วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2559

THE HUNTSMAN: WINTER'S WAR


THE HUNTSMAN: WINTER'S WAR / พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง


ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ROTH FILMS
ผู้กำกับ : เซดริค นิโคลาส-โทรยาน
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | DRAMA

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง


ว่ากันตรงๆ แล้วจะพูดว่าจะนับว่า THE HUNTSMAN: WINTER'S WAR นี่เป็นทั้ง ภาคต้นและก็ภาคต่อของ SNOW WHITE & THE HUNTSMAN เมื่อปี 2012 เลยน่ะ แต่เป็นภาคต่อที่ไม่ได้ไปเน้นที่ สโนว์ ไวท์ ของ คริสเทน สจ๊วร์ต แค่นั้น (ส่วนเพราะอะไรนั้นลองไปค้นๆ ในเว็บกอสซิป ดูนะเรื่องความสัมพันธ์ของ สจ๊วร์ต และ รูเพิร์ต แซนเดอร์ส ผู้กำกับละกันน่ะ) แต่ไปเน้นที่ทางด้านตัว นายพราน เอริค ของ คริส เฮมส์เวิร์ธ แทน แต่ถึงแม้ สจ๊วร์ต จะไม่ได้มาร่วมแสดงในภาคนี้ แต่หนังก็มีการกล่าวถึงอยู่เป็นบางช่วง (ไม่นับฟุตเตจจากภาคที่แล้วน่ะ) ส่วนผู้กำกับภาคนี้ก็เปลี่ยนจาก แซนเดอร์ส มาเป็นทางด้าน เซดริค นิโคลาส-โทรยาน แทน

อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างที่จะชอบหนังภาคนี้เลยก็คือการที่หนังมีการแตกกิ่งก้านสาขาออกมาจากหนังต้นฉบับเมื่อปี 2012 และเลือกที่จะเจาะจงลงไปที่อดีตของตัวละครตัวอื่นๆ และสานต่อเรื่องราวต่อไป และในที่นี้ก็คือสองตัวละครที่จัดว่าเด่นมากๆ ในภาคแรกก็คือ เรเวนน่า และ เอริค นั่นเอง ซึ่งพอเจาะจงไปที่ตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่ สโนว์ ไวท์ ตัวหนังก็มีเรื่องราวให้เอามาแถ เอ่ย! ให้เล่นกันอีกมากมายพอตัว และในที่นี้ก็คือการเพิ่มและเข้ามามีบทบาทของตัวละครใหม่ๆ อย่างเช่น เฟรย่า ราชินีน้ำแข็ง ผู้มีปัญหากับความรัก และยังเป็นน้องสาวของ เรเวนน่า รวมถึงการปรากฏตัวของ ซาร่า นักรบสาวที่เป็นภรรยาของ เอริค (ที่น่าจะตายไปแล้ว)


พอเป็นอย่างนี้หนังเองก็มีเรื่องราวอะไรให้เล่นอีกมากมายพอตัวและได้ไปสำรวจอีกมุมมองในโลกของหนังเวอร์ชั่นนี้ (โดยแทบไม่ต้องมี สโนว์ ไวท์ เข้ามาเอี่ยวมาเกี่ยวในเส้นเรื่องเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นเรื่องกระจกเท่านั้น), แต่โดยรวมแล้วพูดได้เหมือนกันว่าบทภาคนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไรนัก เปรียบเป็นเกมส์ RPG ตัวละครในหนังก็เล่นในระดับที่ง่ายที่สุด หาทางออก หาทางรอด หาทางจบ ง่ายไปหน่อย หลักๆ คือเดาทางได้โดยแทบไม่ต้องลุ้นไม่ต้องเดาเท่าไรนัก แถมมีอะไรหลายๆ จุดที่ชวนขัดใจอยู่พอตัว อาทิ ไอ้เรื่องรักต้องห้ามของ เฟรย่า รวมถึง การคืนชีพอีกครั้งของ เรเวนน่า นี่เข้าขั้นระดับที่โคตรแถเลย (แต่มันก็น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอานางกลับมาแล้วล่ะนะ)

หลายคนบอกว่าตัวอย่างปล่อยฉากเด็ดๆ โดนๆ ออกมาในตัวอย่างมากไป แต่ไม่รู้สิเพราะผมไม่ได้ดูตัวอย่างแบบจริงๆ จังๆ สักเท่าไรเลยไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก พอไม่รู้อะไรมาก พอมาดู เออ มันก็สนุกใช้ได้อยู่น่ะ (ติดแค่อะไรในหนังมันง่ายไปนิด) ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากนัก ก็อยู่ในระดับเดียวกันกับภาคแรกนั่นแหละ โดยรวมมันก็ดูได้สนุกสนานบันเทิงดูเพลินอยู่, ฉากแอ็คชั่นในหนังมีน้อยมากครับ มีใส่มาพอให้ได้ลุ้นหน่อยๆ แต่หลักก็เน้นไปที่ตัวละครนั่นแหละ เคมีตัวละครและนักแสดงเข้ากันดี ตัวละครก็รับส่งมุกกันดีโดยเฉพาะแก็งค์คนแคระนี่ตัวฮาเลย, คอสตูมโปรดัคชั่นอะไรนั้นจัดว่าเลิศ โดยเฉพาะฉาก เรเวนน่า ปรากฏตัวออกมาจากกระจก สุดท้าย เอมิลี่ บลันท์, ชาร์ลิซ เธอรอน รวมถึง เจสซิก้า แชสเทน เรื่องนี้เฉิดฉายงดงามมาก...


ความยาวทั้งหมด 114 นาที
คะแนน 7/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger