วันเสาร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556

OBLIVION


OBLIVION / อุบัติการณ์โลกลืม


ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : UNIVERSAL PICTURES, RADICAL PICTURES
ผู้กำกับ : โจเซฟ โคซินสกี้ (TRON: LEGACY)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI 

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ไซไฟล้ำอนาคตที่โดดเด่นมีสไตล์ของตัว 
และโดดเด่นด้านศิลป์, องค์ประกอบ, เอฟเฟกต์ และ ดนตรี!!”


OBLIVION เป็นผลงานคอมิคส์หรือเรียกอย่างหรูๆ ว่า นิยายภาพของ โจเซฟ โคซินสกี้ หรือที่รู้จักกันดีในฐานะผู้กำกับของหนังไซไฟภาพสุดเยี่ยมอย่าง TRON: Legacy ซึ่งด้วยความพยายามของโคซินสกี้ นิยายภาพเรื่องนี้ก็ได้ก้าวสู่ฉบับภาพยนตร์ภายใต้การโปรดิวซ์ของ ดีแลน คลาร์ก แห่ง Rise of the Planet of the Apes และได้นักแสดงหล่ออมตะระดับแม่เหล็กตัวพ่อของวงการอย่าง ทอม ครูซ มารับบทนำในหนัง สมทบด้วย มอร์แกน ฟรีแมน, โอลก้า คูรี่เลนโก้, อันเดรีย ไรส์โบโร่ห์ สมทบด้วย เมลิสซ่า ลีโอ งานนี้ผู้กำกับของหนังก็ไม่ใช่ใครอื่นเจ้าของนิยายภาพผู้แต่งเรื่อง โจเซฟ โคซินสกี้ นั่นเอง และนอกจากนี้ยังได้ ไมเคิล อาร์นท์ มือเขียนบทจาก Star Wars: Episode VII มาเป็นผู้เขียนบทร่วมด้วย

สำหรับเรื่องราวของ OBLIVION จะประมาณนี้ครับ “ในโลกอนาคตที่พัฒนาไปจนจำอดีตไม่ได้, ศาลทหารส่งทหารผ่านศึกไปยังดาวเคราะห์แสนห่างไกลเพื่อไปทำลายศากของเอเลี่ยน ชายหนึ่งคนต้องเผชิญหน้าของการมาถึงที่ไม่คาดคิดชายคนนั้นจึงมีคำถามในใจถึงภารกิจและหน้าที่ที่ได้รับของตัวเอง นี่คือเรื่องราวการผจญภัย, การเอาคืน, การค้นพบ ในการต่อสู้ที่มีความอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ” นี่คือเรื่องราวสั้นๆ ย่อๆ ของหนังครับ


ต้องบอกเลยว่างานนี้ OBLIVION คืองานหนังที่เป็นแนวที่เรียกว่า ดราม่า, ไซไฟ และ โรแมนติค ผสมกันครับ เพราะธีมหลักและประเด็นหลักของเรื่องจะวนเวียนอยู่ที่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อมวลมนุษย์และความทรงจำของตัว แจ็ค ฮาร์เปอร์ ตัวนำหลักของเรื่องครับ ดั่งแท็กไลน์ในโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ "EARTH IS A MEMORY WORTH FIGHTING FOR" หรือแปลไปไทยได้ประมาณว่า "โลกคือความทรงจำ มีค่าพอให้เราต่อสู้" เพราะตลอดเรื่องของหนังจะวกวนอยู่ที่อดีตและหน้าที่ และปริศนาว่าแจ็คเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงโดนลบความทรงจำ อยู่ตลอดเวลา กับการเปิดเรื่องด้วยตัวละครหลักเพียงสองตัวอย่าง แจ็ค และ วิคตอเรีย ซึ่งในช่วงต้นเรื่องหนังจะถ่ายทอดเรื่องราวว่าแจ็คมีความทรงจำเก่าๆ ขึ้นมาในหัวตลอด และก็ทิ้งไว้เพียงแค่นั้น

ก่อนที่หนังจะดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ และนำตัว แจ็ค ไปพบเจอเรื่องราวใหม่ได้พบเจอ จูเลีย หญิงสาวปริศนาที่จะนำพาอดีตของแจ็คกลับมา ซึ่งพอถึงจุดนี้หนังเริ่มเข้าสู่เรื่องราวของคำว่า โรแมนติคในแบบรักสามเศร้าซึ่งจะเป็นเรื่องราวพาไปสู่บทสรุปในช่วงท้ายๆ เรื่องของหนัง แต่นั้นอาจจะเป็นเพียงส่วนย่อยเล็กๆ เพราะตัวละครที่เปลี่ยนเรื่องราวก็คือ บีช หัวหน้าฝ่ายศัตรู? ที่จะมาเป็นคนพลิกเรื่องราวของหนังจากจุดหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่งซึ่งหลังจากแนะนำให้รู้จักบีชแล้วคำว่าไซไฟที่หนังนำเสนอมาก่อนหน้าจะกลายเป็นเด็กๆ ไปเลย เพราะจะกลายเป็นงานที่เรียกได้ว่า ไซไฟแบบเต็มรูปแบบเหนือกว่าไซไฟของ TRON: Legacy ซะอีก เพราะไม่ได้เป็นเพียงหนังแอ็คชั่นที่มีไซไฟเท่านั้น


หนังยังมีประเด็นเรื่องราวที่เมื่อหนังจบอาจจะมีประเด็นให้ถกต่อกันไปอีกด้วยคล้ายๆ กับประเด็นใน PROMETHEUS ที่อันนั้นว่าด้วยไซไฟเทพเจ้าแต่อันนี้ว่าด้วยไซไฟกับหน้าที่และชีวิตโดยเฉพาะกับตัวของแจ็คเอง ซึ่งแหกกฏแหกคำสั่งแหกนิสัยและทำหน้าที่เหนือคำสั่งว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นและทำไมกลายเป็นอย่างนี้ได้, จากที่กล่าวมาอย่างที่รู้กันว่าหนังเป็นไซไฟล้ำอนาคต แต่กว่าหนังจะกลายเป็นไซไฟล้ำอนาคตในช่วงหลังของเรื่องได้หนังก็มีจุดเสียอยู่พอสมควรเพราะกว่าจะถึงความสนุกได้หนังก็เสียเวลากับการเล่าเรื่องกับประเด็นที่ไม่สำคัญหลายๆ ส่วนพอสมควรและไม่เข้าใจอยู่บ้างว่าทำเพื่ออะไรทำทำไม และดำเนินเรื่องช้าๆ ไปบ้างในครึ่งแรกของหนังก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นการดำเนินเรื่องของหนังให้เร็วแบบสนุกสุดๆ

มิติของตัวละครงานนี้ทุกอย่างต้องมุ่งไปที่ตัวแจ็คมากพอสมควรและกับการใส่ภาพต่างๆ ที่หนังมักจะถ่ายไปที่ตัวแจ็ค ภาพที่แจ็คแปะ หรือ เลข 42 สีน้ำเงินบนเสื้อของแจ็คซึ่งจะมีความสำคัญในช่วงกลางๆ เรื่องค่อนไปปลายๆ เรื่อง ซึ่งมิติตัวละครของแจ็คมีความแปลกมากพอสมควรเพราะเป็นพวกบ้าเก็บของเก่าของที่ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่เก็บมาก่อน (คล้ายๆ ตัว R ใน WARM BODIES ที่บ้าเก็บของ) และบ้าอ่านหนังสือซึ่งเหมือนในหัวมีอะไรบางอย่างอยู่แต่หาคำตอบไม่ได้ซึ่งเมื่อหนังนำเสนอแจ็คมากๆ และถึงจุดๆ หนึ่งจะทำให้อ้าปากค้างกันได้ไม่อยากและคลายข้อสงสัยว่าทำไมเพราะเหตุใดทำไมแจ็คถึงมีอะไรบางอย่างแปลกๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีความทรงจำ!? ทำให้หนังกลายเป็นงานดราม่าไซไฟที่เหนือชั้นอยู่พอสมควร


โจเซฟ โคซินสกี้ ถ่ายทอดเรื่องราวไซไฟของหนังได้ออกมาดีมากครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีมุกตลกเข้ามาแทรกเบรคอารมณ์ดราม่ามากกว่านี้ครับ แต่ในส่วนการเล่าเรื่องโคซินสกี้ทำออกมาได้ดีพอประมาณหนึ่งพัฒนามากขึ้นกว่า TRON: Legacy เพราะงานนั้นมีหลายส่วนที่ทำงงอยู่พอสมควรแต่ใน OBLIVION ไม่ได้ทำงงแต่แค่ทำให้สงสัยเท่านั้นครับ โดยรวมโคซินสกี้ก็ถ่ายทอดนิยายภาพของตัวเองให้กลายเป็นหนังได้ดีครับ แต่ประเด็นหลักที่หนังนำมาเป็นจุดขายเลยก็คือ งานด้านภาพและเอฟเฟกต์ CG และการออกแบบโลกที่ล่มสลาย และอุปกรณ์ล้ำๆ ทั้งหลาย ที่ต่อยอด CG มาจาก TRON: Legacy ที่หนังนำมาเป็นจุดขายของหนัง ต้องบอกอย่างนี้หนังถ่ายทำด้วยระบบความชัดแบบ 4K ซึ่งจะให้รายละเอียดภาพที่สูงมาก

ซึ่งผลที่ตามมาคือฉากต่างๆ ในหนังมีความอลังการและสวยงามมากเป็นพิเศษกับโลเกชั่นในไอซ์แลนด์ที่สวยงามมากๆ และนำเสนอภาพโลกที่ล่มสลายจนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ โดยไม่ต้องมี 3มิติ มาช่วยหนัง ซึ่งเอาจริงๆ หากมีโอกาศได้ดูเบื้องหลังของหนังแล้วจะพบว่าการถ่ายทำเป็นแบบที่ไม่มีใครกล้านำมาใช้กับการไม่ค่อยได้ใช้บลูสกรีนแต่สร้างกันขึ้นมาจริงอย่างฉากหอบังคับการณ์นั้นแหละครับ และอีกอย่างที่โดดเด่นคือ การออกแบบอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งยาน บับเบิ้ล ที่แจ็คใช้, ยานโดรน ที่ทำออกมาได้ดี บวกกับ เอฟเฟกต์ที่เหนือชั้นมากๆ งานนี้ได้แต่พูดได้ง่ายๆ ว่า "มันสุดยอด" มากครับและสวยงามมากจริงๆ


อีกอย่างที่ทำออกมาได้ดีมากๆ คือทางด้านของเพลงสกอร์ครับซึ่งใน OBLIVION ได้ M83 หรือ M.8.3 แล้วแต่จะเรียกมาทำเพลงสกอร์ให้ซึ่งผู้เขียนมีโอกาศได้ฟังก่อนไปชมหนังอยู่เป็นสัปดาห์ซึ่งก็บอกได้ว่าทำออมาได้อลังการและทรงพลังมาก แต่เมื่อได้ฟังในหนังแล้วต้องบอกเลยว่างานนี้ทรงพลังยิ่งกว่าเมื่อมีไปอยู่ในฉากจริงๆ เป็นส่วนยกระดับหนังให้ไปอีกขั้นได้ นี่คือส่วนสำคัญของหนังและเป็นส่วนสำคัญของโคซินสกี้เหมือนตอน TRON: Legacy ที่ได้ Daft Punk มาทำเพลงประกอบให้ มีสไตล์สกอร์ที่ไม่เหมือนใครมากใน OBLIVION เพราะเป็นแนวอีเล็กโทรนิดๆ ผมเครื่องเสียงต่างๆ มีความโดดเด่นมากกว่าหนังไซไฟหลายๆ เรื่องครับ, การแสดงสั้น ทอม ครูซ เล่นดีครับ มอร์แกน ฟรีแมน ก็เล่นดีแม้จะไม่เยอะเท่าครูซแต่ก็ยกระดับหนังได้ แต่ที่ขโมยซีนคงไม่พ้น บ็อบ..!!


ความยาวทั้งหมด 126 นาที
คะแนน 8/10

1 ความคิดเห็น:

  1. งานของ โคซินสกี้ นี่ผมชอบมากๆเลยครับ ในอนาคตอยากให้มีแนวไซไฟออกมาให้อ่านกันอีกเยอะๆ

    ตอบลบ

Powered By Blogger