วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

THE LEGEND OF TARZAN


THE LEGEND OF TARZAN / ตำนานแห่งทาร์ซาน


ผู้จัดจำหน่าย : WARNER BROS. PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : VILLAGE ROADSHOW PICTURES
ผู้กำกับ : เดวิด เยตส์ (HARRY POTTER AND THE DEATHLY HALLOWS: PART 2)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“เมื่อตำนานของ เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรห์ สิ้นมนต์ขลัง...”


เห็นทุนสร้างของ “THE LEGEND OF TARZAN” ก็ได้แต่ถอนหายใจ แทนที่หนังจะเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ ฟอร์มดีดูสนุก แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นหนังที่ดาษๆ พื้นๆ ไม่มีอะไรให้น่าจดจำสักเท่าใดนัก ‘มนต์ขลังของ เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรห์ หมดยุคสมัยแล้ว’ (ผู้แต่ง จอห์น คาร์เตอร์) จะเอาความจริงข้อไหนมาพูด เรื่องราว ทาร์ซาน มันก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แล้ว แม้จะพยายามดัดแปลงเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น แต่หนังก็จะอยู่ในกรอบเดิมๆ ไม่พ้นภาพจำที่ ทาร์ซาน ต้องโหนเถ้าวัลย์ไปในป่าพงไพร และ ทาร์ซานต้องคู่กับเจน เท่านั้น ถึงแม้จะอยู่ในมือของ เดวิด เยตส์ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าถึงแม้หนังจะพยายามดัดแปลงมากมายขนาดไหนหนังก็จะอยู่ในกรอบเดิมๆ ถึงหนังพยายามเอาตำนานทาร์ซาน มาตีความใหม่ขนาดไหน กับฉบับ 2016 นี้ตัวหนังกลับกลายเป็นว่าเล่าเรื่องได้ซ้ำซากจำเจ การเดินเรื่องที่ดูสะเปะสะปะ แถมไม่รู้ว่าหนังจะเอาหัวข้อไหนเป็นใจความสำคัญกันแน่ ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของ ทาร์ซาน (อเล็กซานเดอร์ สการ์การ์ด) กับ เจน (มาร์ก็อต ร็อบบี้) หรือเรื่องที่ ทาร์ซาน พยายามเก็บอดีตและสัญชาติญานดิบไว้ไม่เป็น ทาร์ซาน แต่เป็น ลอร์ดเกรย์สโตรค จอห์น เคลย์ตัน ที่สาม แทน


ไหนจะเรื่องของ เจน กับสัมพันธ์กับ ชนเผ่าที่ เจน เคยอยู่อีก ไหนจะเรื่องการวางแผนของ มิสเตอร์รอม (คริสตอฟ วอลตซ์) ที่พยายามจะนำพา ทาร์ซาน ไปสู้กับ มบองก้า (จิมอน ฮาวด์ซู) แลกกับเพชรอะไรจำพวกนี้อีก จริงๆ ในหนังมีเรื่องอะไรอีกเยอะเยอะที่หนังพยายามจะเล่นพยายามจะเล่า แต่หนังกลับกลายเป็นความชุลมุ่นวุ่นวายบนจอหนังมากๆ โดยเฉพาะฉาก แฟลชแบ็ค ในหนังนี่มาถี่ๆ มาก กำลังจะดีก็กำลังถึงฉากสำคัญกลับกลายเป็นพังตลอด เลยกลายเป็นว่าหนังเดินเรื่องและเล่าเรื่องไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับหนังเลย!

ถ้าไม่นับฉากที่พวกทาร์ซานโหนเถาวัลย์ที่พอทำให้ตื่นเต้นอยู่บ้าง ฉากแอ็คชั่นอื่นๆ ในเรื่องกลับขาดความตื่นเต้นเกือบหมดทุกฉาก ทั้งฉากที่สู้กับฝูงกอริลล่า ฉากที่สู้กับ มบองก้า หรือฉากท้ายเรื่อง ทุกฉากที่พูดถึงหนังทำออกมาได้จืดชืดมากๆ ไร้สีสันอย่างแรงเป็นอะไรที่ช่างน่าเสียดายมากๆ ครับ, อเล็กซานเดอร์ สการ์การ์ด ในบท ทาร์ซาน และ มาร์ก็อต ร็อบบี้ ในบท เจน สองพระนางในภาคนี้ ไม่รู้เพราะหนังบทไม่ส่งหรืออะไร แต่รู้สึกสองคนนี้ เคมีไม่เข้ากันมากๆ เป็น ทาร์ซาน และ เจน ที่ไม่เข้ากันอย่างแรง


คริสตอฟ วอลตซ์ หนึ่งในนักแสดงที่เก่งที่สุดของวงการ นักแสดงที่รับบทร้ายได้ปังที่สุดของวงการ ใน THE LEGEND OF TARZAN ดูจบถึงกับต้องส่ายหน้าเอา คริสตอฟ วอลตซ์ มาแกล้งกันทำร้ายกันชัดๆ ทำร้ายกันยิ่งกว่าบทที่ คริสตอฟ วอลตซ์ เล่นใน THE GREEN HORNET และ HORRIBLE BOSSES 2 รวมกันซ่ะอีก แต่ถ้าถามว่าชอบใครที่สุดในเรื่องนี่ก็ต้องบอกว่า แซมมวล แอล. แจ็คสัน เลย สร้างสีสันได้พอตัว กำลังจะเคลิ้มๆ หลับเห็นหน้า แซม แจ็คสัน นี่ตื่นเลย (แหม่ ก็เกินไป แต่ แซม แจ็คสัน นี่ส่วนดีที่สุดของเรื่องแล้วจริงๆ)

พูดถึงเรื่องอื่นๆ กันบ้าง อย่างเช่น ซีจี อะไรแบบนี้ ขอหยิบยกผลงาน ซีจี เทพๆ แนวคล้ายๆ กัน ในปีนี้อย่าง THE JUNGLE BOOK ไว้เป็นตัวตั้งเลยนะ แล้วเอา THE LEGEND OF TARZAN ไปเปรียบเทียบ คือเห็นความต่างได้ชัดเลย คือ ซีจี ไม่เนียน ยกตัวอย่างเช่น สัตว์ ที่ไม่เนียน ฉากในป่าที่มีความรู้สึกว่าไม่เนียน (มันจะมีฉากที่พวก ทาร์ซาน วิ่งไปบนต้นไม้ ฉากนั้นนี่เห็นว่าไม่เนียนอย่างแรง) พอดูใน IMAX ที่จอมันใหญ่ ที่นี้เห็นชัดเลยว่าไม่เนียน พูดถึง IMAX เรื่องนี้ก็ได้แค่จอใหญ่ กับเสียงแน่น พวกฉากยิงปืนต้นเรื่องนี่สนั่นมาก นอกนั้นก็ถือว่าธรรมดาครับ...


ความยาวทั้งหมด 109 นาที
คะแนน 5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger