปิลเบิร์ก ถ่ายทอดมาได้อย่างสมจริง!! และสิ่งนึงที่ถ้าหาก นึกถึง สตีเว่น สปีลเบิร์ก แล้วก็จะต้องนึกถึง ก็คือ จอห์น วิลเลี่ยม คนทำเพลงสกอร์ประกอบหนังคู่บุญของ สปีลเบิร์ก และใน War Horse ก็เช่นกัน จอห์น วิลเลี่ยม สามารถเลือกที่จะทำเพลงที่ยิ่งใหญ่มากๆ และเลือกถูกที่จะใส่เพลงใหนลงในช่วงใหน...


ในการประการรางวัลออสการ์ 2012 WAR HORSE อาจจะไม่ใช้ตัวเต็งใน สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ในสาขาอื่น WAR HORSE คือตัวเต็งอย่างเช่น รางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม ที่มีโอกาศชนะเลิศสูงมาก...

สรุป
อาจจะไม่ถึงกับเป็นงานที่ดีที่สุดของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก แต่โดยรวมแล้ว War Horse คือหนังที่เล่าเรื่องมิตรภาพระหว่าง ม้ากับคน และสงครามอันโหดร้ายที่ ไม่ว่าฝ่ายใดจะสู้ไป จริงๆแล้วก็มีแต่ เสียกับเสีย แต่ “WAR HOUSE ม้าศึกจารึกโลก” คุ้มค่าที่สมควรจะต้องดูหนังเรื่องนี้และสมควรที่จะต้องจารึกไว้ในความทรงจำไปอีกนานเท่านาน


ความยาวทั้งหมด 146 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger