วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

MIRROR MIRROR


MIRROR MIRROR / จอมโจรสโนไวท์ กับราชินีบานฉ่ำ


(15/03/2012) - 80 BATH

ผู้จัดจำหน่าย : RELATIVITY MEDIA
สตูดิโอผู้สร้าง : RELATIVITY MEDIA
ผู้กำกับ : ทาร์เซม ซิงห์ (THE CELL, THE FALL, IMMORTAL)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | COMEDY | FANTASY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอัธรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
"ถึงเวลาแล้วที่จะเปลียนแปลงบทสรุปในนิทาน เฮฮาไปกับสโนว์วัยละอ่อนกับราชินีบานฉ่ำ, I Believe, I Believe, I Believe, I Believe, I Believe In Love"


เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยดู สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด ของ DISNEY กันมาแล้วและคงชอบกันแทบทุกคน (ถ้ายังไม่เคยดูลองหามาดูกันนะจ๊ะ หรือถ้าอยากรู้แบบเร่งลัดก็ลองหาดูใน Wikipedia หรือ Google เลยละกัน) แต่เมื่อมาดูหนังสโนว์ไวท์ ภาคพิศดาลเรื่องนี้แล้วละก็ อาจจะมีหงายตกเก้าอี้ และ หัวเราะไปกับหนังแบบสุดๆ และฮาไม่หยุดจนจบเรื่องกันเลยทีเดียว


MIRROR MIRROR เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงที่งดงาม นางมีชื่อว่าสโนว์ไวท์ เธอถูกจองจำอยู่ในปราสาทไม่ให้ออกไปใน โดยฝีมือของ ราชินีใจร้าย แม่เลี้ยงของเธอ โดยกลัวว่าวันนึงสโนว์ไวท์จะสวยกว่าเธอ แต่แล้ววันนึงสโนว์ไวท์ได้แอบออกไปนอกปราสาทและได้รู้ว่า ราชินีได้รีดไถ่เก็บภาษีแพง และทำให้นางถูกนำไปปลิดชีพในป่าทมิฬ แต่นางรอดมาได้ ทำให้สโนว์ไวท์ต้องลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับราชินีโดยความช่วยเหลือของเหล่าจอมโจรแคระทั้งเจ็ดกับเจ้าชายที่งดงาม


MIRROR MIRROR กล้าที่มากที่จะสร้างเรื่องราวแบบพลิกต้นฉบับของสโนว์ไวท์ของ DISNEY ที่ติดตาตรึงใจคนดูมาหลายทศวรรษแต่ MIRROR MIRROR เล่นเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่สร้างความฝันให้แก่เด็กสาวหลายยุคให้เปลี่ยนกลายมาเป็นหนังตลก เฮอาขบขันซะงั้น แต่หนังยังคงเรื่องราวและ Concept เดิมๆ ของเว่อร์ชั้นต้นฉบับไว้ (นิดหน่อย) แค่ได้เปลี่ยนนิสัยท่าทางการพูดการจาให้เป็นหนังตลกบันเทิงคนดู และเนื้อหาที่เปลี่ยนนู่นนิดเปลี่ยนนี่หน่อย จิกกัดนิยายแบบเดิม แต่เหมือนการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอนี้จะกลายเป็นข้อดีของหนังไปในทันที เพราะหนังสุดแสนจะให้ความบันเทิงให้กับคนดูได้ตลอด โดยเฉพาะเหล่า คนแคระ และตัวราชินีเอง แม้ว่าหนังจะนำเสนอเนื้อเรื่องสุดแสนจะกวนโอ้ยแต่แม้จะนำเสนอเป็ยเส้นตรงและแบบว่าดูเยอะเกินไปหน่อย ทั้งมุกตลกของตัวละคร และ สีสันที่จี้ดจ้าดซะเหลือเกิน แต่หนังก็นำเสนอให้คนดูสนุกอยู่ตลอดเวลาได้ ฮาเรื่อยๆจนจบ และบทสรุปในตอนจบที่พลิกโฉมเรื่องราวสโนว์ไวท์แบบที่สุดแสนจะอึ้ง!!!


เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นการที่ยังคงกลิ่นอายแบบเดิมๆ ของสโนว์ไวท์ไว้ (ของ DISNEY (ถ้าเอาตามตำนานจริงคงไม่ได้มันโหดเกินไป)) แค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอมากกว่าให้เข้ากับคนยุคนี้ เด็กๆ คงชอบบรรดาตัวละครอย่าง จอมโจรแคระทั้ง 7 ที่ตลกเฮฮาขโมยซีนจิกกัดตลอดเวลา และหนุ่มๆคงใจละลายไปกับรอยยิ้มของสโนว์ไวท์ ที่เป็นเด็กใสสื่อไร้เดียงสา และลุกขึ้นสู้กับราชินีได้อย่างขบขัน น่ารักและโดดเด่น ความเท่ของเจ้าชาย บทตลกของคนรับใช้ หรือความร้ายของราชินีก็เป็นส่วนช่วยให้หนังกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ไม่ได้แค่ร้ายแต่ยังดูน่ารักด้วยสำหรับราชินี ทั้งเนื้อเรื่องที่ไม่ต้องคิดอะไรมากดูเอาสนุกอย่างเดียว ตัวละครที่ตลกและน่ารัก แม้จะดูเยอะและเกินอยู่ไปหน่อย แต่ไม่ทำให้กลายเป็นหายนะของหนัง, เนื้อเรื่องแบบเด็กๆ และ ความสนุกของบรรดาตัวละคร ความโรแมนติกของตัวละครที่ดูน่ารัก 3 อย่างนี้ทำให้ MIRROR MIRROR ไม่ใช้แค่หนังที่ดูแล้วผ่านไป แต่หนังสนุกและจะทำให้ดูสนุกและน่าจดจำไปได้อีกนาน


และสิ่งที่ทำให้หนังสโนว์ไวท์ภาคนี้เป็นที่พูดถึงกันมากก็เพราะการได้ "สาวที่เป็นที่รักของคนอเมริกาและคนดูหนังทั้งโลก" อย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส มารับบทราชินีใจร้าย เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ นางเอกบานฉ่ำ นางนี้ และเมื่อได้ดูการแสดงของเธอแล้ว เธอยังคงความน่ารักของเธอไว้ แม้ว่าเธอจะรับบทนางร้าย แต่ความรู่สึกเหมือนเธอเป็นนางเองของเรื่องมากกว่า แต่เธอรับบทตัวร้ายนะอย่าลืม เธอแสดงได้ร้ายแบบน่ารักและตลกมากๆ แต่ถ้าต้องบอกว่าโดดเด่นและน่ารักที่สุดในเรื่อง ผมของยกให้กับสโนว์ไวท์ของเรื่องหนู ลิลี่ คอลลินส์ (เคยแสดงใน ABDUCTION) เธอน่ารักสดใสน่ารักมากในเรื่อง สวยงามโดดเด่น เห็นแล้วใจละลาย เธอจะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับบทนี้ และหนุ่มอีกคนที่จะต้องแจ้งเกิดอีกคนก็ต้องเป็นพ่อหนุ่ม อาร์มี่ แฮมเมอร์ (เคยรับบท ฝาแฝด วิงเคอวอส ใน THE SOCIAL NETWORK) ที่มารับบทเจ้าชาย อัลค๊อตต์ หนุ่มอาร์มี่หล่อคมและสูงโปร่งมากๆ เท่สมเป็นเจ้าชายจริงๆ (อาร์มี่ กำลังจะแสดงหนังเรื่อง THE LONE RANGER ร่วมกับหนุ่ม จอห์นนี่ เด๊ปป์ อาร์มี่รับบท LONE RANGER) เดี๋ยวๆ เกือบลืม ทีมขโมยซีนในหนังเรื่องนี้ อย่างกลุ่มจอมโจรแคระในเรื่องที่แย่งซีนได้ทุกครั้งที่โผ่ลมาในจอ และชายหนุ่มอีกคนอย่าง  นาธาน เลน ในบท ไบร์ทตัน ที่ก็ขโมยซีนตลอดเวลาเหมือนกัน (ไบร์ทตัน เป็นตัวละครที่ไม่มีในนิยาย เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเว่อร์ชั้นนี้โดยเฉพาะ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับต้นฉบับก็เป็น นายพรานนั้นแหละ เป็นคนปล่อยให้สโนว์ไวท์ หนีไป) ถ้าไม่มี 1 คน กับ อีก 1 ทีม หนังจะสนุกน้อยลงมาก


ผมไม่เคยดูหนังที่ ทาร์เทม ซิงห์ กำกับแม้ว่าจะมี DVD ครบหมดทั้ง THE CELL, THE FALL, IMMORTAL แต่ไม่เคยเปิดดู เลยไม่รู้ว่าเขากำกับหนังสไตล์ใหน แต่ซิงห์กำกับได้สุดแสนจะไอเดียบรรเจิด ได้กำกับหนังออกมาให้ดูสนุกได้ตลอดเวลา และบันเทิงเป็นอย่างมาก เป็นการนำเสนอที่กล้าจะฉีกกฏนิยายเดิมๆ มาก แต่สร้างเนื้อเรื่องแบบทำให้คนดูจดจำได้อย่างสุดยอด และโดดเด่นในงานภาพ แต่ตกมาตายตรงฉาก Effect ที่ไม่อลังมากเท่าที่ควร และ Location ที่ทั้งเรื่องมี่อยู่แค่ 3 ที่ น่าจะนำเสนอให้กว้งหน่อยน่าจะทำให้เนื้อเรื่องกว้างมากขึ้น, เขาได้ทำงานร่วมกับ ไอโกะ อิชิโอกะ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเป็นคนสุดท้าย เพราะเธอได้เสียชีวิตไปแล้วในวัย 73 ไอโกะได้ออกแบบชุดแต่งกายในหนังให้ดูสวยงามมาก สวยเด่นสะดุดตา ทั้งสีสันและความอลังการ, I BELIEVE IN LOVE


ปล. 1 ปีนี้มีหนัง SNOW WHITE เข้าฉาย 2 เรื่อง 1 คือ MIRROR MIRROR ที่เข้าฉายไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องที่จะตามมาก็คือ SNOW WHITE & THE HUNTSMAN ที่หนังยังคงเรื่องราวของสโนว์ไวท์เหมือนเดิมแต่นำเสนอในมุมมองที่โหดกว่าเมื่อสโนว์ไวท์หันมาต่อสู้ทำสงครามจริงๆ กับ ราชินี "สโนว์ไวท์ กับ พรานป่า ในศึกมหัศจรรย์" นำแสดงโดย คริสเต็น สจ๊วต, คริส เฮมส์เวิร์ท, ชาร์ลิซ เธอรอน กำหนดฉายในไทย 31 พฤษภาคม 2555
ปล. 2 ถ้าดู MIRROR MIRROR แบบเสียงไทยจะฮาแตกเป็น 2 เท่า ทีมพากย์พันธมิตรมาให้เสียง หนังก็ตลกอยู่แล้ว พันธมิตรมาพากย์ฮากว่าเก่า

สรุป
MIRROR MIRROR เนื้อเรื่องมีไม่มากเท่าไร แต่เป็นหนังที่สนุกและให้ความบันเทิงได้ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่รู้สึกขัดหูขัดตามากเท่าไร แต่เป็นหนังที่เอาไว้ดูเพลิน ดูแล้วไม่คิดอะไร ดูได้กันทั้งครอบครัว สร้างเสน่ห์และความจดจำได้เหนือชั้นมากๆ, MIRROR MIRROR จะแจ้งเกิด ลิลี่ คอลลินส์ แน่ๆกับหนังเรื่องนี่ 
"Mirror Mirror on the wall who is the fairest of them all"


ความยาวทั้งหมด 106 นาที
คะแนน 8.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger