300: RISE OF AN EMPIRE

300: RISE OF AN EMPIRE / 300: มหาศึกกำเนิดอาณาจักร

ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES

สตูดิโอผู้สร้าง : LEGENDARY PICTURES

ผู้กำกับ : โนม เมอร์โร่ (SMART PEOPLE)

ประเภทของหนัง : ACTION | DRAMA | WAR

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง

อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง

“ภาคต้น, ภาคคู่ขนาน และ ภาคต่อ งานภาคต่อ 300 อันลือลั่น,

ที่ยังแอ็คชั่นและเลือดสาดและสโลว์เหมือนเดิม!”

แม้หนังเรื่อง 300 จะออกฉายมาตั้งแต่ปี 2006 แต่หนังก็ยังเป็นที่กล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้ผ่านมาถึงแปดปีใครจะไปคิดว่า วอร์เนอร์ จะไปปลุกตำนานผู้กล้า 300 ให้กลับมาโลดแล่นบนจอแม้ตัวละครในหนังจะตายไปแล้วก็ตาม! กับภาคใหม่นี้ "300: RISE OF AN EMPIRE" ที่เป็นทั้งภาคต้น เป็นแม้แต่ ภาคคู่ขนาน และเป็นถึง ภาคต่อ ในหนังเรื่องเดียว! ภาคนี้หนังได้ โนม เมอร์โร่ ผู้กำกับหน้าใหม่ชาวอิสราเอลผู้โด่งดังจากงานโฆษณามาเป็นผู้กำกับ ส่วน แซ็ค ซไนเดอร์ ผู้กำกับของภาคแรกนั้นกระโดดไปเป็นมือเขียนบท...!!

300: RISE OF AN EMPIRE เป็นหนังที่ยังคงมีกล่นอายความเป็นตำนานของ 300 ภาคแรกอยู่! จะทั้งเรื่องราวในหนัง (ที่อาจจะไม่ดิบเถื่อนเท่า) และ เทคนิคต่างๆ ที่เป็นจุดขายในหนัง และ บทหนังที่ไม่ได้พยายามจะขายเท่าไร และที่สำคัญฉากแอ็คชั่นเลือดสาดฉบับสโลว์โมชั่น!

เนื้อหาใน RISE OF AN EMPIRE ภาคนี้จะนับว่าเป็นทั้งภาคต้นก็ได้ จะนับเป็นภาคที่เป็นเวลาคู่ขนานที่เกิดขึ้นพร้อมกันก็ได้ จะนับเป็นภาคต่อ ในหนังเรื่องเดียวก็ว่าได้ เพราะเนื้อหาทั้งหมดในหนังจะครอบคลุมเรื่องราวทั้งหมดของช่วงเวลาที่เกิดขึ้นใน 300 องก์ที่หนึ่งที่เป็นภาคต้นจะเล่าเรื่องสงครามอันเป็นเรื่องราวความเป็นมาที่ทำให้ เซอร์ซีส (โรดริโก้ ซานโทโร่) กลายเป็นราชาเทพ องก์ที่สองในหนังจะเป็นเวลาที่เกิดขึ้นพร้อมช่วงเวลาของ 300 นั่นก็คือช่วงที่สปาร์ต้าออกไปรบ แต่ใน RISE OF AN EMPIRE จะเป็นช่วง อาร์ธีมีเซีย แม่ทัพหญิงแห่งเปอร์เซียต่อสู้ทางน้ำกับกรีกที่นำมาโดย เธมิสโตคลิส และองก์ที่สามก็เป็นภาคต่อที่ทำให้เห็นว่ากรีกรวมเป็นหนึ่งสู้กับเปอร์เซีย

ถ้านับเรื่องบทในหนังอาจจะไม่โฉงฉางเท่า 300 ภาคแรกเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ว่าด้วยสงครามทางน้ำที่ต้องเน้นไปที่การวางแผนเป็นส่วนสำคัญ (ที่ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากเท่ากับแค่มันเป็นสิ่งที่ทำให้หนังเดินหน้าได้) แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังคงอารมณ์ของ 300 ที่ทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีด และ ตื้นเต้นเร้าใจไปกับฉากแอ็คชั่นต่างๆ ที่มีในหนัง

เธมิสโตคลิส (ซัลลิแวน สตาเปิลตัน) ตัวนำของภาคนี้อาจจะไม่เป็นที่เด่นเท่า ลีโอไนดัส ของ เจราร์ด บัตเลอร์ เพราะทางด้าน ลีโอไนดัส นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากในแง่ความกล้าและบ้าดีเดือด แต่ทางด้าน เธมิสโตคลิส ออกจะเป็น นักวางแผนและเป็นนักการเมืองมากไปหน่อย ไหนจะโดนบดบังรัศมีโดย อาร์ธีมีเซีย (อีวา กรีน) ที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำในทุกฉากที่ปรากฏตัว แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับว่ายามใดที่ทั้ง เธมิสโตคลิส กับ อาร์ธีมีเซีย เข้าฉากก็เป็นอะไรที่น่าจดจำพอตัว (ในแง่ไหนก็ว่ากันไป)

ด้วยจุดขายถ้านึกถึงหนัง 300 แน่นอนจะคิดออกมาได้ไม่กี่อย่าง แอ็คชั่น, เลือด, สโลว์โมชั่น และถ้าไม่เกินไปเพราะมันเป็นภาพจำนั่นก็คือ ซิกซ์แพ็ค ใน RISE OF AN EMPIRE คุณได้ตามคำขอครับ ทั้งแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้อลังการงานสร้างและก็ดุเดือดมาก ยิ่งในภาคนี้เป็นสงครามกลางน้ำยิ่งตื่นตาตื่นใจเข้าไปอีก เพราะในภาคนี้ฉากเอฟเฟกต์และเทคนิคต่างๆ ที่นำเสนอในฉากสงครามทางน้ำเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

ต่อมาก็เลือด ภาคนี้วัดแทบไม่ได้ว่าในหนังหมดเลือดไปกี่แกลล่อนเพราะเลือดนั้นเต็มจอจริงๆ เห็นเลือดแทบจะทุก 2-3 นาที คือภาคนี้หนังเซอร์วิสแฟนคลับคลั่งเลือดเต็มจอจริงๆ เห็นสีแดงของเลือดจนเอียนไปเลยทีเดียว (แถมฉากโหดๆ ในหนังก็นับว่าเยอะมาก)

ยิ่งเอาฉากแอ็คชั่นต่างๆ ที่หนังมีมาผสมกับจุดขายสำคัญของหนังอย่าง สโลว์โมชั่น ขอบอกว่าหนังทำออกมาได้ดีจริงๆ ดูทำออกมาได้สวยงามกว่าภาคที่แล้วด้วยซ้ำ ฉากแอ็คชั่น + เลือด + สโลว์โมชั่น งานนี้เป็นความงามที่หาได้เฉพาะในหนังเรื่องนี้เท่านั้น (แต่ก็แอบเยอะไปน่ะฉากสโลว์โมชั่นถ้าลองคิดว่าภาคนี้ไม่มีฉากสโลว์โมชั่นออกไปหนังภาคนี้คงจะประหยัดเวลาได้เยอะพอตัวเลยทีเดียว)

อีกอย่างถ้าบอกว่า ฉากแอ็คชั่น + เลือด + สโลว์โมชั่น และบวกสิ่งสำคัญอย่าง IMAX ลงไป ขอรับประกันว่างานนี้คุณจะได้รับประสบการณ์ที่หาได้ยากบนหน้าจอภาพยนตร์แบบธรรมดาๆ (หรือทีวีหรือหน้าจอคอม แม้จอจะใหญ่ขนาดไหน) ก็ไม่เต็มอิ่มเท่าครับ หนังใช่ประสิทธิภาพบนจอ IMAX และเสียงของจอ IMAX ได้จัดเต็มอลังการมาก, แม้จะแอบเสียดายที่ วอร์เนอร์ ไทยแอบตัดฉากเซ็กซ์ซีนไปก็ตามที...