วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE


BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE / แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : RATPAC-DUNE ENTERTAINMENT, DC ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : แซ็ค ซไนเดอร์ (300, MAN OF STEEL)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | FANTASY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“คู่มวยแกลดิเอเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกภาพยนตร์ ปูพรมสู่ จัสตีซ ลีก”


ภาพยนตร์ลำดับที่สองจาก DCEU (DC EXTENDED UNIVERSE) ต่อจาก MAN OF STEEL ก็อย่างที่ชื่อเรื่องบอกว่า “BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นหนังที่บอกเล่าการต่อสู้กันระหว่าง ‘อัศวินรัตติกาล’ ค้างคาวแห่งก็อตแธม แบทแมน ปะทะกับ ‘บุรุษเหล็ก’ บุตรแห่งคริปตอน ซูเปอร์แมน หนังที่ถ้าพูดให้ถูกมันก็คือการปูทางไปสู่ภาพยนตร์รวมซูเปอร์ฮีโร่ของ DC อย่าง จัสตีซ ลีก ที่มาพร้อมกับการแนะนำ แบทแมน คนใหม่อย่าง เบน แอฟเฟล็ค และ วันเดอร์วูแมน คนใหม่อย่าง แกล กัลด็อท รวมถึง เล็กซ์ ลูเธอร์ คนใหม่อย่าง เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก และนี่คือฝีมืองานกำกับของ แซ็ค ซไนเดอร์ (จาก MAN OF STEEL) นี่คือ BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE !!

พูดกันตรงๆ แบบเป็นกลางแบบไม่ใช่แฟนมาร์เวล หรือ แฟน DC พูดในเรื่องความเป็นภาพยนตร์อย่างเดียว พูดได้เลยว่าหนัง BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE (จากนี้ขอเรียกสั้นๆ ว่า BvS) นั้นเป็นหนังที่อัดแน่นและเต็มไปด้วยความน่าผิดหวัง (ส่วนใครจะจำกัดความเรื่องนี้ในแบบไหนมุมมองไหนก็แล้วแต่คนไป ไม่มีถูกไม่มีผิด) ทั้งเรื่องของ บทภาพยนตร์ และก็การลำดับเรื่องราว และการดำเนินเรื่อง จนพูดได้ว่า การฟอร์มทีมในครั้งนี้ของ แซ็ค ซไนเดอร์ และสองมือเขียนบทของหนังอย่าง เดวิด เอส. โกเยอร์ จาก MAN OF STEEL และ คริส เทอร์ริโอ้ จาก ARGO ในครั้งนี้ดูจะเป็นอะไรที่ออกมาไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไรนัก


พูดก็พูดเถอะถ้าพูดในมุมมองด้านภาพยนตร์เพียวๆ เลยหนังก็น่าผิดหวังตามที่บอกไปอยู่ ทั้งการเล่าเรื่องที่กระโดดไปกระโดดมา ประมาณว่า ดำเนินเรื่องในซีนนี้ฉากนี้สักสองนาทียังไม่ทันได้เข้าใจอะไรในฉากนั้นๆ เลย หนังก็กระโดดข้ามไปเล่าอีกเรื่องแล้ว ไม่ปะติดปะต่อกันสักเท่าไรนัก จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก และเป็นอย่างนี้เกือบๆ 3 ใน 5 ของเรื่องเลย (ราวๆ ชั่วโมงครึ่ง ได้ล่ะมั้ง) รวมถึงเรื่องและบทที่ค่อนข้างจะ มั่ว ไปนิดหน่อย นี่คือความจริงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ครับ 

[จากนี้มีสปอยล์ BvS] รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจจนเกิดอาการมึนๆ งงๆ กับ “แรงจูงใจ” ของบรรดาเหล่าตัวละครในหนังหลายๆ ตัวเอามากๆ เอาที่ชัดเจนที่สุดเลยก็คือการนัดตีกันของ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน นั่นแหละ ในด้านของ ซูเปอร์แมน อันนี้เข้าใจเพราะแม่ของตัวเองโดนจับตัวไปเป็นตัวประกัน ถ้าไม่สู้กับ แบทแมน แม่ก็อาจจะตาย แต่ทางด้านของ แบทแมน ล่ะ ติ๊กต็อกๆๆๆ เออ มายังไงว่ะ.. ล้อเล่นๆ เอาจริงๆ เพราะมีคนตายจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ ซูเปอร์แมน เข้าไปเอี่ยว แต่ดูแล้ว แรงจูงใจ มันเบาบาง เบาหวิว ยังไงไม่รู้ นี่ยังไม่นับแรงจูงใจของ วันเดอร์วูแมน รวมถึง เล็กซ์ ลูเธอร์ ที่เข้ามาเอี่ยวตอนสู้กับ ดูมส์เดย์ อีกนะ รู้สึกมันเบาแปลกๆ


การนัดตีกันบทสรุปการต่อสู้ของ แบทแมน และก็ ซูเปอร์แมน อันนี้ก็จบลงแบบห้วนๆ ไปอย่างง่ายดาย, หลายๆ ฉากในหนังบางทีก็แอบสงสัยว่าใส่มาทำไม มันไม่ได้มีผลกับเนื้อหาเลย อันนี้ตะขิดตะขวงใจนิดหน่อย อย่างเช่น ฉากที่ คลาร์ค เคนท์ ได้ไปเจอพ่อบทภูเขาหิมะ ก็ไม่เข้าใจมันมีผลอะไรต่อเนื้อหา หรือฉาก ไนท์แมร์ แบทแมน ถ้าไม่นับว่าเป็นฉากที่ปูไปสู่เรื่องของ ดาร์คไซด์ ใน จัสตีส ลีก ก็จะงงๆ มึนๆ สงสัยว่ายัดมาทำไม เพราะมันเป็นฝันของ บรูซ เวยน์ (อารมณ์พอๆ กับฉากนิมิตรของ โทนี่ สตาร์ค และ ธอร์ ใน AGE OF ULTRON เลยที่ทำเพื่อปูไปสู่หนังในอนาคต)

ใน ชั่วโมงครึ่ง แรกของเรื่องยัดไปที่การปูเนื้อหา แทบไม่มีฉากแอ็คชั่นให้บันเทิงเริงใจเลย แต่กว่าที่หนังจะเริ่มสนุกและเริ่มบันเทิงก็หลังจากการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของ แบทแมน และ ซูเปอร์แมน นั่นเป็นจุดเริ่มต้น หนังเริ่มเข้ารูปเข้ารอย (ติดก็ตรง แรงจูงใจ ของตัวละครที่เบาหวิวแค่นั้น) เพราะหลังจาก BvS ก็เป็นหนังที่ดูสนุกและบันเทิงเริงใจกันแบบสุดๆ และเป็นอย่างนี้จนจบเรื่อง ซึ่งฉากแอ็คชั่นยังคงไว้ใจ แซ็ค ซไนเดอร์ วิชั่นมุมมองด้านแอ็คชั่นของ แซ็ค ซไนเดอร์ ยังคงไว้ใจได้เสมอ อาจจะไม่เละเทะและวินาศสันตะโรเมโทรโปลิศเละเท่าฉากต่อสู้ใน MAN OF STEEL แต่ก็ทำลายล้างระดับน้องๆ คลานตามกันมา และถ้าคุณใจเย็นและอดทนรอจนมาถึงฉากนี้ได้ นับว่าคุ้มค่าที่เฝ้ารอ ฉากที่ แบทแมน ขับ แบทโมบิล ตลุกวายร้าย, แบทแมน กับ ซูเปอร์แมน ตีกัน, แบทแมน กระทืบวายร้าย และ ทรินิตี้ สู้กับ ดูมส์เดย์ คุ้มค่าแน่นอน!!


ที่พูดมานั่นเป็นเรื่องในมุมมองของความเป็นภาพยนตร์ แต่ถ้าพูดในมุมมองที่ว่า BvS เป็นหนังที่ทำมาเพื่อเอาใจบรรดาเหล่าเนิร์ด, กีค และ แฟนคอมิคส์ทั้งหลายล่ะ (ทั้ง DC และ มาร์เวล) BvS มันเป็นหนังที่พาเหล่าแฟนบอยสติแตกได้เลยน่ะ (หลักๆ ก็คือชั่วโมงสุดท้ายของหนังนั่นแหละ) การได้เห็น แบทแมน และ ซูเปอร์แมน ปะทะกันนี่เหมือนฝันเลยน่ะ ขนลุกทุกฉากที่ บรูซ เวยน์ กับ คลาร์ค เคนท์ หรือ แบทแมน กับ ซูเปอร์แมน อยู่รวมฉากกันไม่ว่าจะปะทะกันเองหรือร่วมมือกันต่อสู้ ยิ่งการปรากฏตัวของ วันเดอร์วูแมน นี่เป็นการปรากฏตัวที่ชวนให้ขนทุกเส้นในตัวลุกจริงๆ ยิ่งฉากการร่วมกันสู้ของ ทรินิตี้ เป็นอะไรที่สุดยอดมาก จิกเบาะด้วยความฟินสุดๆ เป็นการเปิดหัวไปสู่ จัสตีซ ลีก ได้น่าติดตาม

ชอบการตีความ บรูซ เวยน์ / แบทแมน และ เล็กซ์ ลูเธอร์ ในฉบับนี้มาก สำหรับ บรูซ เวยน์ / แบทแมน เป็น แบทแมน นี่น่าจะเป็น แบทแมน เวอร์ชั่นที่แฟนคอมิคส์อยากเห็นมานานแน่นอน แม้จะผ่านศึกมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปีจึงเกิดอาการล้าและเหน็ดเหนื่อย ทำหน้าเบื่อหน่ายชีวิต แต่พอถึงคราวลุยพี่ก็จัดเต็มไล่กระทืบศัตรูไม่เลือกหน้า ฉากที่ไล่กระทืบคนที่จับ มาร์ธา เคนท์ ไปนี่ปังมาก โหดสัสรัสเซียแบบสุดๆ แถม แบทแมน เวอร์ชั่นนี้รู้สึกเข้าและเหมาะกับ เบน แอฟเฟล็ค มากๆ แถมเคมีก็เข้ากับ อัลเฟรด เวอร์ชั่น เจเรมี่ ไอร์ออนส์ มาก (อัลเฟรดเวอร์ชั่นนี้ดุพอตัว จนบางทีแอบคิดถ้า บรูซ ไม่ใส่ชุดไปกระทืบซุปบางที อัลเฟรด เนี่ยแหละจะใส่ไปกระทืบเอง) จนอยากเห็น แบทแมน ภาคแยกที่ เบน แอฟเฟล็ค กำกับซ่ะเหลือเกิน ว่าจะเจ๋งขนาดไหน (รวมถึงไปไล่กระทืบ โจ๊คเกอร์ ใน SUICIDE SQUAD ด้วย)


ส่วน เล็กซ์ ลูเธอร์ เวอร์ชั่นนี้ของ เจสซี่ ไอเซนเบิร์ก มาในเวอร์ชั่นคุณชายจิตป่วน คาดเดาไม่ถูกว่าในหัวแกคิดอะไรอยู่คิดจะทำอะไร ฉากที่ป่วนใส่ ซูเปอร์แมน เป็นอะไรที่น่าจดจำมากๆ เสียอย่างเดียวหนังไม่มีฉากให้ เล็กซ์ โชว์ความบ้าเยอะนัก (และแน่นอน เจสซี่ เล่นได้เจ๋งมาก!) ส่วน วันเดอร์วูแมน ถ้าหากไม่นับฉากสู้กับ ดูมส์เดย์ ก็ไม่ได้มีฉากให้โชว์อะไรมากมายนัก แต่ถึงกระนั้นการปรากฏตัวของเธอตอนสู้กับ ดูมส์เดย์ ก็สร้างอิมแพ็คต่อคนดูพอสมควร (ฉากการปรากฏตัวของเธ สกอร์ Is She With You? ของ ฮานส์ ซิมเมอร์ และ จังกี้ XL บรรเลงได้ชวนขนลุกมากมาย) จนอยากเห็นเธอมีบทบาทในหนังเดี่ยวสุดๆ (อย่าลืมใน BvS นับเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกแบบจริงๆ จังๆ บนแผ่นฟิลม์ของสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้เลย)

นอกนั้น โลอิส เลน (เอมี่ อดัมส์), เพอร์รี่ “บทภาคนี้น่ารำคาญ” ไวท์ (ลอร์เลนซ์ ฟิชเบิร์น), สว. ฟินช์ (ฮอลลี่ ฮันเตอร์), วอลเลซ คีฟ (สกู้ต แม็คเนี่ยรี่), เมอร์ซี่ เกรฟ (โอกาโมโต้ ทาโอะ), มาร์ธา เคนท์ (ไดแอน เลน) ก็มีบทกันคนละนิดคนละหน่อยพอหอมปากหอมคอ -- อันนี้ไม่เกี่ยวกับตัวหนัง แค่รู้สึกเฟลส่วนตัวนิดๆ ที่ วอร์เนอร์ โปรโมท (ผ่านพวกสินค้า เมอร์ชานไดส์ หลักก็จาก Funko) ว่าในหนัง อควาแมน (เจสัน โมมัว) มีบท จนคิดไปไกลว่าจะมีบทเซอร์ไพรซ์มาช่วย ทรินิตี้ ตีกับ ดูมส์เดย์ ผลที่ได้ มัน โผล่อยู่ประมาณ 1 นาที เจ็บปวดมาก (ก่อนดูมีความคิดว่าจะไปสอยพวกของเล่น อควาแมน ในเครือ Funko ทุกแบบผลที่ได้หลังดูจบ ไม่สอยแม่งล่ะ...)


สำหรับแอดมิน BvS คิดว่าการดูจะไม่จบแค่รอบเดียวแน่นอน งานนี้มีรอบที่สองรอบที่สามแน่นอน (IMAX ยังไม่จัดต้องจัด!) แผ่นออกเวอร์ชั่นเรท R ก็จะสอยมาครอบครองแน่นอน (นี่ขนาดเป็นแฟน มาร์เวล นะ) สรุปแล้ว คิดว่าความเห็นต่อหนัง BATMAN V SUPERMAN: DAWN OF JUSTICE ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกันแน่นอน แม้หนังจะมีจุดบกพร่องมากมายทั้งบทหรือการดำเนินเรื่อง แต่ถ้ามองในมุมมองแฟนคอมิคส์ แฟนบอย คิดว่าหลายคนจะชอบหนังเรื่องนี้แน่นอนครับ ท้ายที่สุดอย่างน้อยหนังก็ปูทางไปสู่ จัสตีซ ลีก ได้น่าสนใจพอตัวเลย...


ความยาวทั้งหมด 151 นาที
คะแนน 7.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger