EDGE OF TOMORROW / เอดจ์ ออฟ ทูมอร์โรว์ ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : VILLAGE ROADSHOW PICTURES
ผู้กำกับ : ดั๊ก ไลแมน (THE BOURNE IDENTITY, MR. & MRS. SMITH)
ประเภทของหนัง : ACTION | SCI-FI
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“วัน 'รบ' จงกลม กราวด์ฮอก เดย์ ฉบับ ไซไฟ - เอเลี่ยน - สงคราม!”
ALL YOU NEED IS KILL ของ ซากูระซากะ ฮิโรชิ เป็นหนึ่งในนิยายไซไฟไอเดียเก๋ๆ อีกเรื่องของโลก (ที่ในไทยเพิ่งวางขายแบบใกล้ๆ หนังฉายจนต้องตะบีตะบันอ่านอย่างด่วน) ซึ่งก็คงไปโดนใจ วอร์เนอร์ ถึงขึ้นซื้อลิขสิทธิ์มาทำเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ทุนหนากว่า 178 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตัวหนังก็ได้ ดั๊ก ไลแมน จาก THE BOURNE IDENTITY, MR. & MRS. SMITH และ JUMPER มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ แถมได้ ทอม ครูซ มารับบทนำ พร้อมกันนี้ยังเสริมทัพด้วย เอมิลี่ บลันท์ ในบท ริต้า วาแทท์สกี้ พร้อมด้วย บิลล์ แพ็กซ์ตัน, เบรนแดน กลีสัน เป็นต้น..
..ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า "EDGE OF TOMORROW" เป็นหนังไซไฟที่ดูสนุกมากและก็พร้อมเป็นแฟรนไชส์ใหม่ให้กับวอร์เนอร์แล้ว!! พร้อมกันนี้ก็เก็บนิยาย "ALL YOU NEED IS KILL" เข้าชั้นวางได้เลยเพราะขอบอกตามตรงว่านิยายกับตัวหนังเดินกันไปคนละทิศคนละทางก็ว่าได้ จะพูดได้ว่าถ้าไม่นับเรื่องการวนลูป, ตัวละคร, มิมิค กับ เหตุการณ์ หนังกับนิยายก็ไปคนละขั่วก็ว่าได้ ไม่เกี่ยวข้องกันก็ว่าได้ แต่สำหรับนิยาย ALL YOU NEED IS KILL จะอ่านก็ได้ถือเป็นนิยายที่สนุกอีกเรื่องเลยทีเดียว..
เอาล่ะสำหรับ EDGE OF TOMORROW ด้วยการที่ตัวหนังว่ากันด้วยการวนลูปของคนๆ หนึ่งที่ต้องดันมาวนในวันที่เรียกได้ว่าวันตัดสินชะตาโลกก็ว่าได้ ซึ่งไอ้การวนลูปนี่เป็นการวนลูปที่กินเวลาแค่ 2 วันเท่านั้นกับตัวละครหน้าเดิมๆ หนังจึงเล่าเหตุการณ์ได้แค่สองวันเท่านั้น (แต่วนลูปสองวันนี้เป็นร้อยกว่ารอบ) ซึ่งถ้าเล่าแบบซ้ำไปซ้ำมามันอาจจะเบื่อได้ แต่ด้วยความสามารถของคนเขียนบททั้ง คริสโตเฟอร์ แม็คเควียรี่ (JACK REACHER), เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ และ จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ เราจึงได้ดูการวนลูปของ ทอม ครูซ ด้วยอาการที่ว่า ไม่น่าเบื่อ เลย แถมยังครบรสแบบไม่คิดว่ามันจะทำออกมาได้ฮาขนาดนี้ (เอาไอ้แค่กลิ้งตัวแล้วโดนรถทับตายนี่ฮาสุดๆ)
จริงๆ ก็พูดไม่ได้ว่าหนังมันจงใจทำออกมาฮาแต่จะพูดได้ว่าด้วยตัวละครและสถานการณ์ในหนังมากกว่าที่ทำได้พาให้ฮา แต่ถึงจะฮาและขำเพียงใดพอหนังจะเข้าสู่โหมดจริงๆ จังๆ หนังก็ปรับโหมดให้ออกมาจริงจังได้ดีมาก (แต่ก็ไม่วายผ่านไปสักแปปก็จะมีการทำให้คนดูฮาเป็นพักๆ) ซึ่งแน่นอนว่าไอ้โหมดจริงๆ จังๆ ที่ว่าเนี่ยคือช่วงที่ต้องออกแอ็คชั่นหนักๆ แม้เอาจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องและพล็อตของ EDGE OF TOMORROW นี่แบบว่าไม่ได้แปลกใหม่เลยเมื่อเทียบกับบรรดาหนังเอเลี่ยนอินเวชั่นบุกโลกทั้งหลาย แต่ด้วยความสามารถของคนเขียนบททั้ง คริสโตเฟอร์ แม็คเควียรี่ (JACK REACHER), เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ และ จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ ทำให้หนังไม่น่าเบื่อเลย เอาล่ะ สำหรับ EDGE OF TOMORROW ด้วยการที่ตัวหนังว่ากันด้วยการวนลูปของคนๆ หนึ่งที่ต้องดันมาวนในวันที่เรียกได้ว่าวันตัดสินชะตาโลกก็ว่าได้.. (วนลูปๆๆ ฮ่าๆ)
เอาล่ะเข้าเรื่องจริงๆ อีกรอบน่ะ หนึ่งชั่วโมงกว่าของหนังนี่ขอพูดเลยว่านี่เป็นอีกหนังที่มีเนื้อเรื่องที่ทำให้ติดตามตั้งแต่แรกไปจนจบได้ และก็ไม่ได้ซับซ้อนเกินสมองคนธรรมดาแบบผู้เขียน แม้โดยหลักๆ แล้วเรารู้อยู่แล้วถ้าดูจากการวนลูปที่เรารู้แน่ๆ ว่าหนังจะมีบทสรุปยังไง แต่ก็ด้วยความที่ ด้วยความสามารถของคนเขียนบททั้ง คริสโตเฟอร์ แม็คเควียรี่, เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ และ จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ ทำให้หนังไม่น่าเบื่อเลย (วนลูปในบทนี้รอบที่สาม อิอิ) ทำให้ EDGE OF TOMORROW เป็นอีกหนึ่งหนังที่สนุกมากในซัมเมอร์นี้เลย กับการได้เห็นพัฒนาการของอีตา บิลล์ เคจ ที่ค่อยๆ เปลี่ยน จากไอ้คนขี้ขลาดในตอนต้นเรื่องสู่การเป็น "ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร" ในตอนท้ายของเรื่อง!
แต่สำหรับฉากแอ็คชั่นในหนังช่วงที่สู้กับมิมิคในสนามรบ และช่วงท้ายยอมรับเลย หนังทำได้มันส์มาก ยิ่งแบบว่าถ้าได้ดูบนจอ IMAX นี่มันอลังการงานสร้างทั้งภาพและเสียง มาเต็มมากๆ แม้ระบบสามมิติจะทำให้ปวดตาก็เหอะน่ะ แต่ไม่เป็นไรด้วยท่าโค้งของ เอมิลี่ บลันท์ เราไม่โกรธ!! แต่ก็ขอพูดอีกรอบสำหรับ GROUNDHOG DAY ฉบับไซไฟ เป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดเพราะมันสนุกจริงอะไรจริงครับ...
ความยาวทั้งหมด 113 นาที
คะแนน 8.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น