วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ABRAHAM LINCOLN: VAMPIRE HUNTER


ABRAHAM LINCOLN: VAMPIRE HUNTER / ประธานาธิบดี ลินคอล์น: นักล่าแวมไพร์


(07/07/2012) - 120 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : 20TH CENTURY FOX
สตูดิโอผู้สร้าง : ABRAHAM PRODUCTION, BAZELEVS PRODUCTION, 
TIM BURTON PRODUCTION
ผู้กำกับ : ทิเมอร์ เบ็คแมมบีตอฟ (WANTED)
ประเภทของหนัง : ACTION | FANTASY | HORROR

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ครึ่งแรกของหนังดูเหมือนจะเป็นงานแอ๊คชั่นสุดตื่นตา ครึ่งหลังกลายเป็นงานอัตชีวประวัติของท่านซะงั้น”


อับราฮัม ลินคอล์น คือประธานาธิบดีคนที่ 16 ของประเทศสหรัฐอเมริกา และมีความสำคัญต่อชนชาติชาวอเมริกา เพราะท่านเป็นคนเลิกทาส แต่ทุกท่านเคยรู้หรือไม่ว่า ก่อนที่ท่านจะได้เป็นประธานาธิบดี ท่านเคยเป็นนักล่าแวมไพร์มาก่อน.. ใช้แล้วเรื่องนี้คงไม่ได้เป็นเรื่องจริงหรอก แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดในหนังสือเรื่อง "Abraham Lincoln: Vampire Hunter" หรือในชื่อไทยว่า "คืนวันที่ข้าพเจ้าล่าแวมไพร์: บันทึกลับเอบราฮัม ลิงคอล์น" หนังสือที่แต่งโดย เซธ เกรแฮม-สมิธ ทำให้หนังสือไปเตะตาผู้กำกับดังอย่าง ทิม เบอร์ตัน ทำให้เขาอยากจะทำเป็นหนังขึ้นมา ที่พอหนังสือได้กลายเป็นหนังก็คงไม่พ้นว่าผู้แต่ง เซธ เกรแฮม-สมิธ จะต้อง มาเป็นคนเขียนบทให้กับหนังอย่างแน่นอน แต่ เบอร์ตัน เป็นแค่โปรดิวเซอร์ สำหรับคนที่กำกับหนังก็คือ ทิเมอร์ เบ็คแมมบีตอฟ ผู้กำกับแห่ง Wanted...

Abraham Lincoln: Vampire Hunter หรือชื่อไทยของหนังคือ ประธานาธิบดี ลินคอล์น: นักล่าแวมไพร์ เป็นเรื่องรางของ อับราฮัม ลินคอล์น เด็กหนุ่มที่ต้องเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก จากฝีมือของแวมไพร์ ทำให้เขาอาฆาตแวมไพร์เป็นอย่างมาก และ อับราฮัม ลินคอล์น ก็ได้เฮนรี่ แวมไพร์ฝ่ายดีเป็นคนสั่งสอนเขาให้กลายเป็นยอดนักล่าแวมไพร์ขึ้นมา และ เป็นช่วงที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ทำให้เขาประกาศเลิกทาสทำให้ประเทศชาติเข้าสู่สงครามกลางเมือง ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มที่ไม่อยากเลิกทาส ก็คือ กลุ่มแวมไพร์ตัวร้ายนั้นเอง ทำให้ อับราฮัม ลินคอล์น ต้องออกมาสู้และแก้แค้นแวมไพร์เพื่อชาติ


หนังมีไอเดียดีครับ สำหรับการนำเรื่องราวของ อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่สำคัญที่สุดของสหรัฐ มาดัดแปลงเรื่องราวและเปลี่ยนชีวิตของท่านให้เป็นยอดนักสู้ ที่ต้องมาอาจหาญสู้กับสิ่งมหัศจรรย์ในวงการหนัง ณ ตอนนี้ อย่างการปะทะกับแวมไพร์ ซึ่งหนังก็ถือว่าสอบผ่านในส่วนไอเดียในการสร้างครับแต่เมื่อพอทำออกมาเป็นหนังก็ถือว่าใช้ได้แต่ขาดแค่ส่วนที่จะทำให้หนังออกมาดูสนุกในส่วนเนื้อเรื่องแบบแหวกแนวให้เข้ากับส่วนของแวมไพร์เท่านั้น แต่สำหรับตรงในส่วนฉากแอ๊คชั่นถือว่าทำออกมาได้ดูสนุกและมันส์เอามากๆ สำหรับในส่วนของครึ่งเรื่องแรก และแค่ฉากท้ายๆ เท่านั้น แต่สำหรับในส่วนตัวบทเมื่อไปเทียบกับตัวเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ถือว่าเป็นการนำเสนอในส่วนของชีวิตท่านได้เป็นอย่างดี จะขาดก็แค่ เนื้อเรื่องในส่วนแวมไพร์เท่านั้นที่ดูจะไม่ค่อยมีอะไรจริงๆ ทั้งที่ชื่อเรื่องของหนังคือ Vampire Hunter แต่ว่าเรื่องราวของแวมไพร์ก็มีในส่วนครึ่งแรกของหนังอย่างที่บอก

แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังได้สลับขั่วกลายเป็นหนังอัตชีวประวัติซะงั้น เรื่องราวของแวมไพร์ที่หนังพยายามใส่เข้ามาในส่วนครึ่งแรกของหนัง ก่อนที่อับราฮัม ลินคอล์น จะขึ้นเป็นประธานาธิบดี เพราะหลังจากนั้นกลับกลายเป็นหนังอัตชีวประวัติ สอดแทรกความรู้ล้วนๆ เพราะเรื่องราวของแวมไพร์ได้น้อยลงไปเรื่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จับตนชนปลายไม่ได้ (แถมการเล่าเรื่องก็สอบตกอย่างแรก นำเสนอข้ามไป ข้ามมาอย่างเดียว ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ไร้ที่มาซะเยอะ) ก่อนที่หนังจะกลับมามีเรื่องราวของแวมไพร์ในช่วงก่อนสู่ฉากไคลแม็กซ์เท่านั้น ซึ่งฉากไคลแม็กซ์ก็จัดเต็มอลังการงานสร้างจริงๆ นั้นแหละน่ะ แต่ในส่วนฉากแอ๊คชั่นบทสรุปสุดท้ายถือว่าเป็นการกล้าที่จะนำเสนอเอามากๆ เลย (ต้องไปดูในหนังน่ะ และจะรู้ว่าทำไมถึงกล้าที่นำเสนอฉากสุดท้ายอย่างนั้น) แต่สำหรับในส่วนที่เป็นเรื่องราวของประวัติศาสตร์หนังทำออกมาได้ดีจริงๆ ครับได้ความรู้เยอะมาก (แม้ผมจะรู้เรื่องราวพวกนี้อยู่แล้วก็เถอะ แต่สำหรับคนยังไม่รู้ก็ถือว่าให้ความรู้เยอะมาก ถ้าหากเด็กๆ ได้ดูก็คงจะดี แต่คงยากเพราะหนัง 18+) ซึ่งถ้าให้แบ่งออกมาจริงๆ ก็คือประเด็นในส่วนของเรื่องแวมไพร์นั้นดูมั่ว แต่สำหรับเรื่องราวในประวัติศาสตร์นั้นแน่น


ซึ่งเราจะไปบอกว่าบทหนังนั้นแย่ก็ไม่ได้ครับ เพราะคนเขียนบทของหนังก็คือ เซธ เกรแฮม-สมิธ ผู้ที่แต่งหนัง Abraham Lincoln: Vampire Hunter นั้นเอง เขามารับหน้าที่เขียนบทหนังให้กับหนังที่ทำมาจากหนังสือของตน จะบอกว่าแย่ก็ไม่ได้อีก เพราะนี่เป็นหนังที่ทำมาจากหนังสือของเขาเองด้วย แต่ถ้าไม่นับว่าเขาเป็นคนแต่งหนังสือ และมองที่การเขียนบทของเขาก็จะนับได้ว่ายังไม่ค่อยลงตัวเท่าไรสำหรับบทหนังครับ ขาดในส่วนเป้าหมายของหนัง แถมเนื้อเรื่องของหนังก็ดูลอยๆ ไร้ที่มาที่ไปซะเยอะ (ถ้าหากยังไม่มั่นใจยังไงว่าทำไมหนังไร้ที่มาที่ไปซะเยอะ เนื้อเรื่องดูลอย ก็ลองหา Dark Shadows ที่เพิ่งเข้าฉายไปมาดูครับ) แต่ก็เอาเถอะนี้เป็นหนังใหญ่เรื่องที่ 2 ที่เขาเป็นคนเขียนบทเท่านั้น เอาไว้ไปแก้ตัวกับ Beetlejuice 2 ละกันน่ะ 

สำหรับผู้กำกับของ Abraham Lincoln: Vampire Hunter คือ ทิเมอร์ เบ็คแมมบีตอฟ ผู้กำกับที่เคยสร้างความฮือฮามาแล้วกับ "Wanted" ถึงแม้ว่าตัวบทหนังและเนื้อเรื่องของหนังนั้นจะไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจซักเท่าไร แต่ถ้าดูในส่วนของงานต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับบทหนัง เบ็คแมมบีตอฟ ถือว่ายังคงลายเซ็นเหมือนสมัยกำกับ Wanted ไว้ได้ ทั้งโปรดัคชั่น ฉากต่างๆ และการใช้มุมกล้องที่ถือว่าดูเหนือมากๆ สำหรับหนังแนวนี้ ทั้งการตัดต่อที่ฉับไว และฉากสโลว์ๆ หรือแม้แต่อะไรก็ตามที่ไม่น่าเชื่อว่าหนังกล้านำเสนอก็ตาม รวมไปทั้งฉาก CG ที่ทำออกมาได้อลังการงานสร้างมาก รวมไปถึงการใช้เพลงประกอบที่ทำออกมาได้ดี ถือว่า เบ็คแมมบีตอฟ สอบผ่านอีกครั้งครับ และ หนังเรื่องนี้จะต้องเรียกว่ามาฆ่าเวลา ก่อนที่จะกลับไปทำ "Wanted 2" ไม่ว่าจะในฐานะโปรดิวเซอร์ หรืออาจจะกำกับเอง อีกครั้ง


ด้านนักแสดงสำหรับคนที่มารับบทเป็นอับราฮัม ลินคอล์น ก็คือนักแสดงหน้าใหม่จริงๆ อย่าง เบนจามิน วอล์คเกอร์ ที่ถือว่าสอบผ่านทั้งน้ำเสียง และท่าทาง ในการแสดง รวมไปถึงเวลาที่ วอล์คเกอร์ ควงขวานไปมาเรียกได้ว่าเท่สุดๆ รวมไปถึงเมื่อต้องแต่งหน้าเป็น อับราฮัม ลินคอล์น ถือว่าทำออกมาได้เหมือนมากๆ ครับ วึ่งตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับช่างเม๊คอัพเลย นอกจาก เบนจามิน วอล์คเกอร์ คนที่เด่นๆ อีกก็อย่าง โดมินิค คูเปอร์ ที่รับบทเป็นแวมไพร์ฝ่ายดีอย่าง เฮนรี่ ถึงจะโผล่มาๆ หายๆ แต่เมื่อทุกฉากที่เขาโผล่กลับติดตาเอาๆ มากๆ ครับ ถ้าไม่นับ เบนจามิน วอล์คเกอร์ คนที่จะขโมยซีนทุกอย่างในหนังก็คงไม่พ้น โดมินิค คูเปอร์ นี่ล่ะครับ

สรุป
Abraham Lincoln: Vampire Hunter เป็นหนังชีวิตเรื่องราวของอับราฮัม ลินคอล์น ที่เป็นงานนำเสนอประวัติศาสตร์ ที่ดันมีฉากแอ๊คชั่นเพิ่มเข้ามา โดยรวมเป็นงานที่ไม่มีอะไรมาก ดูเอาเพลินๆ พอได้ ในส่วนฉากแอ๊คชั่นเท่านั้น และดูจะเป็นงานโชว์ฝีมือการกำกับของ ทิเมอร์ เบ็คแมมบีตอฟ อีกครั้งหนึ่ง ส่วนใครอยากดูหนังเกี่ยวกับชีวิตของท่านอับราฮัม ลินคอล์น ก็รอหนัง "Lincoln" หนังเรื่องใหม่ของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ดีกว่าน้าาา


ความยาวทั้งหมด 105 นาที
คะแนน 6.5/10
------------------------------------------------------------------
ใครที่ชอบอัพเดทข่าวสารวงการหนังขออนุญาติฝากแฟนเพจ KURENAI THE MOVIE ไว้ด้วยนะครับ มาอัพเดทข่าวสาร หรือ พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ แบบมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง อัพเดทแบบไม่ให้ตกข่าวกันเลยครับ อย่าลืมมากด Like กันนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger