วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

MARVEL'S AVENGERS: AGE OF ULTRON


MARVEL'S AVENGERS: AGE OF ULTRON / อเวนเจอร์ส: มหาศึกอัลตรอนถล่มโลก


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : MARVEL STUDIOS
ผู้กำกับ : จอสส์ วีดอน (MARVEL'S THE AVENGERS)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ยุคสมัยแห่งอัลตรอน! อีเวนท์พิเศษสุดยิ่งใหญ่จากทางมาร์เวล..!”


เพียงแค่เปิดฉากแรกของหนังที่กินเวลาเกือบๆ 15-20 นาทีที่บรรดาทีมอเวนเจอร์สบุกถล่มฐานทัพของ บารอน สตรัคเกอร์ หนึ่งในเฮดใหญ่สำคัญของ ไฮดร้า ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า วันเวลาที่รอคอยมาอย่างยาวนานนั้นก็ได้สิ้นสุดลงแล้วกับหนังที่นับว่าเป็นบทสรุปสุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุดเพราะว่ายังเหลือมนุษย์มด ANT-MAN ที่เป็นหนังปิดซึ่งจะฉายอีกสองเดือนข้างหน้านี้) ของเฟสที่ 2 ของจักรวาลภาพยนตร์ของ มาร์เวล ซึ่งในภาคนี้ "MARVEL'S AVENGERS: AGE OF ULTRON" ทีม อเวนเจอร์ส จะต้องปะทะกับ อัลตรอน (พากย์เสียงโดย เจมส์ สเปเดอร์) พร้อมกันหนังยังเพิ่มตัวละครใหม่อย่าง ควิกซิลเวอร์, สการ์เล็ทวิทช์ และ วิชั่น ให้แฟนๆ ได้ตื่นเต้นด้วย!..

AGE OF ULTRON ถ้ามองว่าหนังเป็นหนังที่ถือเป็นภาคต่อของ CAPTAIN AMERICA: THE WINTER SOLDIER (หรือแม้แต่ AGENTS OF S.H.I.E.L.D. ก็ถือว่าไม่ผิดนัก) แต่หนังก็เป็นภาคต่อได้แค่ 20 นาทีเพราะที่เหลืออีกสองชั่วโมงเต็มๆ นั้นจะมองว่าทางด้านของ AGE OF ULTRON ถ้าเปรียบเป็นคอมิคส์ก็คงไม่ต่างอะไรกับอีเวนท์ใหญ่ประจำปีก็ว่าได้ โดยที่ไม่ได้เกี่ยวกับหนังที่ผ่านมาของเฟสที่ 2 เลยแม้แต่น้อย (ขนาดประเด็นใหญ่ๆ อย่างหน่วย ชิลด์ ล่มสลายใน CAPTAIN AMERICA: THE WINTER SOLDIER หนังนั้นก็ไม่ได้พูดถึงมากเท่าไรน่ะ) ทำให้เรามอง AVENGERS: AGE OF ULTRON เปรียบได้กับเป็นอีเวนท์ใหญ่ประจำปีของคอมิคส์มากกว่า


กับตัวหนังบ้าง มาร์เวล ยืนยันว่าหนังนั้นมี รันไทม์ ทั้งหมด 141 นาที (น้อยกว่าภาคแรก 2 นาที) แต่ถ้าตัดลบเอนด์เครดิตไปหนังน่าจะเหลือเวลาประมาณแค่ 134 นาที ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยครับว่าหนังดำเนินเรื่องได้รวดเร็วไม่มีประวิงเวลากับคนดูจริงๆ และไม่ให้คนดูได้พักหายใจแม้แต่ 'วินาที' เดียว!! ซึ่งหนังก็เดินเรื่องได้เร็วตามที่กล่าวไว้ ซึ่งในภาพรวมถือว่าหนังทำออกมาได้กระชับดี แต่ ซึ่งถ้าเทียบกับภาคแรกนั้นมันก็แตกต่างกันอยู่พอสมควร อย่างใน AGE OF ULTRON การดำเนินเรื่องเร็วๆ มันก็ดีคนดูก็จะได้สนุกไปกับหนังได้ตลอดเวลา แต่ข้อเสียใหญ่ๆ ก็นั่นแหละคือหนังดำเนินเรื่องเร็ว แต่กลับไม่สามารถขยี้จุดต่างๆ ที่หนังวางไว้ระหว่างทางได้?

จะพูดว่าหนังรวบรัดตัดตอนก็ว่าได้น่ะ แบบที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใหญ่ๆ เลยก็คือ [จากนี้มีสปอยล์แล้วน่ะ] อย่างเช่นทางด้านของตัว อัลตรอน หลังจากถล่มอเวนเจอร์ส ทาวเวอร์ แล้วหนังไม่ได้อธิบายให้ชัดๆ ว่า อัลตรอน ไปพัฒนาตนโดยอะไรบ้างอยู่ดีๆ ก็กลายเป็น อัลตรอน ไพรม์ (จะมี อัลติเมท อัลตรอน อีก) ซะงั้น (เหมือนหนังจะบอกว่ามีหุ่นเปล่าอยู่แต่เราอยากรู้ว่าอัลตรอนพัฒนายังไง) อีกจุดเลยก็คือ อัลตรอน ไปติดต่อกับแฝดแม็กซิมอฟฟ์กันอีท่าไหน (หนังก็อธิบายอยู่นิดหน่อยน่ะแต่สำหรับเรามันไม่เคลียร์เท่าไร) ซึ่งถ้าเทียบกับภาคแรกต้องยอมรับว่า AGE OF ULTRON เสียเปรียบในจุดๆ นี้จริงครับ เพราะภาคแรกเคลียร์ประเด็นต่างๆ ได้หมด ไม่มีอะไรต้องค้างคา ยกเว้นอารมณ์อยากดูหนังเรื่องอื่นๆ ต่อ)


อีกจุดที่หนังตีไม่แตกก็คือการเกลี่ยบทหรือสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครครับ หรือการเข้ามามีบทของตัวละครใหม่ๆ ที่บางตัวมาแบบขอไปที โอเคต้องยอมรับว่าภาคแรกตัวละครมันไม่ได้เยอะเท่านี้ หนังภาคแรกเลยแบ่งบทได้ลงตัว ยกเว้นก็แค่ ฮอว์คอาย ที่ไม่เด่นแม้แต่น้อย (ก็เลยไม่รู้ว่าภาคนี้ จอสส์ วีดอน จะไถ่บาปขอโทษต่อแฟนๆ ฮอว์คอาย และ เจเรมี่ เรนเนอร์ ที่มีอยู่ทั่ว Around the World หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้เพราะในภาคนี้ AGE OF ULTRON นี้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าตัวละครที่เด่นที่สุดเลยต้องยกให้กับพ่อฮอว์คอายของ เจเรมี่ เรนเนอร์ เนี่ยล่ะ เด่นขนาดไหน ก็ถ้าเปลี่ยนชื่อหนังเป็น AVENGERS: AGE OF HAWKEYE เราก็ไม่ตกใจน่ะ เด่นที่สุดในเรื่องแล้วจริงๆ เด่นกว่า อัลตรอน ตัวร้ายของเรื่องอีกน่ะบางที)

นอกนั้นทั้ง ไออ้อนแมน, กัปตันอเมริกา, ธอร์ ก็มีบทบาทพอประมาณ (ในสามบิ๊กทรีนี้คนที่ดูจะบทน้อยที่สุดก็คงเป็นธอร์) ก็มีบทบาทให้สาวกชื่นใจพอหอมปากหอมคอพอประมาณ ซึ่งบทก็ไม่ได้เด่นเหมือนภาคที่แล้ว ส่วน บรูซ แบนเนอร์ (มาร์ค รัฟฟาโล่) กับ นาตาชา / แบล็ควิโดว์ (สการ์เล็ต โจแฮนสัน) ถือว่ามีบทบาทที่เด่นมากในหนังหนัง และในส่วนของ ปิเอโตร (แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) กับ แวนด้า (เอลิซาเบธ โอลเซ่น) ถือเป็นตัวละครใหม่ที่เข้ามาสร้างสีสันได้เป็นอย่างมากในอีเวนท์พิเศษนี้ โดยเฉพาะพ่อควิกซิลเวอร์ นี่จัดว่าเด่นพอสมควร มีบทบาทต่อเนื้อเรื่องไม่แพ้ทางด้าน ควิกซิลเวอร์ ใน X-MEN: DAYS OF FUTURE PAST เลยทีเดียว เรียกว่ากินกันไม่ลงเลย ส่วน วิชั่น นี่ไม่ขอพูดไปตามกันในหนังเอาเอง


และก็มาถึงคนที่อยากจะพูดสุดๆ นั่นก็คือ ยูลิซี่ย์ คลอว์ (แอนดี้ เซอร์คิส) ถ้าไม่นับว่าเป็นตัวละครที่มีเพื่อแนะนำอาณาจักรวากานด้าของ แบล็คแพนเธอร์ ก็ไม่รู้ว่าจะมีไปเพื่ออะไรน่ะ เพราะมีบทแค่เป็นพ่อค้าขาย ไวเบรเนี่ยม ที่ อัลตรอน ต้องการ นอกนั้นก็มาเพื่อให้อัลตรอนตัดแขนจะได้ติดอาวุธที่แขนเหมือนในคอมิคส์เท่านั้นล่ะน่ะ -- ส่วนการดำเนินนั้นมองว่าหนังทำออกมาแนวหนังสายลับจำพวก MISSION: IMPOSSIBLE, SKYFALL ที่ทีมอเวนเจอร์สต้องวิ่งและออกปฏิบัติการปกป้องโลกไล่ล่าและหยุดแผนการร้ายของตัวร้าย ซึ่งในที่นี้เป็นทางด้านของ อัลตรอน นั่นเอง โดยที่ทีมอเวนเจอร์สต้องออกลุยไปทั่วโลกเพื่อไล่หยุดภารกิจอันของ อัลตรอน ครับ อย่างทำลายล้างมนุษย์นั่นเอง

หนังก็อาจจะมีข้อเสียบ้างล่ะน่ะ เราก็ต้องไปดูฉบับที่แก้ไขของ มาร์เวล ใน DVD และ BD ของ AGE OF ULTRON แทนตามที่ จอสส์ วีดอน บอกล่ะน่ะ ซึ่งจะมีความยาวถึง 180 นาทีเลยทีเดียว ก็เพราะว่าหนังไม่สามารถฉายในโรงถึง 180 นาทีได้นั่นเอง อันนี้ก็ต้องเข้าใจ (เพราะมันจะทำให้หนังมีรอบฉายน้อยและส่งผลต่อการทำเงิน) สำหรับผมเลยน่ะมองว่า MARVEL'S AVENGERS: AGE OF ULTRON เนี่ยถือเป็นหนังที่ปูเนื้อเรื่องไปสู่ CAPTAIN AMERICA: CIVIL WAR และ THOR: RAGNAROK มากกว่าน่ะบางทีเรียกว่าเป็นภาคต้นก็ได้


มาถึงไฮไลท์สำคัญ (อ่านมาตั้งนานเพิ่งถึงไฮไลท์!) นั่นก็คือ 'ฉากแอ็คชั่น' นั่นเองครับ คือภาคนี้ขนฉากแอ็คชั่นมาเต็มครับ (และแค่บางฉากยังใหญ่ระดับฉากถล่ม นิวยอร์ค ในภาคแรกด้วยซ้ำ) อย่างน้อยก็สี่ฉาก ซึ่งทุกฉากใหญ่มาก ไล่ตั้งแต่ ฉากที่ทีมอเวนเจอร์สบุกฐานของไฮดร้าตอนฉากเปิดเรื่องนั่นเอง ต่อมาก็คือฉากที่ อัลตรอน และ ไออ้อนลีเจี่ยน ลุยกับ สมาชิกทีมอเวนเจอร์ส อีกฉากคือฉากที่ลุยกันที่เรือของยูลิซีย์และตีกันในบางประเทศของแอฟริก้า ซึ่งในฉายนี้ถือว่าจัดเต็มกันสุดๆ เลย โดยเฉพาะไฮไลท์ของภาคนี้ฉากที่ ไออ้อนแมน ในชุด เวโรนิก้า เอ้ย ฮัลค์บัสเตอร์ ปะทะกับ ฮัลค์ ซึ่งฉากนี้ทำได้วินาศสันตะไรสุดๆ เลยทีเดียว

อีกฉากก็คือฉากไล่ล่าใน เกาหลีใต้ อันนี้ แคปสู้กับอัลตรอนครับ ก่อนที่จะดำเนินเรื่องไปสู่ฉากแอ็คชั่นสุดท้ายที่ใหญ่โตและก็จัดว่าเข้าขั้นอลังการมากๆ โดยเฉพาะฉากนี้กินเวลาเฉียดๆ 30 นาทีได้ ซึ่งขอบอกเลยว่าทุกฉากนั้นทำออกมาได้โคตรบิดาโคตรมารดาของคำว่ามันส์ นอนสต็อป แอ็คชั่นระดับเดียวกับหนังตระกูล ฟาสท์ ก็ไม่ปาน จะติดก็แค่บทของ อัลตรอน ที่ปูมาทั้งเรื่องนั้นมันจะจบก็จบง่ายมากๆ เท่านั้นเอง -- โอเคขอสรุปเดียวจะเขียนเละเทะไปมากกว่านี้ สำหรับคอมาร์เวลหรือใครก็ตามที่ติดตามชมหนังมาร์เวลมาครับทุกเรื่องสรุปว่านี่เป็นหนังที่ต้องดูและห้ามพลาดครับ และขอการันตีเลยว่าในระบบ IMAX จะมอบความบันเทิงเต็มรูปแบบให้คุณครับ ปล. มุกตลกจัดเต็มไม่บันยะบันยัง ตามสไตล์ มาร์เวล เหมือนเดิม จัดเต็มและฮาสุด เซอร์ไพรซ์แต่ละมุกได้ตลอดเวลา...


ความยาวทั้งหมด 141 นาที
คะแนน 8.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger