THE PURGE: ELECTION YEAR / คืนอำมหิต: ปีเลือกตั้งโหด
ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : BLUMHOUSE PRODUCTIONS, PLATINUM DUNES
ผู้กำกับ : เจมส์ เดโมนาโก (THE PURGE, THE PURGE: ANARCHY)
ประเภทของหนัง : HORROR | SCI-FI | THRILLER
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ยินดีต้อนรับสู่คืนล้างบาปหนที่สาม! ปีเลือกตั้งเลือด!!!”
หลังทิ้งช่วงหายไปสองปี และแล้วในที่สุดคืนล้างบาปก็กลับมาเป็นหนที่สามกับ “THE PURGE: ELECTION YEAR” ที่ยังคงได้ เจมส์ เดโมนาโก กลับมากำกับเป็นหนที่สาม โดยที่ภาคที่สามนี้เนื้อหาได้ก้าวไปไกลกว่าสองภาคก่อนหน้า โดยที่เนื้อหาหลักๆ ในภาคนี้จะเล่าเรื่อง คืนล้างบาป ที่คาบเกี่ยวในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา โดยที่ วุฒิสภาหญิง ชาร์ลี โรน (เอลิซาเบธ มิทเชลล์) ตัวเต็งที่จะได้เป็น ปธน ที่ชูโครงการยกเลิกคืนล้างบาป แต่นั้นมันก็ไปขัดขากับอีกฝ่ายที่สนับสนุนคืนล้างบาป ทำให้ได้มีการออกกฏพิเศษให้สามารถล้างบาปกับวุฒิสภาได้แบบไม่ผิด เพื่อตัดตอนเธอทิ้งไป แต่ถึงกระนั้น บอดี้การ์ดของเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น ลีโอ (แฟรงค์ กริลโล่) ตัวเอกจากภาค THE PURGE: ANARCHY นั่นเอง!!
อย่างที่บอกไปครับว่าภาค ELECTION YEAR นี้เนื้อหาได้ก้าวไปไกลกว่าสองภาคก่อนหน้า คือเนื้อหาภาคนี้มันได้ขยับขยายไปไกลกว่าและเล่นใหญ่โตกว่าทุกภาค คือมันไม่ใช่แค่คืนล้างบาปในบ้านหนึ่งหลัง มันไม่ใช่แค่คืนล้างบาปในเมืองๆ หนึ่ง แต่มันเป็นคืนล้างบาปที่เอาอนาคตของคืนล้างบาปเป็นเดิมพัน (และรวมถึงอนาคตแฟรนไชส์ด้วย) ซึ่งนั่นเองที่จะทำให้เราจะได้เห็นมุมที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในโลกของ เดอะ เพิร์จ แถมภาคนี้เองก็อินเทรนด์เข้ากับกระแสการเมืองสหรัฐพอดิบพอดีด้วย ที่ปีนี้ดันมีการชิงชัยตำแหน่ง ประธานาธิบดี พอดี เลยได้เห็นการเสียดสีเรื่องการเลือกตั้งอยู่หน่อยๆ
ขอบอกเลยว่าชอบจริงๆ นะภาค ELECTION YEAR นี้ที่เอาเกมการเมืองมาผนวกเข้ากับเนื้อหาคืนล้างบาปของ เดอะ เพิร์จ เนื้อหามันก็เลยไปไกลกว่าทั้งสองภาคที่ผ่านมาพอสมควร แถมยังได้เห็นมุมอื่นๆ ที่สองภาคก่อนหน้าไม่ได้เล่น อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยว ในภาคนี้มีการพูดถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเพื่อล้างบาปโดยเฉพาะ รวมถึงได้เห็นกลุ่มที่สนับสนุนคืนล้างบาปด้วย เป็นมุมที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในสองภาคที่ผ่านมา แถมเหตุผลในส่วนที่ โรน ต้องการล้มเลิกคืนล้างบาปเองก็สมเหตุสมผลพอสมควร มีน้ำหนักมากพอ ที่ตอนเด็กเธอรอดจากการถูกฆ่ายกครัว ทำให้เธอมีปณิทานแน่วแน่ในการเลิก เดอะ เพิร์จ
พูดถึงการเล่าเรื่องในภาคนี้หน่อย ตัวละครหลักเลยก็มี ลีโอ ของ กริลโล่ และ โรน ของ มิทเชลล์ แต่มันก็มีอีกสองถึงสามตัวละครที่เข้ามาเพิ่มสีสันให้กับเนื้อหาได้แก่ โจ (ไมเคลติ วิลเลี่ยมสัน), มาร์โกส์ (โจเซฟ จูเลี่ยน โซเรีย) และก็ เลนีย์ (เบ็ตตี้ เกเบรียล) เป็นสามตัวละครที่เพิ่มเข้ามาแต่ก็มีส่วนต่อเนื้อหาที่เล่นใหญ่ในภาคนี้มาก แถมตัวละครเคมีก็เข้ากันรับส่งได้อย่างลงตัว แต่ที่สำคัญเลยพวกนี้ไม่ได้งอมืองอเท้ารอโดนฆ่ารอให้ช่วย ลุยกับ ลีโอ ตั้งแต่ต้น ซึ่งทำให้เราชอบทีมในภาคสามนี้มากกว่าภาคสองพอสมควรเลย แถมภาคนี้ตัวละคร ลีโอ ของ แฟรงค์ กริลโล่ เท่ระดับวัวตายควายล้มมาก ภาคนี้ตัวละครที่แกเล่นไม่ได้เก่งโอเว่อร์แบบภาคที่แล้ว มีแอบทำให้คนดูมีแอบลุ้นมีเอาใจช่วยให้แกรอดจนจบเรื่องด้วย
ข้อเสียของภาคนี้อาจจะมีอยู่นิดหน่อยที่ช่วงปลายๆ องก์ที่สองที่หนังทำตัวน่าเบื่อไปนิด (เป็นช่วงที่ตัวละครได้พักหายใจหลังผ่านวิบากกรรมมาพอสมควร) แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้หนักหนาสาหัสเท่ากับภาค ANARCHY แถมตัวหนังเองก็สร้างความสนุก ความระทึก ความกดดัด ได้ตั้งแต่ต้น มันก็เลยพอกลบๆ จุดที่มันน่าเบื่อไปได้ สรุปเลยสำหรับภาคนี้ สนุกครับ สนุกเลยล่ะครับ สำหรับผมน่ะชอบภาค ELECTION YEAR นี้มากกว่าภาค ANARCHY ในระดับนึง แต่ยังชอบไม่เท่ากับ THE PURGE ภาคแรก แต่ถึงกระนั้นก็ดูสนุกพอสมควรเลย
หนังเองก็ยังคงรักษาธีมเดิมๆ เสน่ห์เดิมๆ สำหรับจุดเด่นของแฟรนไชส์ เดอะ เพิร์จ ก็คือการล้างบาปไว้ได้ ภาคนี้ฉากล้างบาป (ฆ่านั่นแหละ) หลายๆ ฉากทำได้สาแก่ใจคนดูดี (อาจจะมีสปอยล์นะต่อจากนี้) ที่ชอบมากๆ ก็คือ มันจะมีตัวละครสองกลุ่มในเรื่องที่โดนล้างบาปได้สะใจมากๆ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวสเปน (ไอ้กลุ่มที่อยู่บนโปสเตอร์นี้นั่นแหละ) กับอีสาวแรดแก่แดด สองกลุ่มนี้โดนล้างบาปได้โคตรสาแก่ใจคนดูมากๆ!, สุดท้ายแล้วภาค ELECTION YEAR นี้เรื่องราวก็จบได้ลงตัวในส่วนของมันครับ แต่หนังเองก็ทิ้งเชื้อไว้พอสมควร เป็นการจบที่ทิ้งเชื่อให้ไปเล่นภาคที่สี่ได้เลย และมันคงเล่นใหญ่กว่าภาคนี้พอตัวเลย...
ความยาวทั้งหมด 105 นาที
คะแนน 8/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น