วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

THE LEGO MOVIE


THE LEGO MOVIE / เดอะ LEGO มูฟวี่


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WARNER ANIMATION GROUP, VILLAGE ROADSHOW PICTURES, LEGO
ผู้กำกับ : ฟิล ลอร์ด และ คริส มิลเลอร์ (CLOUDY WITH A CHANCE OF MEATBALLS, 21 JUMP STREET)
ประเภทของหนัง : ANIMATION | ADVENTURE | COMEDY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“สุดยอดไปซ่ะทุกอย่าง, ทุกสิ่งในหนังล้วน EVERYTHING IS AWESOME!!”


ใครบ้างไม่รู้จักของเล่นที่เป็นตัวต่อเสริมจินตนาการอย่าง LEGO (เลโก้) เชื่อว่าประชากรบนโลกเกือบทั้งหมดรู้จักอย่างแน่นอน และใครบ้างที่เคยเล่นเลโก้ เชื่อว่าเกินครึ่งโลกต้องเคยเล่นอย่างแน่นอน และก็ไม่แปลกเลยที่เลโก้ถึงยังฮิตมาจนทุกวันนี้ เพราะมันเป็นของเล่นที่เล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงเห็นเลโก้ต่อยอดไปอีกมากมายหลายรูปแบบทั้งเกมส์, การ์ตูน, สวนสนุก แต่ที่ยังไม่เคยเห็นก็คือฉบับหนังฉายในโรงหนัง!! และแล้วในที่สุดกว่าหกสิบปีของเลโก้เราก็โชคดีที่ได้เห็นหนังเลโก้จนได้กับหนังที่มีชื่อเสียงเรียงนามว่า THE LEGO MOVIE ! หนังที่มี ฟิล ลอร์ด และ คริส มิลเลอร์ จาก CLOUDY WITH A CHANCE OF MEATBALLS และ 21 JUMP STREET เป็นผู้กำกับ!!..

...ถ้าจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ THE LEGO MOVIE เป็นมากกว่าหนังสำหรับเด็กเอาฮาดูเพลินๆ จบแล้วจบกัน เป็นมากกว่าหนังที่จะมาเพิ่มยอดขายของเลโก้ แต่มันเป็นหนังที่ทรงพลังมากกว่าเป็นแค่หนังอนิเมชั่น มันเป็นหนังที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนังที่พาคนดูวัยรุ่นและผู้ใหญ่ได้หวนรำลึกกับบรรดาของเล่นที่เราเคยเล่นเมื่อครั้งเป็นเด็ก จะบอกได้ว่า THE LEGO MOVIE คล้ายจะเป็น TOY STORY แห่งปี 2014 ก็ว่าได้ เป็นหนังที่พาคนดูผู้ใหญ่ได้กลับไปโหยหาอดีตคืนวันที่เคยเล่นของเล่นตอนเป็นเด็ก แม้จะเติบใหญ่มาเพียงใดแล้วก็ตาม


กับคำเฉลยของเรื่องราวทั้งหมดในช่วงท้ายของหนังที่จะเป็นการเติมเต็มความยอดเยี่ยมของหนัง และนั่นแหละคือบทสรุปที่จะทำให้หัวใจอันเต็มไปด้วยความเยาว์วัยกลับมาพองโตกับการโหยหาของเล่นชิ้นเล็กๆ นามว่า "เลโก้" แม้ตัวหนังจะดำเนินเรื่องได้แต่ต้นได้เฉยๆ ไม่ค่อยเด่นเท่าไรแต่กลับเป็นว่าเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ หนังกลับมีความโดดเด่นในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการดำเนินที่เรียกได้ว่าเฮฮา แต่ก็พลิกมาจริงจังได้แบบไม่สะดุด ผ่านเรื่องราวของชายผู้ไม่มีความโดดเด่นอย่าง เอมเม็ต (คริส แพรทท์)

เอมเม็ต เป็นชายผู้ที่เรียกได้ว่า โนบอดี้ หรือ ไร้ตัวตน เป็นเลโก้ที่เดินตามคู่มือ (เหมือนหนังจะเอาจุดเด่นในการประกอบของเลโก้ที่บางทีต้องใช้คู่มือมาเป็นจุดขายและนำมาล้อเลียนซ่ะเอง) เขาบังเอิญกลายเป็นคนที่เรียกได้ว่ากุมชะตาของโลกด้วยความบังเอิญและนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของหนัง ซึ่งบทสรุปทั้งหมดของหนังจะเป็นยังไงต่อก็เชิญตามต่อกันเอง


สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ ของ THE LEGO MOVIE ที่ไม่นับการที่หนังมันสามารถดึงจุดเด่นของจิตวิญญาณเลโก้ออกมานำเสนอได้สุดลิ่มทิ่มประตูแล้วก็เห็นจะเป็นไอ้มุกตลกที่หนังมีเนี่ยล่ะ นอกจากจะเอาตัวบริคเลโก้มาล้อเลียนผ่านตัวละครหรือสิ่งก่อสร้างหรือการคิดกับไอเดียที่เป็นจุดขายของเลโก้อย่างที่ต่อได้มากมายหลายรูปแบบ (ที่หนังขายจุดนี้ได้อย่างโอเว่อร์) ก็เห็นจะเป็นการที่หนังสามารถร้อยเรียงเรื่องของมุกที่เป็นการจิกกัดหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับความเป็นเลโก้และล้อหนังดังๆ ทั้งหลายได้แบบดีสุดๆ อาทิ แบทแมน (วิลล์ อาร์เนทท์), ซูเปอร์แมน (แชนนิ่ง เททั่ม) กับ กรีนแลนเทิร์น (โจน่าห์ ฮิลล์) หรือมุกดัมเบิลดอร์ ที่คนชอบเรียกเป็น ดับเบิลดอร์ หนังก็เอามาล้อ ไหนจะ สตาร์วอร์ส หนังเรื่องนี้ก็ไม่ล่ะเว้น

ถือเป็นจุดขายที่หนังเอามาขายและได้ผลแบบสุดๆ จุดเด่นต่อมาก็คงจะเป็นเรื่องของการขยับของอนิเมชั่นที่ยังคงเก็บรายละเอียดของความเป็นเลโก้ไว้ได้หมด ตัวละครเลโก้ขยับได้แค่ไม่กี่จุดในหนังก็จะเห็นได้ว่าขยับกันได้ไม่กี่จุด ตั้งแต่ฉากแรกก็รู้สึกได้เลยว่า หนังมันจัดเต็มความเป็นเลโก้ได้แบบคาดไม่ถึง


จะเรียกได้ว่า THE LEGO MOVIE เป็นมากกว่าหนังที่ทำให้แค่เด็กอายุ 8-14 ปีดู (ที่แปะอยู่ข้างกล่อง) แต่เป็นหนังที่ทำให้คนอายุมากกว่านั้นมีความสุขไปตลอดการดูเพราะหนังมันพาให้เห็นความเป็นเลโก้ได้และพาให้อยากกลับไปหาเลโก้มาเล่นอีกสักครั้งเลยทีเดียว...


ความยาวทั้งหมด 100 นาที
คะแนน 9/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger