วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS


PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS / เพอร์ซีย์ แจ็คสัน กับอาถรรพ์ทะเลปีศาจ


ผู้จัดจำหน่าย : 20TH CENTURY FOX
สตูดิโอผู้สร้าง : FOX 2000 PICTURES, 1492 PICTURES, DUNE ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : ธอร์ ฟรูเดนธอล (DIARY OF A WIMPY KID)
ประเภทของหนัง : ADVENTURE | FAMILY | FANTASY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“เกมส์ผจญภัยฟอร์มยักษ์ที่มาในรูปแบบหนังที่ผู้กำกับและทีมเขียนบทเลือกที่จะกดเล่นในระดับง่ายสุด”


ในภาคแรก PERCY JACKSON & THE OLYMPIANS: THE LIGHTNING THIEF เมื่อปี 2010 หนังทำเงินไปครึ่งๆ กลางๆ ด้วยรายรับ 226 ล้านดอลล่าห์จากทุนสร้าง 95 ล้านดอลล่าห์ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับคำวิจารณ์และกระแสจากกลุ่มคนดูที่ก็ออกไปทางครึ่งๆ กลางๆ เหมือนกันถึงแม้จะได้ คริส โคลัมบัส แห่ง แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ มากำกับก็ตาม แต่จนแล้วจนรอดหนังมันก็ไปกู้หน้าได้จากตลาด DVD และ BD จนผู้บริหารฟ็อกซ์ยอมเสี่ยงอีกครั้งกับตอนต่ออย่าง PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS ที่ครั้งนี้ได้ ธอร์ ฟรูเดนธอล มากำกับพร้อมทีมนักแสดงนำทั้งสี่คนในภาคแรกอย่าง โลแกน เลอร์แมน, อเล็กซานดร้า แดดดาริโอ, แบรนดอน ที แจ็คสัน และ เจ็ค อาเบล กลับมาในภาคต่อ!!

นี่คือเกมส์ผจญภัยฟอร์มยักษ์ที่มาในรูปแบบหนังที่ผู้กำกับและทีมเขียนบทเลือกที่จะกดเล่นในระดับง่ายสุด!? ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในตัวฉบับหนังสือ (THE SEA OF MONSTERS) นั้นดีมากเพียงไรเพราะยังไม่เคยได้มีโอกาศอ่านเลย (จริงๆ คือจะซื้อแต่ก็ไม่ได้ซื้อซักทีทั้งห้าเล่มเลน) แต่ดูจากลิสต์รางวัลที่คว้ามาได้ตัวนิยายคงดีมากๆ แน่ๆ ซึ่งตรงนี้ขอสต็อปไว้แค่นี้เดี๋ยวไปกันใหญ่กลับมาที่ตัวหนังกันอย่างที่บอก PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS เป็นอะไรที่หากเป็นเกมส์ก็คงเป็นเกมส์ที่ผู้เล่นเลือกเล่นในระดับที่ง่ายที่สุด ด้วยการที่ตัวหนังดำเนินเรื่องเร็วตามหลักของหนังในสมัยนี้ การที่หนังจะข้ามจากซีนหนึ่งไปอีกซีนหนึ่งมันก็เลยดูเป็นอะไรที่ง่ายๆ เกินไป


และนั้นแน่นอนว่าเป็นการไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของคนดูได้อย่างแน่นอน เอาแค่บรรดาภารกิจต่างๆ ที่หนังใส่มาหนังก็เลือกที่จะทำทุกอย่างให้ง่ายและจบง่ายๆ ไว้ก่อนอย่างบรรดาภารกิจที่กลุ่มของเพอร์ซีย์ต้องทำทุกอย่างก็ดูจะเป็นอะไรที่ง่ายเกินไปในแทบทุกๆ ฉากๆ แถมยิ่งง่ายเกินไปอีกเมื่อหนังยิ่งใกล้จบ มีดีหน่อยที่รู้สึกว่ามันดูยากและสามารถดึงอารมณ์คนดูได้ก่อนที่หนังจะทำลายอารมณ์คนดูหลังจากนั้นหลังจากผ่านฉากนี้ไปคือฉากต้นเรื่องที่กระทิง (ขอโทษจำชื่อเรียกไม่ได้) ของลุคมาบุกค่ายลูกครึ่งเทพ ฉากนี้เป็นฉากที่ดูวุ่นวายและรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ดูยากมากจนต้องใช้การร่วมแรงร่วมใจของคนในค่ายมากเป็นพิเศษ

และหลังจากจบภารกิจก็อย่างที่บอกทุกอย่างในหนังดูง่ายหมดและไม่ได้ยากเกินความสามารถบรรดาลูกเทพทั้งหลายนักและนั้นเองที่ทำให้ก็ไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมแบบจะรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครให้ไปตลอดรอดฝั่งได้ให้ทำภารกิจอันสุดแสนจะยิ่งใหญ่ให้มันสำเร็จอย่างลุล่วงได้เนี่ยคือปัญหาใหญ่ของหนังเลยแต่จริงๆ ทำให้หนังก็เป็นหนังผจญภัยธรรมดาๆ อีกเรื่อง, แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเด่นและรู้สึกชอบมากเป็นพิเศษเลยคือเรื่องราวของพี่น้องอย่าง เพอร์ซีย์ และ ไทสัน ที่เป็นบุตรของโพไซดอนเหมือนกันแม้จะคนล่ะแม่ก็ตาม ตลอดเรื่องจะเห็นไทสันเป็นตัวละครที่แปลกแยกเพราะความเป็นยักษ์ไซคล็อปส์และต้องการเพียงความรักของพี่ชายอย่างเพอร์ซีย์


ซึ่งตลอดเรื่องจะเห็นว่าตัวบทหนังพยายามจะสร้างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ให้มากขึ้นๆ ซึ่งตรงส่วนตรงนี้คือส่วนที่ยอมรับว่าตัวหนังสร้างเนื้อหาได้ดีมากกว่าบรรดาภารกิจตามล่าขนแกะสุดแสนง่ายซะอีก อีกทั้งการใช้ความแปลกแยกของไทสันมาเป็นตัวทำให้เป็นเรื่องราวสำคัญได้ในส่วนอดีตของแอนนาเบ็ธที่ไม่ถูกกับไซคล็อปส์นี่ก็เป็นอีกจุดที่หนังก็ทำออกมาได้แบบไปวัดไปวาได้ดูจับต้องได้แม้มันจะดูสวนทางไปกับภารกิจสุดง่ายนั้นก็ตามที แต่โดยรวมสำหรับ PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS ก็เป็นหนังที่ดูเพลินไม่ต่างกับภาคแรกซึ่งหากต้องเทียบภาคแรกในความคิดรู้สึกว่าภารกิจในภาคแรกจะดูโหดหินและยากกว่าภาคนี้เยอะเลย (หลายเท่าด้วยซ้ำ) ส่วนตัวบทหนังอะไรนั้นก็เรื่อยๆ ธรรมดาพอๆ กัน

ส่วนข้อดีที่สุดในภาคนี้คืออะไรอย่างแรกเลยคือเทคนิคพิเศษของหนังที่รู้สึกได้เลยว่ามันเนียนตาขึ้นมากและการออกแบบฉากต่างๆ ที่ก็รู้สึกว่าโดดเด่นเป็นพิเศษโดยเฉพาะฉากในทะเลปีศาจที่รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษ (ถึงหนังจะใช้ไม่คุ้มค่าก็เถอะ) ส่วนอย่างที่สองคือทีมนักแสดงหลักที่ไม่เปลี่ยน (ซึ่งเหตุผลที่อยากดูก็เป็นเพราะทีมนักแสดงชุดเดิม โดยเฉพาะ อเล็กซานดร้า แดดดาริโอ) และเห็นความเติบโตมากขึ้นของตัวนักแสดงทั้งหลาย และรวมถึงนักแสดงใหม่ที่เข้ามาครั้งแรกในภาคนี้อย่าง ดักลาส สมิธ (ไทสัน) หรือ เลเวน แรมบิน (แคลริส) ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เคมีของทีมนักแสดงดูเข้ากันมากกว่าเดิม ร่วมถึงรุ่นใหญ่อย่าง สแตนลี ทุชชี่ (คุณดี) หรือ แอนโธนี่ เฮ้ด (ไครอน) และ นาธาน ฟิลเลียน (เฮอร์มิส) ก็สร้างสีสันได้


แต่ที่ขอติภาคนี้ก็คือระบบสามมิติรู้สึกว่าภาพดูธรรมดาเป็นพิเศษไม่ค่อยมีอะไรจนรู้สึกได้ว่าระบบสามมิติบางทีไม่ต้องใส่มาก็ได้ไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นอะไรต่อการดูมากนัก, ธอร์ ฟรูเดนธอล จะกำกับหนังดีมั้ยก็ไม่น่ะ จะแย่มั้ยก็ไม่อีกนั้นแหละ ธอร์ กำกับ PERCY JACKSON: SEA OF MONSTERS ในภาคนี้ก็ดูเป็นหนังที่ดูเอาสนุกได้แถมพอดูเพลินฆ่าเวลาได้ในระดับนึง ยกเว้นก็พวกการดำเนินเรื่องและภารกิจที่ดูง่ายไปหน่อยก็เท่านั้นส่วนตอนจบภาคนี้เหมือนจะมีภาคต่อ (THE TITAN'S CURSE) หากจะมีภาคต่อก็ดูได้ในฐานะคนดูเพราะไหนๆ ก็ทำมาขนาดนี้แล้วทำต่อก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าไม่ทำต่อก็รีบู๊ตใหม่ไปเลยก็ได้ไม่เสียหายอะไร...


ความยาวทั้งหมด 106 นาที
คะแนน 7/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger