BEGIN AGAIN / เพราะรักคือเพลงรัก
ผู้จัดจำหน่าย : THE WEINSTEIN COMPANY
สตูดิโอผู้สร้าง : EXCLUSIVE MEDIA GROUP, SYCAMORE PICTURES
ผู้กำกับ : จอห์น คาร์นี่ย์ (ONCE, ZONAD, THE RAFTERS)
ประเภทของหนัง : COMEDY | DRAMA | MUSIC
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ONCE ฉบับกลิ่นอาย เจอร์รี่ แม็คไกวร์ ที่อัพเกรดขึ้น ดารามากขึ้น แต่เพลงเพราะเหมือนเดิม!”
ถ้าถามว่างานของผู้กำกับ จอห์น คาร์นี่ย์ ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือเรื่องอะไรจากผลงานหกเรื่องก่อนหน้าคำตอบคงจะไม่พ้น ONCE หนังรักประกอบเพลงเพราะๆ อารมณ์เหงาที่อาจหาญขึ้นไปคว้าออสการ์เพลงประกอบยอดเยี่ยมได้ หลังจากปี 2006 แกก็หายหน้าไปทำหนังเล็กๆ อีกสองเรื่อง (ZONAD กับ THE RAFTERS - สองเรื่องนี้สารภาพไม่เคยดู) และแล้วในปี 2014 คาร์นี่ย์ ก็กลับมาใน BEGIN AGAIN (ชื่อตอนฉายเทศกาลหนังคือ CAN A SONG SAVE YOUR LIFE?) หนังที่ได้บรรยากาศเพลงเพราะๆ แบบ ONCE อีกครั้ง แต่หนนี้มาพร้อมอะไรที่บิ๊กกว่าทั้งเนื้อหาและทีมนักแสดง ก็เล่นขนกันมาอย่าง เคียร่า ไนท์ลี่ย์, มาร์ค รัฟฟาโล่ ไหนจะนักร้องตัวท็อปอย่าง อดัม เลวีน มาแสดงอีก..! (แม้เจ้าโว้ย!)
สำหรับ BEGIN AGAIN เป็นหนังที่ได้ดูในวันเดียวกันกับ KAZE TACHINU (THE WIND RISES) และ THE FAULT IN OUR STAR ซึ่งตลอดการดูได้สัมผัสกับเพลงเพราะๆ มากมาย แถมเซอร์ไพรซ์แบบสุดๆ คือไม่น่าเชื่อเสียงร้องของ เคียร่า ไนท์ลี่ย์ จะดีแบบสุดๆ เสียงดีแบบถ้าเบื่อเป็นนักแสดงแล้วไปจับไมค์นี่คงเกิดแบบไม่ยากเย็นอะไรสักเท่าไรนัก ซึ่งใน BEGIN AGAIN ก็อัดเพลงเพราะๆ มาแบบเยอะแยะเหมือน ONCE (แต่เป็นเว่อร์ชั่นที่มาพร้อมวงดนตรีแบบเต็มวง (ใน ONCE ส่วนมากมาแค่ กีตาร์ และ คีย์บอร์ด บางคราวก็ เปียโน่ กว่าจะเต็มวงก็ช่วงท้าย)) และก็จัดว่าพีคในอารมณ์ทุกเพลง แต่ทุกๆ เพลงที่ผ่านมาไล่ตั้งแต่ A Step You Can't Take Back, Tell Me If You Wanna Go Home และอีกมากไม่มีเพลงไหนสุดๆ เท่า Lost Stars ของ อดัม เลวีน!
ไอ้ตอนดูหนังจบแล้วไม่เท่าไรคือหนังมันปิดเรื่องได้แบบพีคกันสุดๆ แต่พอออกมาจากโรงเท่านั้นก็ข้ามไปดู THE FAULT IN OUR STAR ต่อเลย จนดูจนจบก็ยังไม่มีอะไรเท่าไร แต่พอกลับถึงบ้านเท่านั้นล่ะ เหมือนตัวเองได้กลายเป็น ทอม ครูซ ใน EDGE OF TOMORROW ไปแล้วเรียบร้อย คือเปิดฟัง Lost Stars กันแบบวนลูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า! สรุปจนได้ความว่างานนี้มีแววได้เห็น อดัม เลวีน ขึ้นไปขับร้องเพลงบนเวทีออสการ์ปีหน้าอย่างแน่นอน แถมดีไม่ดีจะส่งให้เพลงนี้ได้ออสการ์ด้วย (ถ้าไม่มีอะไรๆ แบบ SKYFALL ของ อเดล กับ Let It Go ของ ไอดิน่า เมนเซล มาแบบเหนือกว่าล่ะก็น่ะ) ใครยังไม่ฟังก็ลองเปิดฟังกันดูครับ
ด้านตัวหนังถ้าจะให้พูดอารมณ์มันเป็นดังที่จั่วหัวไว้เลยคือมันเป็น ONCE ที่มันเหมือนและมีกลิ่นอาย เจอร์รี่ แม็คไกวร์ แค่เปลี่ยนจาก เอเยนต์นักกีฬากลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ค่ายเพลงแทน (ในหนังมันถึงมีการล้อเลียน เจอร์รี่ แม็คไกวร์ อยู่) ตัวหนังก็มีกลิ่นอายอารมณ์ฟีลกู้ดอย่างเต็มเหนี่ยว ว่ากันที่ความรักผ่านเพลงรักนี่ล่ะ ไม่ได้มีอะไรให้แหวกแนวเท่าไร บทหนังก็หนักไปทางเรียบง่ายมากไม่มีอะไร แต่พอกลับเอาเพลงมาผสมกลับกลายออกมาเป็นงานหนังที่ดูได้แบบไม่เบื่อ และกลายเป็นว่าหนังจบได้อย่างอบอุ่น...
ความยาวทั้งหมด 104 นาที
คะแนน 8/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น