EPIC / บุกอาณาจักรคนต้นไม้
ผู้จัดจำหน่าย : 20TH CENTURY FOX
สตูดิโอผู้สร้าง : BLUE SKY STUDIOS
ผู้กำกับ : คริส เวดจ์ (ICE AGE & ROBOTS)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | ANIMATION | FAMILY
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“EPIC อลังการงานสูตรสำเร็จ แต่เนื้อหาจับต้องได้ ภาพสวย ดนตรีเจ๋ง ทีมพากย์เยี่ยม!”
"EPIC" หนังใหม่ของสตูดิโอ Blue Sky ผู้สร้าง Ice Age ทั้ง 4 ภาค และ RIO ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือสำหรับเด็กอย่าง "The Leaf Men and the Brave Good Bugs" ของ วิลเลี่ยม จอยซ์ ผู้ที่ผลงานก่อนหน้าเคยโดนไปดัดแปลงมาแล้วอย่าง Rise of the Guardians เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตัวหนัง EPIC ได้ตำนานของสตูดิโออย่าง คริส เวดจ์ ผู้กำกับจาก Ice Age และ Robots มาเป็นผู้กำกับของหนัง ซึ่งตัวหนังเองก็ได้ทีมพากย์ระดับซูเปอร์สตาร์มาสร้างสีสันซึ่งประกอบไปด้วย อแมนด้า เซย์ฟรีด, จอช ฮัทเชอร์สัน, บียอนเซ่, โคลิน ฟาร์เรลล์, อาซิส แอนซารี่, คริส โอดาวน์, พิตบูล, เจสัน ซูเดคิส, สตีเว่น ไทเลอร์, คริสตอฟ วอตลซ์ มาให้เสียงพากย์ครับ..!!
สำหรับ EPIC ว่าด้วยเรื่องราว “ในป่าลึกที่มีสงครามระหว่างผู้พิทักษ์ฝ่ายดีและฝ่ายร้าย เด็กสาววัยรุ่นคนนึงค้นพบพลังบางอย่างและได้หลุดเข้าไปยังความลับของจักรวาล นั้นทำให้เธอรวมพลังกับผู้พิทักษ์ฝ่ายดีที่มีแต่ความสนุกและแปลกในตนเองเพื่อปกป้องโลกที่เธออาศัยอยู่และทุกสิ่งในโลก” เรื่องราวสั้นๆ ของ EPIC ครับ
โดยรวม "EPIC" เป็นหนังอนิเมชั่นที่ดำเนินเรื่องง่ายๆ เล่าเรื่องง่ายๆ ไม่มีความซับซ้อนอะไรครับ แต่มีความสนุกในตัวมันเอง เป็นหนังอนิเมชั่นสูตรสำเร็จที่เห็นได้บ่อยในช่วงหลังๆ ให้นึกว่าดู Ice Age: Continental Drift ในการดำเนินเรื่อง แต่อันนี้ EPIC สนุกกว่าในหลายเรื่อง ทั้งมุกตลกที่ทำได้แบบสุดๆ มีอะไรที่สนุกกว่า แต่ไม่ว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไร แต่หนังก็มีมีประเด็นสอดแทรกตามสไตล์หนังอนิเมชั่น แต่หากให้เจาะจงหน่อยก็มีประเด็นสอดแทรกตามสไตล์ BlueSky อย่างเรื่องราวการดูแลรักษาธรรมชาติที่เป็นเรื่องราวสำคัญที่หนังนำมาเป็นจุดขายหลักดังที่เห็นอยู่ในโปสเตอร์หรือตัวอย่าง แต่หากได้ดูได้ชมตัวหนังจริงๆ จะรู้ว่าประเด็นดูแลรักษาธรรมชาติดูจะเป็นเรื่องราวรองๆ ซะมากกว่าเพราะประเด็นจุดขายหลักดูจะอยู่ความสัมพันธ์ของ "พ่อลูก" เป็นสำคัญ
ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นนี้หนังก็ยกเอามาใช้กับตัวละครในหลายๆ ตัว อาทิตัว M.K. (อแมนด้า เซย์ฟรีด) กับ บอมบ้า (เจสัน ซูเดคิส) ที่เป็นพ่อลูก หรือตัว น็อด (จอช ฮัทเชอร์สัน) กับ ตัวโรนิน (โคลิน ฟาร์เรลล์) ที่แม้ไม่ได้เป็นพ่อลูกกันแต่ก็มีความห่วงใยเหมือนพ่อกับลูกแท้ หรือแม้แต่ฝั่งตัวร้ายอย่าง แมนเดรก (คริสตอฟ วอตลซ์) กับลูกชายที่จุดมุ่งหมายเปลี่ยนไปเพราะลูกตายเป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในหลายๆ จุดของเรื่องจะเน้นไปที่ตัวเรื่องราวความรักของพ่อลูก หรือขยายความหน่อยก็เป็นครอบครัวเป็นต้นอะไรประมาณนี้ ดังนั้นสิ่งที่หนังพยายามจะบอกเป็นสำคัญก็คือครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญดังนั้นควรเห็นคุณค่าของสิ่งนี้เป็นหลักก่อนที่อะไรหลายๆ อย่างจะสายเกินไป ซึ่งเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ครับ
แต่หากว่าไม่นับการดำเนินเรื่องหรือประเด็นต่างๆ สิ่งที่ต้องยกให้เป็นจุดขายสำคัญของเรื่องคงอยู่ที่การออกแบบตัวละครที่ทำออกมาได้ดีมากๆ มีเอกลักษณ์ที่จดจำได้ เหมือนเป็นลายเซ็นของหนัง ที่ออกแบบได้น่าจดจำ เอาแค่การออกแบบผู้ดูแลบึงดอกบัวที่เป็นจุดสำคัญของเรื่อง ซึ่งผู้ดูแลก็คือ มับ และ กรั๊บ ซึ่งเป็นแค่หอยทากกับทากแต่หนังก็ออกแบบตัวละครและสร้างเอกลักษณ์ได้น่าจดจำเป็นอย่างมาก ซึ่งหากไม่เกินไปน่ะ ไอ้เจ้าสองตัวนี้นี่แหละคือตัวสร้างสีสรรค์ของเรื่องที่โผล่เมื่อไรก็ฮาได้ตลอดเวลา คือถ้าหากลองคิดหากหนังไม่มีเจ้าสองตัวนี้หนังอาจจะไม่สนุกๆ ทำให้กลายเป็นว่าไอ้เจ้าสองตัวนี้คือตัวละครที่แบกหนังได้ทั้งเรื่องซะงั้น
จุดขายหลักๆ อีกอย่างของหนังคือด้านภาพที่ทำออกมาได้สมชื่อเรื่องคืออลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก ทั้งภาพสวย คือสวยจริงๆ คือถ้าได้ดูแบบ 3มิติ จะเป็นส่วนช่วยยกระดับงานด้านภาพให้ออกมาสวยมากขึ้นครับ แม้ 3มิติจะไม่พุ่งกระแทกตาเท่าไร แต่มันมีความลึกของภาพอย่างเห็นได้ชัดครับ ซึ่งอีกสิ่งที่ช่วยยกระดับงานด้านภาพให้เด่นจริงๆ อีกอย่างก็คือดนตรีประกอบ หลายๆ คนคงงงว่าแล้วดนตรีไปเกี่ยวกับภาพได้อย่างไร งานนี้บอกไม่ได้มากเท่าไรแต่ต้องไปดูครับ เพราะจะทำให้รู้ว่าดนตรียกระดับงานด้านภาพที่เห็นให้เข้าขั้นอลังการสมชื่อจริงๆ มันคือส่วนประกอบที่ดีมากๆ ของหนัง ซึ่งคนที่ทำดนตรีประกอบก็ไม่ใช่ใคร แดนนี่ เอลฟ์แมน !!
อีกหนึ่งความสำคัญเลยคือทีมพากย์อย่างที่รู้เขาจัดเต็มจริงๆ ซึ่งหลายๆ คนก็พากย์ดีครับทั้ง อแมนด้า เซย์ฟรีด, จอช ฮัทเชอร์สัน, บียอนเซ่, โคลิน ฟาร์เรลล์ ฯลฯ แต่คนที่พากย์ได้ดีสุดๆ มีอยู่ 2 คนครับคือ คริสตอฟ วอตลซ์ ที่การันตีด้านการพูดมาแล้วใน Inglorius Basterds จนคว้าออสการ์มาได้ ในหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ป๋าวอตลซ์ของเราก็ไม่ทำให้ผิดหวังพากย์ได้แบบเด็ดดวงจริงๆ อีกคนงานนี้ถือว่าน่าเซอร์ไพรซ์เพราะไม่คิดว่าป๋าแกจะมาพากย์นั้นก็คือ สตีเว่น ไทเลอร์ นักร้องนำ Aerosmith ป๋าแกอาจจะพากย์ไม่เยอะเท่าไรแต่ก็น่าจดจำ เอาแค่ฉากเปิดตัวตัวนิมกาลูของป๋าก็รู้แล้วว่างานนี้ สตีเว่น ไทเลอร์ มาเองชัดๆ ครับ ป๋าไม่ได้พากย์เป็นนิมกาลูแต่พากย์เป็นตัวป๋าเองครับ...
สรุป
“EPIC เป็นหนังอนิเมชั่นที่มาในแบบสูตรสำเร็จ เนื้อเรื่องเดาง่ายว่าจะมีบทสรุปอย่างไร แต่หนังมีมุกตลกที่น่ารักที่ทำให้สนุกไปกับมันได้ทั้งเรื่องอาจจะไม่ฮาสุดๆ แบบ Madagascar แต่ก็ฮาเยอะ งานด้านภาพก็โดดเด่น 3มิติก็สุด ดนตรีประกอบก็สุดๆ แต่เหนืออื่นใด แค่ได้ไปฟังทีมพากย์ ก็คุ้มค่าแล้วครับ นี่คือหนังที่ห้ามพลาดครับ”
ความยาวทั้งหมด 102 นาที
คะแนน 8/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น