วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

TRANSCENDENCE


TRANSCENDENCE / ทรานส์เซนเดนซ์ คอมพ์สมองคนพิฆาตโลก


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : ALCON ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : วอลลี่ ฟิสเตอร์
ประเภทของหนัง : DRAMA | MYSTERY | SCI-FI

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“หรือมนุษย์จะเป็นพระเจ้า ผลงานเปิดตัว วอลลี่ ฟิสเตอร์ ที่ธรรมดาเกินไป”


เป็นงานที่เดบิวต์เปิดตัวผู้กำกับหน้าใหม่ของวงการ (แต่หน้าเก่าในด้านกำกับภาพ) อย่าง วอลลี่ ฟิสเตอร์ อดีตมือกำกับภาพคู่ใจของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ไม่แปลกใจทำไมถึงมีชื่อ คริส โนแลน เป็นผู้อำนวยการสร้าง และมีชื่อสตูดิโอของโนแลนมาเป็นสตูดิโอผู้สร้างโดยไม่ได้เครดิต ซึ่ง วอลลี่ ฟิสเตอร์ มาพร้อมไอเดียที่โคตรไซไฟและเจ๋งสุดๆ จะเป็นอย่างไรหากความคิดมนุษย์ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์และขยับฐานะไปเป็นอะไรไม่ต่างกับพระเจ้า! งานที่มาพร้อมกับนักแสดงเกรดเออย่าง จอห์นนี่ เด็ปป์, รีเบ็คก้า ฮอลล์, พอล เบ็ตตานีย์, มอร์แกน ฟรีแมน, คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ !!...

... วอลลี่ ฟิสเตอร์ ยังคงไม่ทิ้งลายการเป็นมือกำกับภาพชั้นยอด แม้ในหนังเรื่องนี้เขาจะไม่ได้เป็นคำกำกับภาพเอง แต่ใช้บริการของ เจสส์ ฮอลล์ มือกำกับภาพจาก HOT FUZZ โดยใน TRANSCENDENCE ฟิสเตอร์ ทำให้ภาพออกมาเป็นโทนสีออกเก่าๆ (ไม่รู้เป็นที่โรงหรือเปล่า (ดูที่ สกาล่า) แต่สีภาพมันดูไม่สดมาก) แต่โชว์ศักยภาพของสิ่งที่หนังจะนำเสนอได้อย่างเต็มและออกมาได้ดูสวยงามทั้งวิวทิวทัศน์ทั้งทะเลทรายยันท้องฟ้าและแม่น้ำยันแม้แต่ดอกทานตะวัน


แต่นั้นมันก็สวนทางกับเนื้อหาของหนังเป็นอย่างมาก เพียงอีแค่ประโยคแรกๆ ของหนังมันก็ไม่ต่างอะไรกับการสปอยล์หนังทั้งเรื่อง คือมันพูดออกมาโอเคฉันรู้ล่ะใครอยู่ใครตาย แต่หนังก็ทิ้งปมให้ไปรู้กันเองว่าทำไมมันถึงไม่มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ ก่อนที่หนังจะพาย้อนไปไกลด้วยการย้อนไปห้าปีก่อนหน้าซึ่งงานนี้ผู้กำกับ วอลลี่ ฟิสเตอร์ เหมือนจะเดินเกมพลาดอย่างมหันต์คือเอะอะๆ ก็โยนปริศนาโยนคำถามลงมาใหม่ในหนังตลอดเวลาว่า "ทีนี้" หลังจากนี้จะเป็นไงต่อกันล่ะ?

ไอ้คำถามที่ว่าก็คือจะเป็นไงล่ะถ้าคอมพ์สมองกลที่นึกคิดเองได้อะไรได้ทำได้ทุกอย่างแม้แต่คืนชีพร่างมนุษย์ของตนเองไม่ต่างกับพระเจ้า สามารถควบคุมโลกได้ล่ะจะเป็นอย่างไร นี่คือคำถามที่พาหนังไปให้ใหญ่โตกว่าที่หนังควรจะเป็น ทีนี้พอหนังดำเนินไปโดยใส่ปริศนาลงมาให้มารอคำเฉลยในตอนท้ายว่าทำไมอีคอมพ์อัจฉริยะนี้ถึงคิดจะควบคุมโลก? พอได้เจอคำเฉลยในตอนท้ายก็แทบอยากจะล้มโต๊ะ! (แอบสปอยล์) ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปเพื่อภรรยาสุดที่รัก เพราะฝันของเธอคือการที่ทำให้โลกน่าอยู่และธรรมชาติงดงาม!? จากหนังไซไฟกลายเป็นหนังรักซะงั้น!


นั่นล่ะถือเป็นปัญหาของผู้กำกับ วอลลี่ ฟิสเตอร์ ที่ดูยังไงก็พยายามเดินตามรอยของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ใส่นู้นใส่นี่ลงไปในหนังให้ทุกอย่างมันใหญ่โตไปเรื่อยๆ แต่เหมือนบารมีจะต่างกันกับ โนแลน ทุกสิ่งล้วนสมเหตุสมผล แต่ ฟิสเตอร์ เหมือนพยายามจะไปให้ถึงตรงนั้นแต่ทุกอย่างในหนังมันไม่เอืออำนวยเพราะทุกอย่างที่โยนลงไปยิ่งทำให้หนังใหญ่โตเกินไปแต่ ฟิสเตอร์ หาทางแก้แบบรวบรวดและก็ปล่อยจบและทุกอย่างก็ง่ายจนอยากจะถอนใจ แถมประเด็นที่พยายามเล่นอย่างข้อดีข้อเสียของ อินเตอร์เน็ต และ เทคโนโลยี เหมือนเปิดประเด็นไว้แต่เหมือนพอหนังดำเนินไปเรื่อยดูจะโดนลืมซ่ะอย่างนั้น

ไหนๆ หนังก็พลิกล็อคจนกลายเป็นหนังรักแล้ว แต่ด้วยการที่หนังไม่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าทั้ง วิล และ เอฟ รักกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะหนังเรื่องนี้ ป๋าเด็ปป์เล่นได้ทื่อมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งร่างคนหรือแม้แต่ตอนเป็นคอมพิวเตอร์แล้วก็ตาม ผิดกับ รีเบ็คก้า ฮอลล์ ที่เด่นกว่าและบทก็เยอะกว่ามันจึงสวนทางกันจนไม่เชื่อว่าทั้งคู่รักกันได้ นี่ยังไม่รวมการโดนกลบรัศมีโดย พอล เบ็ตตานีย์ อีกน่ะ เพราะงั้น วอลลี่ ฟิสเตอร์ เชิญแก้ตัวใหม่เรื่องหน้าครับ


“อินเตอร์เน็ตถูกสร้างให้โลกเล็กลง แต่พอไม่มีมันเรากลับเหมือนตัวเล็กลง?”

ความยาวทั้งหมด 119 นาที
คะแนน 6.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger