วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

POINT BREAK


POINT BREAK / ปล้นข้ามโคตร


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ALCON ENTERTAINMENT, DMG ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : เอริคสัน คอร์ (INVICIBLE)
ประเภทของหนัง : ACTION | CRIME | SPORT

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง


คือถ้าไม่ติดภาพจำที่ว่า จอห์นนี่ ยูท่าห์ ต้องเป็น คีอานู รีฟส์ และ โบดี้ ต้องเป็น แพทริค สเวย์ซี่ย์ เท่านั้น! ต้องบอกเลยว่าในฉบับใหม่นี้ทั้ง ลุค เบรซี่ และ เอ็ดการ์ รามิเรซ ต่างแสดงเป็น จอห์นนี่ ยูท่าห์ และ โบดี้ ได้เท่ไม่แพ้ฉบับของ รีฟส์ และ สเวย์ซี่ย์ เลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าไม่นับเรื่องนี้สิ่งที่ดูจะเป็นสิ่งที่ดูน่าผิดหวังที่สุดของ POINT BREAK ฉบับปี 2015 นี้คงไม่มีอะไรเกินกว่าการที่มิติและความสัมพันธ์ของตัวละครนั้นถือว่าทำออกมาได้พังมาก โดยเฉพาะตัวนำทั้ง ยูท่าห์ และ โบดี้ ที่มาแบบเรียบเฉยมาก ถึงแม้หนังปูมหลังหรือประเด็นลงมาอยู่เรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยหรือเสริมอะไรเลย

ซึ่งพอทั้ง ยูท่าห์ และ โบดี้ ที่เป็นสองตัวละครนำเป็นงี้ ก็เลิกคาดหวังว่าท้ายที่สุดฉบับนี้จะทำให้เป็นหนังที่ดีได้เท่าฉบับปี 1991 ของ แคธารีน บิเกโล่ว์ งานนี้ก็ลืมไปได้เลย จะคาดหวังจากตัวละครรองๆ ให้เสริมเนื้อเรื่องเหรอ ลืมไปได้เลย ชื่ออะไรยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งอันที่จริงจำได้แค่ตัวเดียวคือ แซมซาร่า ของ เทเรซ่า พลัมเมอร์ ซึ่งถ้าเทียบกับฉบับ 1991 ตัวละครตัวนี้จะเป็นตัวละครที่สำคัญต่อเนื้อเรื่อง แต่ฉบับนี้เป็นได้แค่ตัวละครพื้นๆ ใช้แล้วทิ้งเพียงเท่านั้น


สิ่งที่ฉบับ 2015 นี้มีดีพอจะเอามาอวดอ้างสรรพคุณได้ (ซึ่งหนังก็เอามาอวดมาโม้ได้จริงๆ นั่นแหละน่ะ) จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากฉากแอ็คชั่นของหนังนั่นเอง ที่เป็นการนำเอากีฬาเอ็กซ์ตรีมมาผสมผสานกับฉากแอ็คชั่นได้อย่างลงตัว ซึ่งในหนังเนี่ยรู้สึกจะมีอยู่ 8 ฉากซึ่งหนังก็ทำและเนรมิตออกแบบฉากออกมาให้คนดูตื่นตาตื่นใจได้มากเลยน่ะ ซึ่งแต่ล่ะฉากทำเอาคนดู (อย่างผม) นี่ลุ้นมาก และทำออกมาได้ดีมาก ซึ่งดีขนาดไหนก็คือดีที่ขนาดครึ่งแรกของหนังนี่ถึงกับลืมไปเลยล่ะว่าบทหนังและตัวละครนั้นพังขนาดไหนเพราะหนังใส่ฉากมาถี่เอามากๆ จนลืมไปเลย

ถ้าต้องยกตัวอย่างเอามาพูดสักฉากสองฉาก ฉากที่ทำได้ประทับใจมากๆ เลยน่ะ คงเป็น 1. ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ ในฉากเปิดเรื่อง กับ 2. ฉากที่พวก โบดี้ และ ยูท่าห์ บินร่อนผ่านหุบเขา ซึ่งสองฉากนี้นี่ดีขนาดที่ว่าลืมไปเลยว่าหนังแย่ขนาดไหน ซึ่งท้ายที่สุดถ้าต้องสรุปคือ POINT BREAK ฉบับนี้ก็เป็นหนังที่ดูสนุกพอตัวเลยเพราะพวกฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ดีมาก ซึ่งถ้าไม่ได้คาดหวังว่าหนังต้องดี บทต้องเลิศเล่อเพอร์เฟกต์ เน้นที่ฉากแอ็คชั่นเอ็กซ์ตรีมอย่างเดียว เพียวๆ ก็ถือว่าหนังตอบโจทย์ความบันเทิงได้อย่างลงตัวครับ สนุกเลยล่ะ (ถ้าไม่ตะขิดตะขวงใจเรื่องบทแล้วก็ตัวละครล่ะน่ะ)


ถ้านอกเหนือจากฉากแอ็คชั่นมีอีกสองจุดที่ชอบมากครับนั่นก็คือ 1. ภาพของหนัง และ 2. สกอร์ของหนัง ซึ่งอันแรกหนังถ่ายภาพออกมาได้สวยมาก ทั้งวิวทิวทัศน์ ภูเขา ท้องฟ้า และ ธรรมชาติ ซึ่งช่วยส่งให้ฉากแอ็คชั่นออกมาดีขึ้นพอสมเลย (พบว่าผู้กำกับหนัง เอริคสัน คอร์ เป็นคนกำกับภาพเองด้วย อันนี้ไม่แปลกใจเลย เพราะว่า เครดิต ในงานเก่าๆ ของแกคือเป็นผู้กำกับภาพให้หนังอย่าง THE FAST AND THE FURIOUS ภาคแรก และ DAREDEVIL ของฟ็อกซ์นั่นเอง) และอีกอันที่บอกไปก็คือสกอร์ของหนัง ซึ่งทำออกมาได้อลังการ ยิ่งใหญ่ และเสริมฉากแอ็คชั่นมาก (นี่ก็เพิ่งรู้ตอนเขียนนี่แหละว่าคนที่ทำสกอร์ให้คือ ทอม โฮลเคนเบิร์ก หรืออีกชื่อ จังกี้ XL ซึ่งเป็นคนทำสกอร์ให้ MAD MAX: FURY ROAD)...

ปล. อันที่จริงแล้วฉบับนี้มีฉากคลาสสิคที่ยูท่าห์ยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยนะแต่อะไรหลายๆ อย่างของหนังทำได้ไม่ดีและไม่พีคพอเท่ากับฉบับที่แล้ว


ความยาวทั้งหมด 113 นาที
คะแนน 7/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger