วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

DESPICABLE ME 2


DESPICABLE ME 2 / มิสเตอร์แสบ ร้ายเกินพิกัด 2


ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ILLUMINATION ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : ปีแอร์ คอฟฟิน (DESPICABLE ME), 
คริส เรไนด์ ((DESPICABLE ME, DR. SEUSS' THE LORAX)
ประเภทของหนัง : ANIMATION | COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“สนุกจัดเต็ม มีเนี่ยนส์เด่นและขโมยซีน (มาก) จัดเต็มการรอคอยสามปี!!”


DESPICABLE ME ภาคแรกออกฉายไปเมื่อปี 2010 ผลที่ได้คือหนังฮิตทำเงินไปกว่า 543 ล้านเหรียญดอลล่าห์ทั่วโลก!! จากทุนสร้างอันน้อยนิดแค่ 69 ล้านเท่านั้น!! ซึ่งเหตุผลง่ายๆ ที่หนังฮิตก็คือความสนุกแบบดูได้ทุกเพศทุกวัยบวกกับเนื้อเรื่องสูตรสำเร็จแต่คาดเดาไม่ได้ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ สมุนตัวเหลืองอย่าง มีเนี่ยนส์ ที่ขโมยซีนทุกฉากที่โผล่ ส่งให้ ILLUMINATION ENTERTAINMENT ผงาดในวงการอนิเมชั่นในทันที (หลังจากนั้นก็มี HOP กับ DR. SEUSS' THE LORAX ตามมา) ซึ่งในปีนี้ กรู และ แก๊งค์มีเนี่ยนส์ ก็กลับมาคืนจออีกครั้งพร้อมทีมงานไล่ตั้งแต่เด็กเสิร์ฟน้ำยันผู้กำกับชุดเดิมกลับมาอย่าง และแน่นอนผู้ให้พากย์เสียงกรูอย่าง สตีฟ คาเรลล์ ก็กลับมาอีกครั้งใน DESPICABLE ME 2..!!

อยากแรกที่ต้องพูดก่อนเลยเพราะที่แน่นอนเลยว่าภาคแรกบทหนังและเนื้อเรื่องทำไว้ได้ดีจนหาที่เปรียบไม่ได้ ความสัมพันธ์และมิติของตัวละครภาคแรกก็ทำไว้ได้แบบเด่นมาก ตัวร้ายก็เด่น การดำเนินเรื่องก็สนุก มุกก็จัดเต็ม แถมความสนุกที่หนังใส่เข้ามาก็จัดหนักจัดเต็ม ทำให้ภาคสองนี้หนังต้องเจองานหนักแน่นอนหากจะทำให้ได้เหมือนภาคแรก และก็ตามคาดภาคนี้เนื้อเรื่องอ่อนกว่าภาคแรกอยู่ระดับนึง แต่ที่บอกว่าอ่อนกว่าภาคแรกนี้บทหนังและเนื้อเรื่องในภาคนี้ไม่ได้แย่น่ะ แต่หากนำไปวัดกับภาคแรกเป็นรองอยู่นิดหน่อย หากจะให้เทียบก็อยู่ในระดับเดียวกันกับ DR. SEUSS' THE LORAX ที่ออกฉายไปเมื่อปีที่แล้ว คือหากให้บอกคือ ยกบทของภาคแรกไว้บนหิ้งไปเลย เพราะยังไงก็เทียบไม่ได้ แต่บทภาคนี้ไม่ได้แย่และไม่ได้ห่วยแค่สู้ภาคแรกไม่ได้เท่านั้นเอง


แต่หากจะบอกว่าที่เหลือที่จะอธิบายก็คงออกมาเหมือนเดิมคือสู้ภาคแรกไม่ได้ ล่ะก็ ..!! ไม่ใช่แน่นอนครับ บทก็เรื่องส่วนบท DESPICABLE ME 2 ก็มีสิ่งที่ภาคแรกทำไม่ได้และมาสานต่อในภาคนี้ได้อย่างลงตัวก็คือ ความสัมพันธ์และมิติของตัวละคร ก็เพราะภาคนี้ไม่ต้องไปเสียเวลาแนะนำตัวละครแต่เดินหน้าลุยกันไปเลย (เพราะงั้นหากจะไปดูภาคสองเลยรับรองงงแน่) เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของตัวกรูและลูกๆ ทั้งสามทั้ง มาร์โก้, อิดิธ และ แอ็กเนส พัฒนาไปอย่างที่เราคาดหวังในตอนจบภาคแรก กรูไม่ได้เป็นจอมวายร้ายอีกต่อไป เป็นคุณพ่อที่รักลูกสุดหัวใจ เรื่องราวในส่วนตรงนี้หนังสานต่อได้อย่างสุดยอด แถมสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือความรักของกรูกับลูซี่ ที่จับพลัดจับผลูต้องทำงานร่วมกัน จนก่อเกิดเป็นความรัก

ณ จุดตรงนี้หนังทำออกมาได้ดีมากถึงมากที่สุด แบ่งสรรกับเรื่องราวของกรูกับลูกๆ ได้อย่างลงตัว จุดๆ นี้หนังทำได้อย่างสุดยอดมากๆ เลยครับเรียกได้ว่ามองผ่านอย่างเห็นเรื่องราวของ กรู, ลูซี่, มาร์โก้, อิดิธ, แอ็กเนส ที่จะสานต่อใน DESPICABLE ME 3 แล้ว จุดต่อมาที่จะพูดถึงก็คือความสัมพันธ์ของกรูและสมุนตัวเหลืองสุดน่ารักอย่าง มีเนี่ยนส์ ในภาคนี้จะเห็นได้ว่ามีเนี่ยนส์มีความโดดเด่นมากขึ้นทุกๆ ฉากที่ปรากฏจะสร้างสิ่งที่คนดูรักตลอดและเรียกเสียงหัวเราะได้ตลอด และก็แน่นอนว่าขโมยซีนได้ทุกฉากทุกตอนที่โผล่บนจอ แต่เหนืออื่นใดถึงจะเด่นและขโมยซีนอย่างไร สิ่งที่ มีเนี่ยนส์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยก็คือ หัวใจที่ให้เจ้านายอย่างกรูแบบเต็มร้อย เป็นอีกหนึ่งเคมีที่หนังทำออกมาดีโดยตลอด


ถึงแม้ในหนังจะมีมีเนี่ยนส์หลายร้อยตัวในหนังแต่หนังก็ทำให้เรารักมีเนี่ยนส์ทุกตัวที่ปรากฏได้ รักขนาดที่ว่าแทรกเข้ามาเป็นอันดับ 1 ในดวงใจได้ง่ายๆ เลย แถมจะมี MINIONS ภาคแยกที่ตัว มีเนี่ยนส์ เป็นตัวเอกที่จะออกฉายปีหน้า ณ ตอนนี้ก็อยากดูแบบสุดๆ เลย, อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าตัวร้ายภาคแรกมีบทบาทเด่นเป็นอย่างมากหรือก็คือตัว เว็คเตอร์ (ให้เสียงโดย เจสัน ซีเกล) แต่พากย์นี้มีข้อเสียอย่างเดียวคือตัวร้ายหากไม่มีบทช่วงท้ายแทบจะสรุปว่าอีกนิดก็ประมาณตัวประกอบเลยน่ะ เอล มาโช่ (ให้เสียงโดย เบนจามิน แบรตต์ มาพากย์แทน อัล ปาชิโน่ ก่อนหนังฉาย 1 เดือน!!) แต่อย่างน้อยข้อดีที่ เอล มาโช่ ทำไว้คือมันมีอะไรต่อบทสรุปในตอนท้ายนอกนั้นก็ประมาณตัวประกอบอดทนสำหรับ เอล มาโช่

ประเด็นหลักของ DESPICABLE ME 2 หนังก็ยังวิ่งไปวิ่งมาที่เรื่องครอบครัวเหมือนในภาคแรกและอย่างที่บอกไปว่าเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เด่นเหมือนเดิมมีความรักเพิ่มเติมเข้ามา อาจจะไม่ได้มีอะไรใหม่แต่ยังใช้ได้เนียนเหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่ ดร. เนฟาริโอ้ บทไม่เยอะแต่มาทีก็สรุปคำว่าครอบครัวได้, การดำเนินเรื่องในภาคนี้ยังมีความสนุกตั้งแต่ฉากแรกยันเครดิตขึ้น คือสนุกตั้งแต่ขึ้นโลโก้ค่าย ILLUMINATION ENTERTAINMENT ที่มีมีเนี่ยนส์สองตัวมาแย่งซีนกัน ตลอดเรื่องก็ยังมีความสนุก แถมพอหนังจบยังมีอะไรแถมท้ายก่อนออกจากโรงอีก หนังเอาคนดูอยู่หมัดคุ้มค่าที่รอคอยมาสามปีและสนุกตั้งแต่ต้นยันจบเลยทีเดียว หนังล้อเลียนได้แบบเนียนมาก เช่นมีใส่เพลงสกอร์ประกอบหนัง PSYCHO ของ อัลเฟร็ด ฮิทช์ค็อค มาแบบเนียนๆ


กัด MISSION: IMPOSSIBLE แบบเบาๆ แถมหนังเองก็เก็บทุกมุก ฮาทุกมุก แต่จุดที่รู้สึกว่า หนังมันสุดๆ เก็บทุกมุก ขยี้ทุกมุกที่มี ขนาดที่ว่า พิกซาร์, ดรีมเวิร์ค, บลูสกาย, โซนี่อนิเมชั่น และทุกค่ายอนิเมชั่นไม่อาจกล้าทำและเลียนแบบได้คือการล้อเพลง!! ในช่วงท้ายของหนังหลังทุกอย่างเคลียร์เสร็จสิ้นหลังจบการเดท 147 ครั้งหนังล้อเพลงได้แบบฮาสุดๆ แบบนึกว่าหนังจะจบแล้วยังใส่ได้ขนาดนี้ก็คือเพลงแรก! การล้อเพลง I SWEAR ของวง ALL 4 ONE ได้แบบฮาหงายเงิบเป็น การหัวเราะแบบเซอร์ไพรซ์ได้แบบสุด ส่วนล้อแบบไหนต้องชมกันเอง เพลงต่อมาคือ Y.M.C.A. ที่เราน่าจะรู้จักกันดีของวง VILLAGE PEOPLE ที่ทำได้แบบเฮฮาและครึกครื้นแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้คุ้มค่าแบบสุดๆ ครับ ไม่เสียดายที่รอมาสามปี!!

มาที่ด้านองค์ประกอบที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาในหนังกันบ้างดีกว่า ผู้กำกับคู่หูอย่าง ปีแอร์ คอฟฟิน และ คริส เรไนด์ สานต่อเรื่องราวของตัวละครจากภาคแรกได้ดี มีจุดเซอร์ไพรซ์และสนุกได้อย่างลงตัว อาจจะพลาดไปนิดกับบทตัวร้ายที่ไม่ค่อยเด่นเท่าไร แต่การที่ทั้งสองเลือกที่จะส่งตัวอย่างหนังออกมาแค่สามตัวแถมแต่ละตัวก็ไม่รับรู้ว่าจะเจออะไรในภาคนี้ แถมเนื้อเรื่องก็ไม่บอกอะไรอีก “กรู, เหล่าสาวๆ ลูกเลี้ยงของกรู, ดร. เนฟาริโอ และบรรดาแก็งค์ขโมยซีน มีเนี่ยนส์ กลับมาพร้อมกับการมาของตัวละครใหม่!” แค่นี้เรียกได้ว่าคาดเดาไม่ได้หนังจะไปอย่างไหน แต่ถือเป็นอะไรที่ฉลาดมากกับการทำอย่างนี้เพราะจะเดาไม่ได้หนังจะเป็นอย่างไร


ด้านการให้เสียงพากย์เองผู้กำกับก็เอาอยู่กับการพากย์เสียงมีเนี่ยนส์ คอฟฟิน เอาอยู่กับการพากย์เสียง มีเนี่ยนส์ทั้งหมด 899 ตัว!! สตีฟ คาเรลล์ ยังโดดเด่นกับบทที่เขาบอกเองว่าเขาเกิดมาเพื่อพากย์กรูและในภาคนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ยังเด่นเหมือนเดิม นอกนั้น รัสเซลล์ แบรนด์ (ดร. เนฟาริโอ้), มิรันด้า ครอสโกรฟ (มาร์โก้), ดาน่า ไกเออร์ (อิดิธ), เอลซี่ ฟิเชอร์ (แอ็กเนส) ยังทำหน้าที่ได้ดีเหมือนในภาคแรก ส่วนหน้าใหม่แต่พากย์มาแล้วในภาคแรกอย่าง คริสเทน วิกก์ (ลูซี่) เด่นเหลือเกินกับการพากย์ เซอร์ไพรซ์ประมาณนึงกับ เคน จอง (ฟลอยด์คนขายวิก) และ สตีฟ คูแกน (ไซลัส แรมส์บอตท่อม) แต่ไม่พูดไม่ได้คือ เบนจามิน แบรตต์ ทำได้ดีกับบท เอล มาโช่ แม้จะมีเวลาพากย์นิดหน่อยก็ตาม

ด้านภาพรอบที่ได้ดูคือ IMAX ในระบบ 3มิติ มันดีอยู่แล้วกับการได้ดูจอใหญ่ๆ ในแบบ IMAX ซึ่ง IMAX ก็ตอบโจทย์ตัวหนังได้ดีและเด่นมากภาพคมชัด สว่างมาก แถมภาพที่หนังใช้คือ 1.85 : 1 ซึ่งทำให้สัดส่วน IMAX รองรับภาพได้ดีมาก หากไม่เกินไป ควรจัดแบบ IMAX ครับ ด้าน 3มิติหนังใช้ได้คุ้มค่าสีสันสวยงามมีความลึกและความนูนอย่างเห็นได้ชัด ทะลุจอมาก หนังใช้ 3มิติได้คุ้มค่ามาก ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็น IMAX หรือเปล่าน่ะเลยดีกว่าระบบปกติ ต่อมาคือ ด้านระบบเสียงอาจจะไม่ได้ดีมากหากให้เทียบกับหนังคนแสดงอะไรจำพวกนี้ก็เพราะเป็นอนิเมชั่นแต่ระบบเสียงหนังก็ทำได้ดี เพราะงั้นขอบอกสั้นๆ IMAX ชนะเลิศครับ...

สรุป
DESPICABLE ME 2 ดำเนินเรื่องและสานต่อภาคแรกได้อย่างไม่มีตกหล่น อาจจะมีเรื่องบทที่สู้ไม่ได้ แต่ความสนุกไม่ได้แพ้กันเลยแม้แต่นิด อาจจะพลาดเรื่องตัวร้ายเล็กน้อย แต่ได้ความโดดเด่นของ มีเนี่ยนส์ มาแทนก็ไม่ได้เสียหายอะไร ทำให้รักมีเนี่ยนส์เต็มสี่ห้องหัวใจไปเลยตอนนี้ หนังสนุกและ 3มิติก็ดีและจะยิ่งดีมากขึ้นหากได้จัดแบบ IMAX!! แถมตอนนี้ก็อยากชม MINIONS ในปีหน้าแบบสุดๆ แล้ว!!”


ความยาวทั้งหมด 98 นาที
คะแนน 9.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger